ตอนนี้ผมก็อายุ18 ผมขอเริ่มตั้งแต่ต้นนะครับ
ผมมีพี่ชาย 3 คนคนโตอยู่ตปท. คนรองกับคนที่สามอยู่ไทย ครับ
ย้อนไปเมื่อตอนประถมด้วยพ่อกับแม่ต้องวิ่งไปมา ต่างจังหวัดบ่อยๆ ผมจึงได้อยู่กับพี่ชายคนรองกับคนสาม ซึ่งปกติผมก็ถูกเลี้ยงมาแบบให้อยู่แต่ในบ้านเพราะข้างนอกมันอันตราย พวกพี่ชายก็แต่งงานกันหมดแล้ว เขาเลยต้องเลี้ยงดูลูกของเขา และแฟน ผมก็เลยต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่ อยู่กับเกมตลอดเวลาอยู่บ้าน นับว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมก็ได้เลย ถึงผมจะเล่นเกมด้วยทุกวันและหลายชม.มาก แต่เนื่องผมก็เป็นคนเรียนดีมาก ประถมเกรด 4 ตลอด มัธยมก็เกรดเฉลี้ย 3.95 ซึ่งแน่นอนครับ สิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นปัญหาให้ผมตอนนี้อย่างมาก เรียนเก่งก็จริงแต่ผมก็เล่นเกมหนักด้วย มันกลายเป็นนิสัยของผมมาตลอดแล้ว คือทำงานด้วยเล่นด้วย งานก็เสร็จ คุณภาพก็ใช้ได้ คือผมทำงานด้วยความสุขตลอด ทำด้วยความสนุก ผมเลยทำได้ดี แต่ตอนนี้ผมมีปัญหามาก
ตอนนี้ผมได้ย้ายมาอยู่กับพี่ชายคนโตที่ออสเตรเลีย ผมก็อยู่ได้สองปีแล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดต่อให้ที่ไทยเวลาอยู่กับเพื่อน เพื่อนจะเป็นคนเปิดประเด็นก่อนอยู่เสมอๆ มันก็เลยกลายเป็นปัญหาตอนนี้อีกเช่นกัน คือผมไม่ค่อยพูด
เมื่อปีที่แล้วผมก็เกือบไม่ไหวร้องไห้ตลอด แต่ก็ทนมาได้ พอมาตอนนี้ผมเริ่มไม่ไหวอีกแล้ว
ผมมาอยู่ออสนี่มาอยู่กับพี่ชายและแฟนพี่ชายครับ ซึ่งบ้านที่อยู่คือบ้านแฟนพี้ชาย ซึ่งผมก็ต้องช่วยดูแลบ้านด้วย แต่ทีนี่ผมก็ต้องช่วยเกี่ยวกับเรื่องทิ้งขยะกับเครื่องล้างจาน ปกติแล้วถ้าผมเห็นว่าเครื่องล้างจานเต็ม หรือล้างเสร็จแล้วผมก็จะเก็บจานหรือเปิดเครื่องตามปกติ ทิ้งขยะก็เช่นกัน แต่แล้ว มันก็บ่อยครั้งที่ผมโดนดุเรื่องไม่ยอมเอาขยะไปทิ้งกับไม่ยอมเก็บจาน ออกจากเครื่องล้างจาน ซึ่งผมไม่โอเคตรงนี้ เพราะปกติแล้วมันเป็นโซนครัวซึ่งนานๆทีผมจะใช้ เลยไม่ได้ยุ่งแถวนั้นมาก เวลาผมใช้ผมก็เก็บกวาดตลอด แต่ทีนี้บางครั้งผมเห็นว่า จานไม่เต็มอย่างงี้เลยไม่เปิดเครื่อง ไม่ก็จานยังเปียกเลยไม่อยากเอาออกมาให้มันกระเจิง เลยเก็บไว้ก่อน และบ่อยมากผมก็โดนบ่นว่า ทำไมไม่เปิดเครื่องล้างจาน? ทำไมไม่เก็บจาน? ผมพยายามอธิบาย แต่เขาก็จะตอบมาว่า ทำไมไม่มาคอยดูหละว่า มันเต็มไม่เต็ม? แล้วก็เปิดเครื่อง (อธิบายเป็นไทยก็ยากแล้ว เพราะปกติที่ไทยผมไม่เคยเถียงหรืออธิบายเพราะ วัฒนธรรมไทยหนะครับ เลยได้แต่ฟังผู้ใหญ่ แล้วทีนี้ผมดังต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอีกยิ่งยากโขเลย ด้วยที่ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด+นิสัยจากไทยเลยเถียงเขาตะกุกตะกักมาก เพราะผมก็เถียงแรงไม่ได้ ผมอาศัยบ้านเขาอยู่ถูกไหม? ผมก็เกรงใจ+กลัว) ผมก็เลยเลือกไม่เถียงซะส่วนใหญ่ ทั้งที่ผมก็รู้ว่าบางทีผมก็มีอย่างอื่นต้องทำ ไม่ได้มีเวลามานั่งเฝ้า บางทีผมถึงต้องเก็บซากจานในอ่างมาใส่เครื่องล้างจานด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ไม่เถียง ผมไม่ใช่คนชอบเถียง แต่พอโดนบ่นมากๆผมก็รู้สึกเจ็บใจนะ จริงๆ บางทีผมก็ต้องมานั่งในห้องตัวเองนั่งปรับอารมณ์ตัวเอง ถังขยะก็เช่นกัน ผมเห็นไม่เต็มก็เลยปล่อยให้เต็มก่อน ค่อยทิ้ง (ผมคิดถึงมลภาวะโลกร้อนจริงๆ เพราะใช้ถุงพลาสติกเปลืองมาก เลยปล่อยให้เต็ม) แต่แน่นอนโดนสวนกลับมาว่า นิดหน่อยเป็นไรไป ไม่ก็ให้มาคอยดูสิว่าเต็มไหม แน่นอนว่า พอทำงานเสร็จ เรียนเสร็จผมก็ต้องมาเจอแบบนี้ คิดว่าเหนื่อยไหม? แน่นอนครับ ผมเลยเล่นเกมมันเป็นนิสัยของผมเพื่อคลายเครียด เสาร์-อาทิตย์ก็เช่นกัน ผมเลยอยู่แต่บ้าน หน้าคอม หลายๆคนอาจจะคิดใช่ไหมครับว่า ทำไมไม่ลองออกไปหาอะไรทำบ้าง แต่ที่ที่ผมอยู่ไม่ใช่ครับ มันเป็นที่ที่ทุกอย่างคือเงิน ผมออกนอกบ้านแน่นอนผมต้องใช้พลังงานในการเดินทาง+ค่าอาหารตอนอยู่นอกบ้าน+ ใช้เงินในการทำกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมที่ไม่เสียเงินมันก็มีนะครับเช่น นอนเล่น นั่งเล่น แต่แน่นอนว่า มันสนุกน้อยกว่าเกมที่ผมเล่น ลองคิดๆดูแล้วระหว่าง ออกนอกบ้าน+เบื่อหรือสนุกน้อยกว่า+เสียเงิน กับ อยู่บ้านสนุกมากว่า + ลดค่าใช้จ่ายอย่างมากในค่าอาหาร,กิจกรรม,การเดินทาง จะเลือกอันไหนครับ? ผมเลือกแบบที่สองครับ มัน belong to ผมต้องแต่เด็กแล้ว จะให้เปลี่ยน ผมไม่โอเค ผมเปรียบเทียบดูแล้วมันก็ไม่โอเค แต่สุดท้ายผมก็ถูกตราหน้าว่า เด็กขี้เกียจ,เด็กติดเกม แล้วลองโดนย้ำๆ ทุกอาทิตย์ ทุกครั้งที่ออกกินข้าวนอกบ้าน ดูสิครับ โอเคไหม? ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เรียนผมก็ต้องใจเรียน เรียน+ทำงาน ผมก็กดดัน แต่ไม่อยากให้ พ่อกับแม่โดนญาติๆดูถูกว่า สุดท้ายลูกเอ็งก็ไปไม่รอดอะไรงี้ แน่นอนครับว่าญาติมีฐานะ แต่ครอบครัวผมปานกลางเลยโดนดูถูกบ่อยๆ ผมเลยทนตลอด ร้องไห้บ้าง อะไรบ้าง ที่อยู่ที่ออสได้ผมก็เพราะ พี่ชายกับแฟนพี่นี่แหละ แต่ผมก็ต้องทนแบบนี้ไง นี่แค่เรื่องที่บ้านที่ออสนะครับ ยังมีเรื่องทงานอีก เข้าเรื่องงานนะครับ
ผมทำงานกับพี่ชายคนโต พี่ชายทำงานเป็นเอเจ้นซี่ที่ออส งานเยอะอยู่ครับๆ แน่นอนว่าผมเป็นพวกทำงานไปเล่นไปตั้งแต่เด็ก พยายามไม่ให้ตัวเองเครียด แต่พอทำงานกับพี่ชายไม่ใช่ครับ ผมต้องคอยเช็คเมลตลอดๆ ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ? ใช่มันง่ายแค่เช็คเมล แต่ที่นี้ผมต้องกรอกข้อมูลเด็ก ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ แล้วถ้าเกิดข้อมูลเด็กนร.ไม่พอเช่น ไม่ระบุรหัสไปรษณีย์ หรือ ที่อยู่ผมก็ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษซึ่ง ผมก็ต้องเข้ากูเกิ้ลเช็คตลอดว่า สะกดยังไงกว่าจะ แปลที่อยู่ กว่าจะหา postcode เสร็จ มันก็เหนื่อยพอตัวนะครับ ไหนจะต้องกรอกข้อมูลส่ง โรงเรียนซึ่งก็ต้องแนบเอกสาร แน่นอนว่าบางคนผมก็ต้องรอเอกสาร เพราะเอกสารเขาไม่ครบ ระหว่างที่รอผมก็เลยเล่นโทรศัพท์หรืออ่านนิยายไปพลางๆเพื่อคลายเครียด แต่ผลมันไม่ใช่อย่างงั้นครับ พี่ชายผมนั่งข้างๆพอเห็นผมอ่านนิยาย หรือ เล่นโทรศัพท์ปุ๊บผมก็จะโดนดุว่า เล่นแต่เกม ไม่ดูเมล์บ้างเลย ซึ่งก็จริงครับ บางครั้งเมล์มาจริงๆแต่ คอมไม่มีลำโพงครับ ผมเลยไม่มีเสียงเตือนอีกทั้ง ผมต้องคอยตอบคำถามนักเรียน,กรอกข้อมูล,แปลข้อมูล,ส่งเมล์,สแกนเอกสาร,ทำหน้าปกเอกสารของนักเรียน จริงๆมันก็อาจจะง่ายนะครับถ้าเทียบกับคนอื่นๆ แต่ผมก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องคอย แปล คอยกรอกเอกสาร ยิ่งเวลานร.มีเอกสารไม่พร้อมด้วย มันก็ต้องใช้เวลาอีก มันก็ทำให้ผมเครียด ผมก็เลยใช้วิธีอ่านนิยาย เล่นโทรศัพท์ไปพลางเพื่อคลายเครียดไปในตัว แน่นอนครับโดนบ่น บางทีก็เกรงใจนะ เพราะพี่ชายส่งผมเรียนด้วย แต่บางทีเวลาเขาเครียดๆแล้วสั่งงาน แล้วเวลาเขาสั่งงานไม่ละเอียด แล้วผมไม่รู้พอผมถามย้ำละเอียด เขาจะขึ้นเสียงมาว่า ก็ดูเอาดิ, ไม่ก็คิดเองดิ, ไม่ก็ทำไมโง่จัง ใช้หัวบ้าง บางทีผมก็มือใหม่ไงเวลาเขาสอนอะไรที่ไม่เคยทำก็ไม่รู้เป็นธรรมดาจริงไหม? บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เขาคุยกับ นร.โดนตรง ผมไม่รู้เรื่องไงเลยต้องถามกลับโดนตอกมาแบบนี้ ผมก็เอ๋ออสิ แถมงงด้วย ทีนี้ก็เลยต้องยอมโดนขึ้นเสียงบ่อยๆเพื่อที่จะทำให้เสร็จๆ บางทีโดนบ่อยๆผมก็เจ็บไง จะหยิบโทรศัพท์มาคลายเครียดก็ไม่ได้, จะขอไปทำงานอย่างอื่นผมก็ทำไม่ได้เพราะ ช่วงนี้บริษัทพึ่งเปิดใหม่ ผมทิ้งพี่ชายให้ทำคนเดียวไม่ได้จริงๆ แน่นอนว่า พี่จะจ้างคนอื่นก็ได้ แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นไปอีก ผมเลยช่วยพี่ดีกว่า, แต่แล้วก็นะพอโดนบ่อยๆ ผมก็หงุดหงิด,เครียดอีก
ที่ผมไม่ชอบสุดๆๆๆเลยคือ เวลาไปกินข้าวกับพี่ชายและแฟนพี่ชาย แล้วก็เพื่อนๆเขา พี่ชายกับแฟนพี่ฃายชอบแควะเรื่องเกมอะครับ เช่นวันๆเอาแต่เล่นเกม ไม่ก็เนี่ยวันๆไม่ยอมทำงานเอาแต่เล่นเกมเมลก็ไม่ยอมเช็ค(!?) ทุกคนก็เงียบรอฟังคำจากผมผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ (ผมพูดไม่ออกจริงๆครับ แฟนพี่ชายก็ชอบพูดว่า วันๆเล่นแต่เกม ไม่ยอมออกไปไหนบ้าง คาดความรับผิดชอบบ้าง ซึ้งพวกคาดความรับผิดชอบก็มาจากพวก เครื่องล้างจาน,ถังขยะ แล้วก็จากพี่ชายนั่นแหละ ส่วนพี่ชายก็ชอบเหน็บเรื่อง เล่นแต่เกม อ่านแต่หนังสือ เวลางาน ไม่ยอมเช็คเมล์ ไม่ทำอะไรเลย ที่นี้แฟนพี่ชายก็พอฟังความข้างเดียว มันก็เลยมองผมเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ งานง่ายๆยังไม่สนใจ พี่ชายผมก็ตามนั้นแหละครับ เหมือนหนุนกันไปหนุนกันมา แล้วพอโดนทั้งสองคนแขวะต่อหน้าเพื่อนๆคนอื่นๆ ใครจะเถียงชนะจริงไหม? โดนรุมขนาดนี้ ปกติผมก็ไม่ชอบเถียงนะ ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ จริงๆผมแทบอยากจะวิ่งออกไปจากโต๊ะอาหารหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมเกรงใจ เพื่อนเขา เกรงใจเขาที่คอยส่งเรียน เกรงใจแฟนเขาที่ให้บ้านเราอาศัยอยู่ ถ้าผมทำงั้นไปมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงผมเลย ทนๆมาตลอด) พอโดนแขวะแบบนี้ ทั้งเพื่อนเขา พี่ชาย แฟนพี่ ก็คิดไปแนวเดียวกันหมด งานง่ายๆยังไม่มีความรับผิดชอบ โดนสั่งงานก็หน้ามุ่ย(ผมหน้ามุ่ยจริงๆหลังๆมานี้ ผมเครียดไม่โอเคอยากพัก แต่ผมทำไม่ได้ ผมกลัวว่า ถ้าขอไปแล้ว เขาก็จะคิดว่างานง่ายๆยังทำไม่ได้ เขาก็มีแต่ย้ำผมเข้าไปอีกนั่นแหละว่า ไร้ความรับผิดชอบ) เลยทนๆทำไป ผมก็โดน-ดันบ่อยๆนะว่า ไม่ลองไปทำงานอื่นเพิ่มดูด้วยหละ จะได้รู้ว่าเป็นยังไง คือ...แค่นี้ผมก็เครียดจะตายXา (หยาบนิดนะครับ) แล้วจะให้ไปรับงานอื่นเพิ่มอีก ผมได้ตายจริงๆแน่ ผมเลยได้แต่เงียบ ผมเคยคิดจะเล่าให้แม่กับพ่อฟังนะ แต่แน่นอนว่าถ้าผมเล่า พวกท่านก็ต้องให้ผมกลับ แต่ผมไม่อยากให้ญาติดูถูกแม่กับพ่อ ผมยอมไม่ได้จริงๆ ที่ผมทนมาตลอดก็เพราะเหตุผลนี้แหละ ทันยังไม่จบนะครับ ไม่ใช่แค่แขวะเรื่องนี้ ปกติเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนพี่,พี่ชายและแฟนพี่ชาย ผมก็จะนั่งฟังตลอด แต่ที่นี้พอเขาเห็นผมเงียบกัน เขาก็เลย-ดันว่า พูดอะไรสักอย่างสิ? ทำไมเอาแต่เงียบ แล้วภาษาจะได้ไหม? (ปกติผมไม่ค่อยพูดอยู่แล้วจะให้พูดอะไรอีก? ในหัวผมโล่งจริงๆครับ ปกติผมก็ไม่ชอบเปิดประเด็นการพูดอยู่แล้ว ผมชอบฟังมากกว่า พอโดนแบบนี้ผมก็เอ๋อสิครับ) ที่นี้พอโดนงี้เขาก็จะลากยาวไปเรื่องทำงานของผมตลอดว่า ไม่ส่งไปทำงานนู่นหละ นี่หละ? จะได้รู้ซะบ้างว่างานนี้ง่ายขนาดไหน บ้างแหละ จะได้รู้ว่างายอื่นเป็นไงบ้างแหละ(ที่ผมฟังมันเป็นในเชิงว่างานอื่นเครียด กดดันกว่านี้อีก) ผมก็เลยได้แต่แสยะยิ้ม ผมยิ้มธรรมชาติไม่ออกจริงๆเวลาโดนแบบนั้น เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ ผมก็ต้องไปบ้านญาติทางแฟนพี่ชายอีก แถมมีคนนึงในญาติๆเขาทำตัวเหยียดชาติกับผม ผมเจ็บเหมือนกันเวลาเจอนางทำตัวเหยียดผมผมจะปฏิเสธไม่ไปก็เหมือนเสียมารยาทกับแฟนพี่กับญาติแฟนพี่อีก เฮ้อออ...
มีอยู่วันนึงเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไปกินพิซซ่ากันสามคนมี ผม พี่ชาย แฟนพี่ชาย ถกเรื่องงานกับเรื่องผมกลางมื้ออาหารเช่นเคย ผมว่าผมชินแล้วนะ คุยไปคุยมา แฟนพี่ชายก็ตอกหน้าว่า ทำตัวแบบนี้ไปทำงานที่ไหนเขาก็ไม่รับหรอกไร้ความรับผิดชอบ ถ้าต้องรับคนเข้าทำงานนะ แล้วต้องเลือกคนเข้าทำงาน จะไม่เลือกคนอย่างผมเข้าทำงานแน่นอน เท่านั้นแหละ ผมจุก จุกมากกกกก ถึงมากที่สุด ผมปกติเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ระดับนึงเลย เจอแบบนี้ ผมเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ผมเจ็บมากกกกกก
ฟังดูดีนะครับ ได้อยู่ ตปท. มีงานทำ, งานสบาย, ดูง่ายก็คนอื่นๆอีก แต่ใครจะรู้ว่าผมต้องรู้สึกยังไง ทนขนาดไหน ผมรู้ว่าพี่ชายหวังดี อยากให้ผมมีชีวิตดี แต่การที่เขาไม่เข้าใจอะไรผมเลย ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เขาฟัง เขาบอกผมไร้ความเป็นผู้นำ การพูดเปาะแปะ ไม่น่าเชื่อถือ ดูไม่มีความมั่นใจ พี่ชายผม้ป็นคนพูดแบบแข็งกร้าวอะ แต่ผมไม่ใช่ไง เขาบอกว่าพูดชัดเจนมันฟังน่าเชื่อถือ แต่ที่ผมรู้สึกมันคือการใช้ความน่าเกรงขามของน้ำเสียงมากกว่า ผมรู้ตัวนะว่า ถ้าให้ไปเป็นผู้นำผมทำได้ไหม? ผมบอกเลยว่าได้ แต่ไม่ใช่แนวพี่ชายของผมแน่นอน
ตอนนี้ผมรู้ตัวเองมาสักพักแล้วว่าผมเริ่มนอนไม่พอ นอน 8-9 ชม. บางครั้งก็ยังรู้สึกเหนื่อยๆ บางครั้งก็มีความคิดว่าอยากจะลองเอามีดกรีดแขนดูจัง(ผมรู้ตัวครับว่าผมเริ่มไม่โอเคแล้ว ที่มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาในหัว) แล้วเมื่อเช้านี้หนังหุ้มเล็บผมแห้งผมเริ่มนั่งฉีกมันเล่นนิดๆ เอากรรไกรเล็มหน่อย พอมันเจ็บผมกลับเริ่มรู้สึกชอบนิดๆ? ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเข้าขั้นโรคจิตแล้วรึเปล่า ผมกังวลเหมือนกัน ตอนนี้ผมกังวลหลายอย่างมาก ผมไม่โอเคเลยต้องมาระบาย+ถามความเห็นในนี้ ปกติผมก็อาจจะระบายให้เพื่อนๆฟังนะแต่ช่วงนี้เพื่อนๆยุ่งเรื่องสอบ ผมเลยกลายเป็นฟังความทุกข์จากเพื่อนไปด้วย555555 ผมเลยคิดว่าถ้าเล่าให้พวกมันกลับ พวกมันคงจิตตกหนักแยน่เลย ผมเลยมาระบายในนี้ดีกว่า, ครับตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดีกับชีวิตนี้ ทนไปต่อ หรือว่าอะไรยังไง แนะนำด้วยนะครับ
ผมควรทำยังไงดี? ยาวหน่อยนะครับ
ผมมีพี่ชาย 3 คนคนโตอยู่ตปท. คนรองกับคนที่สามอยู่ไทย ครับ
ย้อนไปเมื่อตอนประถมด้วยพ่อกับแม่ต้องวิ่งไปมา ต่างจังหวัดบ่อยๆ ผมจึงได้อยู่กับพี่ชายคนรองกับคนสาม ซึ่งปกติผมก็ถูกเลี้ยงมาแบบให้อยู่แต่ในบ้านเพราะข้างนอกมันอันตราย พวกพี่ชายก็แต่งงานกันหมดแล้ว เขาเลยต้องเลี้ยงดูลูกของเขา และแฟน ผมก็เลยต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่ อยู่กับเกมตลอดเวลาอยู่บ้าน นับว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมก็ได้เลย ถึงผมจะเล่นเกมด้วยทุกวันและหลายชม.มาก แต่เนื่องผมก็เป็นคนเรียนดีมาก ประถมเกรด 4 ตลอด มัธยมก็เกรดเฉลี้ย 3.95 ซึ่งแน่นอนครับ สิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นปัญหาให้ผมตอนนี้อย่างมาก เรียนเก่งก็จริงแต่ผมก็เล่นเกมหนักด้วย มันกลายเป็นนิสัยของผมมาตลอดแล้ว คือทำงานด้วยเล่นด้วย งานก็เสร็จ คุณภาพก็ใช้ได้ คือผมทำงานด้วยความสุขตลอด ทำด้วยความสนุก ผมเลยทำได้ดี แต่ตอนนี้ผมมีปัญหามาก
ตอนนี้ผมได้ย้ายมาอยู่กับพี่ชายคนโตที่ออสเตรเลีย ผมก็อยู่ได้สองปีแล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดต่อให้ที่ไทยเวลาอยู่กับเพื่อน เพื่อนจะเป็นคนเปิดประเด็นก่อนอยู่เสมอๆ มันก็เลยกลายเป็นปัญหาตอนนี้อีกเช่นกัน คือผมไม่ค่อยพูด
เมื่อปีที่แล้วผมก็เกือบไม่ไหวร้องไห้ตลอด แต่ก็ทนมาได้ พอมาตอนนี้ผมเริ่มไม่ไหวอีกแล้ว
ผมมาอยู่ออสนี่มาอยู่กับพี่ชายและแฟนพี่ชายครับ ซึ่งบ้านที่อยู่คือบ้านแฟนพี้ชาย ซึ่งผมก็ต้องช่วยดูแลบ้านด้วย แต่ทีนี่ผมก็ต้องช่วยเกี่ยวกับเรื่องทิ้งขยะกับเครื่องล้างจาน ปกติแล้วถ้าผมเห็นว่าเครื่องล้างจานเต็ม หรือล้างเสร็จแล้วผมก็จะเก็บจานหรือเปิดเครื่องตามปกติ ทิ้งขยะก็เช่นกัน แต่แล้ว มันก็บ่อยครั้งที่ผมโดนดุเรื่องไม่ยอมเอาขยะไปทิ้งกับไม่ยอมเก็บจาน ออกจากเครื่องล้างจาน ซึ่งผมไม่โอเคตรงนี้ เพราะปกติแล้วมันเป็นโซนครัวซึ่งนานๆทีผมจะใช้ เลยไม่ได้ยุ่งแถวนั้นมาก เวลาผมใช้ผมก็เก็บกวาดตลอด แต่ทีนี้บางครั้งผมเห็นว่า จานไม่เต็มอย่างงี้เลยไม่เปิดเครื่อง ไม่ก็จานยังเปียกเลยไม่อยากเอาออกมาให้มันกระเจิง เลยเก็บไว้ก่อน และบ่อยมากผมก็โดนบ่นว่า ทำไมไม่เปิดเครื่องล้างจาน? ทำไมไม่เก็บจาน? ผมพยายามอธิบาย แต่เขาก็จะตอบมาว่า ทำไมไม่มาคอยดูหละว่า มันเต็มไม่เต็ม? แล้วก็เปิดเครื่อง (อธิบายเป็นไทยก็ยากแล้ว เพราะปกติที่ไทยผมไม่เคยเถียงหรืออธิบายเพราะ วัฒนธรรมไทยหนะครับ เลยได้แต่ฟังผู้ใหญ่ แล้วทีนี้ผมดังต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอีกยิ่งยากโขเลย ด้วยที่ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด+นิสัยจากไทยเลยเถียงเขาตะกุกตะกักมาก เพราะผมก็เถียงแรงไม่ได้ ผมอาศัยบ้านเขาอยู่ถูกไหม? ผมก็เกรงใจ+กลัว) ผมก็เลยเลือกไม่เถียงซะส่วนใหญ่ ทั้งที่ผมก็รู้ว่าบางทีผมก็มีอย่างอื่นต้องทำ ไม่ได้มีเวลามานั่งเฝ้า บางทีผมถึงต้องเก็บซากจานในอ่างมาใส่เครื่องล้างจานด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ไม่เถียง ผมไม่ใช่คนชอบเถียง แต่พอโดนบ่นมากๆผมก็รู้สึกเจ็บใจนะ จริงๆ บางทีผมก็ต้องมานั่งในห้องตัวเองนั่งปรับอารมณ์ตัวเอง ถังขยะก็เช่นกัน ผมเห็นไม่เต็มก็เลยปล่อยให้เต็มก่อน ค่อยทิ้ง (ผมคิดถึงมลภาวะโลกร้อนจริงๆ เพราะใช้ถุงพลาสติกเปลืองมาก เลยปล่อยให้เต็ม) แต่แน่นอนโดนสวนกลับมาว่า นิดหน่อยเป็นไรไป ไม่ก็ให้มาคอยดูสิว่าเต็มไหม แน่นอนว่า พอทำงานเสร็จ เรียนเสร็จผมก็ต้องมาเจอแบบนี้ คิดว่าเหนื่อยไหม? แน่นอนครับ ผมเลยเล่นเกมมันเป็นนิสัยของผมเพื่อคลายเครียด เสาร์-อาทิตย์ก็เช่นกัน ผมเลยอยู่แต่บ้าน หน้าคอม หลายๆคนอาจจะคิดใช่ไหมครับว่า ทำไมไม่ลองออกไปหาอะไรทำบ้าง แต่ที่ที่ผมอยู่ไม่ใช่ครับ มันเป็นที่ที่ทุกอย่างคือเงิน ผมออกนอกบ้านแน่นอนผมต้องใช้พลังงานในการเดินทาง+ค่าอาหารตอนอยู่นอกบ้าน+ ใช้เงินในการทำกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมที่ไม่เสียเงินมันก็มีนะครับเช่น นอนเล่น นั่งเล่น แต่แน่นอนว่า มันสนุกน้อยกว่าเกมที่ผมเล่น ลองคิดๆดูแล้วระหว่าง ออกนอกบ้าน+เบื่อหรือสนุกน้อยกว่า+เสียเงิน กับ อยู่บ้านสนุกมากว่า + ลดค่าใช้จ่ายอย่างมากในค่าอาหาร,กิจกรรม,การเดินทาง จะเลือกอันไหนครับ? ผมเลือกแบบที่สองครับ มัน belong to ผมต้องแต่เด็กแล้ว จะให้เปลี่ยน ผมไม่โอเค ผมเปรียบเทียบดูแล้วมันก็ไม่โอเค แต่สุดท้ายผมก็ถูกตราหน้าว่า เด็กขี้เกียจ,เด็กติดเกม แล้วลองโดนย้ำๆ ทุกอาทิตย์ ทุกครั้งที่ออกกินข้าวนอกบ้าน ดูสิครับ โอเคไหม? ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เรียนผมก็ต้องใจเรียน เรียน+ทำงาน ผมก็กดดัน แต่ไม่อยากให้ พ่อกับแม่โดนญาติๆดูถูกว่า สุดท้ายลูกเอ็งก็ไปไม่รอดอะไรงี้ แน่นอนครับว่าญาติมีฐานะ แต่ครอบครัวผมปานกลางเลยโดนดูถูกบ่อยๆ ผมเลยทนตลอด ร้องไห้บ้าง อะไรบ้าง ที่อยู่ที่ออสได้ผมก็เพราะ พี่ชายกับแฟนพี่นี่แหละ แต่ผมก็ต้องทนแบบนี้ไง นี่แค่เรื่องที่บ้านที่ออสนะครับ ยังมีเรื่องทงานอีก เข้าเรื่องงานนะครับ
ผมทำงานกับพี่ชายคนโต พี่ชายทำงานเป็นเอเจ้นซี่ที่ออส งานเยอะอยู่ครับๆ แน่นอนว่าผมเป็นพวกทำงานไปเล่นไปตั้งแต่เด็ก พยายามไม่ให้ตัวเองเครียด แต่พอทำงานกับพี่ชายไม่ใช่ครับ ผมต้องคอยเช็คเมลตลอดๆ ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ? ใช่มันง่ายแค่เช็คเมล แต่ที่นี้ผมต้องกรอกข้อมูลเด็ก ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ แล้วถ้าเกิดข้อมูลเด็กนร.ไม่พอเช่น ไม่ระบุรหัสไปรษณีย์ หรือ ที่อยู่ผมก็ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษซึ่ง ผมก็ต้องเข้ากูเกิ้ลเช็คตลอดว่า สะกดยังไงกว่าจะ แปลที่อยู่ กว่าจะหา postcode เสร็จ มันก็เหนื่อยพอตัวนะครับ ไหนจะต้องกรอกข้อมูลส่ง โรงเรียนซึ่งก็ต้องแนบเอกสาร แน่นอนว่าบางคนผมก็ต้องรอเอกสาร เพราะเอกสารเขาไม่ครบ ระหว่างที่รอผมก็เลยเล่นโทรศัพท์หรืออ่านนิยายไปพลางๆเพื่อคลายเครียด แต่ผลมันไม่ใช่อย่างงั้นครับ พี่ชายผมนั่งข้างๆพอเห็นผมอ่านนิยาย หรือ เล่นโทรศัพท์ปุ๊บผมก็จะโดนดุว่า เล่นแต่เกม ไม่ดูเมล์บ้างเลย ซึ่งก็จริงครับ บางครั้งเมล์มาจริงๆแต่ คอมไม่มีลำโพงครับ ผมเลยไม่มีเสียงเตือนอีกทั้ง ผมต้องคอยตอบคำถามนักเรียน,กรอกข้อมูล,แปลข้อมูล,ส่งเมล์,สแกนเอกสาร,ทำหน้าปกเอกสารของนักเรียน จริงๆมันก็อาจจะง่ายนะครับถ้าเทียบกับคนอื่นๆ แต่ผมก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องคอย แปล คอยกรอกเอกสาร ยิ่งเวลานร.มีเอกสารไม่พร้อมด้วย มันก็ต้องใช้เวลาอีก มันก็ทำให้ผมเครียด ผมก็เลยใช้วิธีอ่านนิยาย เล่นโทรศัพท์ไปพลางเพื่อคลายเครียดไปในตัว แน่นอนครับโดนบ่น บางทีก็เกรงใจนะ เพราะพี่ชายส่งผมเรียนด้วย แต่บางทีเวลาเขาเครียดๆแล้วสั่งงาน แล้วเวลาเขาสั่งงานไม่ละเอียด แล้วผมไม่รู้พอผมถามย้ำละเอียด เขาจะขึ้นเสียงมาว่า ก็ดูเอาดิ, ไม่ก็คิดเองดิ, ไม่ก็ทำไมโง่จัง ใช้หัวบ้าง บางทีผมก็มือใหม่ไงเวลาเขาสอนอะไรที่ไม่เคยทำก็ไม่รู้เป็นธรรมดาจริงไหม? บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เขาคุยกับ นร.โดนตรง ผมไม่รู้เรื่องไงเลยต้องถามกลับโดนตอกมาแบบนี้ ผมก็เอ๋ออสิ แถมงงด้วย ทีนี้ก็เลยต้องยอมโดนขึ้นเสียงบ่อยๆเพื่อที่จะทำให้เสร็จๆ บางทีโดนบ่อยๆผมก็เจ็บไง จะหยิบโทรศัพท์มาคลายเครียดก็ไม่ได้, จะขอไปทำงานอย่างอื่นผมก็ทำไม่ได้เพราะ ช่วงนี้บริษัทพึ่งเปิดใหม่ ผมทิ้งพี่ชายให้ทำคนเดียวไม่ได้จริงๆ แน่นอนว่า พี่จะจ้างคนอื่นก็ได้ แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นไปอีก ผมเลยช่วยพี่ดีกว่า, แต่แล้วก็นะพอโดนบ่อยๆ ผมก็หงุดหงิด,เครียดอีก
ที่ผมไม่ชอบสุดๆๆๆเลยคือ เวลาไปกินข้าวกับพี่ชายและแฟนพี่ชาย แล้วก็เพื่อนๆเขา พี่ชายกับแฟนพี่ฃายชอบแควะเรื่องเกมอะครับ เช่นวันๆเอาแต่เล่นเกม ไม่ก็เนี่ยวันๆไม่ยอมทำงานเอาแต่เล่นเกมเมลก็ไม่ยอมเช็ค(!?) ทุกคนก็เงียบรอฟังคำจากผมผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ (ผมพูดไม่ออกจริงๆครับ แฟนพี่ชายก็ชอบพูดว่า วันๆเล่นแต่เกม ไม่ยอมออกไปไหนบ้าง คาดความรับผิดชอบบ้าง ซึ้งพวกคาดความรับผิดชอบก็มาจากพวก เครื่องล้างจาน,ถังขยะ แล้วก็จากพี่ชายนั่นแหละ ส่วนพี่ชายก็ชอบเหน็บเรื่อง เล่นแต่เกม อ่านแต่หนังสือ เวลางาน ไม่ยอมเช็คเมล์ ไม่ทำอะไรเลย ที่นี้แฟนพี่ชายก็พอฟังความข้างเดียว มันก็เลยมองผมเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ งานง่ายๆยังไม่สนใจ พี่ชายผมก็ตามนั้นแหละครับ เหมือนหนุนกันไปหนุนกันมา แล้วพอโดนทั้งสองคนแขวะต่อหน้าเพื่อนๆคนอื่นๆ ใครจะเถียงชนะจริงไหม? โดนรุมขนาดนี้ ปกติผมก็ไม่ชอบเถียงนะ ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ จริงๆผมแทบอยากจะวิ่งออกไปจากโต๊ะอาหารหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมเกรงใจ เพื่อนเขา เกรงใจเขาที่คอยส่งเรียน เกรงใจแฟนเขาที่ให้บ้านเราอาศัยอยู่ ถ้าผมทำงั้นไปมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงผมเลย ทนๆมาตลอด) พอโดนแขวะแบบนี้ ทั้งเพื่อนเขา พี่ชาย แฟนพี่ ก็คิดไปแนวเดียวกันหมด งานง่ายๆยังไม่มีความรับผิดชอบ โดนสั่งงานก็หน้ามุ่ย(ผมหน้ามุ่ยจริงๆหลังๆมานี้ ผมเครียดไม่โอเคอยากพัก แต่ผมทำไม่ได้ ผมกลัวว่า ถ้าขอไปแล้ว เขาก็จะคิดว่างานง่ายๆยังทำไม่ได้ เขาก็มีแต่ย้ำผมเข้าไปอีกนั่นแหละว่า ไร้ความรับผิดชอบ) เลยทนๆทำไป ผมก็โดน-ดันบ่อยๆนะว่า ไม่ลองไปทำงานอื่นเพิ่มดูด้วยหละ จะได้รู้ว่าเป็นยังไง คือ...แค่นี้ผมก็เครียดจะตายXา (หยาบนิดนะครับ) แล้วจะให้ไปรับงานอื่นเพิ่มอีก ผมได้ตายจริงๆแน่ ผมเลยได้แต่เงียบ ผมเคยคิดจะเล่าให้แม่กับพ่อฟังนะ แต่แน่นอนว่าถ้าผมเล่า พวกท่านก็ต้องให้ผมกลับ แต่ผมไม่อยากให้ญาติดูถูกแม่กับพ่อ ผมยอมไม่ได้จริงๆ ที่ผมทนมาตลอดก็เพราะเหตุผลนี้แหละ ทันยังไม่จบนะครับ ไม่ใช่แค่แขวะเรื่องนี้ ปกติเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนพี่,พี่ชายและแฟนพี่ชาย ผมก็จะนั่งฟังตลอด แต่ที่นี้พอเขาเห็นผมเงียบกัน เขาก็เลย-ดันว่า พูดอะไรสักอย่างสิ? ทำไมเอาแต่เงียบ แล้วภาษาจะได้ไหม? (ปกติผมไม่ค่อยพูดอยู่แล้วจะให้พูดอะไรอีก? ในหัวผมโล่งจริงๆครับ ปกติผมก็ไม่ชอบเปิดประเด็นการพูดอยู่แล้ว ผมชอบฟังมากกว่า พอโดนแบบนี้ผมก็เอ๋อสิครับ) ที่นี้พอโดนงี้เขาก็จะลากยาวไปเรื่องทำงานของผมตลอดว่า ไม่ส่งไปทำงานนู่นหละ นี่หละ? จะได้รู้ซะบ้างว่างานนี้ง่ายขนาดไหน บ้างแหละ จะได้รู้ว่างายอื่นเป็นไงบ้างแหละ(ที่ผมฟังมันเป็นในเชิงว่างานอื่นเครียด กดดันกว่านี้อีก) ผมก็เลยได้แต่แสยะยิ้ม ผมยิ้มธรรมชาติไม่ออกจริงๆเวลาโดนแบบนั้น เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ ผมก็ต้องไปบ้านญาติทางแฟนพี่ชายอีก แถมมีคนนึงในญาติๆเขาทำตัวเหยียดชาติกับผม ผมเจ็บเหมือนกันเวลาเจอนางทำตัวเหยียดผมผมจะปฏิเสธไม่ไปก็เหมือนเสียมารยาทกับแฟนพี่กับญาติแฟนพี่อีก เฮ้อออ...
มีอยู่วันนึงเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไปกินพิซซ่ากันสามคนมี ผม พี่ชาย แฟนพี่ชาย ถกเรื่องงานกับเรื่องผมกลางมื้ออาหารเช่นเคย ผมว่าผมชินแล้วนะ คุยไปคุยมา แฟนพี่ชายก็ตอกหน้าว่า ทำตัวแบบนี้ไปทำงานที่ไหนเขาก็ไม่รับหรอกไร้ความรับผิดชอบ ถ้าต้องรับคนเข้าทำงานนะ แล้วต้องเลือกคนเข้าทำงาน จะไม่เลือกคนอย่างผมเข้าทำงานแน่นอน เท่านั้นแหละ ผมจุก จุกมากกกกก ถึงมากที่สุด ผมปกติเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ระดับนึงเลย เจอแบบนี้ ผมเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ผมเจ็บมากกกกกก
ฟังดูดีนะครับ ได้อยู่ ตปท. มีงานทำ, งานสบาย, ดูง่ายก็คนอื่นๆอีก แต่ใครจะรู้ว่าผมต้องรู้สึกยังไง ทนขนาดไหน ผมรู้ว่าพี่ชายหวังดี อยากให้ผมมีชีวิตดี แต่การที่เขาไม่เข้าใจอะไรผมเลย ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เขาฟัง เขาบอกผมไร้ความเป็นผู้นำ การพูดเปาะแปะ ไม่น่าเชื่อถือ ดูไม่มีความมั่นใจ พี่ชายผม้ป็นคนพูดแบบแข็งกร้าวอะ แต่ผมไม่ใช่ไง เขาบอกว่าพูดชัดเจนมันฟังน่าเชื่อถือ แต่ที่ผมรู้สึกมันคือการใช้ความน่าเกรงขามของน้ำเสียงมากกว่า ผมรู้ตัวนะว่า ถ้าให้ไปเป็นผู้นำผมทำได้ไหม? ผมบอกเลยว่าได้ แต่ไม่ใช่แนวพี่ชายของผมแน่นอน
ตอนนี้ผมรู้ตัวเองมาสักพักแล้วว่าผมเริ่มนอนไม่พอ นอน 8-9 ชม. บางครั้งก็ยังรู้สึกเหนื่อยๆ บางครั้งก็มีความคิดว่าอยากจะลองเอามีดกรีดแขนดูจัง(ผมรู้ตัวครับว่าผมเริ่มไม่โอเคแล้ว ที่มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาในหัว) แล้วเมื่อเช้านี้หนังหุ้มเล็บผมแห้งผมเริ่มนั่งฉีกมันเล่นนิดๆ เอากรรไกรเล็มหน่อย พอมันเจ็บผมกลับเริ่มรู้สึกชอบนิดๆ? ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเข้าขั้นโรคจิตแล้วรึเปล่า ผมกังวลเหมือนกัน ตอนนี้ผมกังวลหลายอย่างมาก ผมไม่โอเคเลยต้องมาระบาย+ถามความเห็นในนี้ ปกติผมก็อาจจะระบายให้เพื่อนๆฟังนะแต่ช่วงนี้เพื่อนๆยุ่งเรื่องสอบ ผมเลยกลายเป็นฟังความทุกข์จากเพื่อนไปด้วย555555 ผมเลยคิดว่าถ้าเล่าให้พวกมันกลับ พวกมันคงจิตตกหนักแยน่เลย ผมเลยมาระบายในนี้ดีกว่า, ครับตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดีกับชีวิตนี้ ทนไปต่อ หรือว่าอะไรยังไง แนะนำด้วยนะครับ