สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกเลย แนะนำตัวก่อนละกันเนอะ ชื่อตุ๊กตาค่ะ มาแชร์ประสบการณ์การไปอัพหน้าไกลถึงประเทศเกาหลี
ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองตั้งใจว่าขอลองทำสักครั้งในชีวิต นับจากตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสองเดือนแล้ว ว่าแต่เรื่องราวจะเป็นยังไง
ก็ขอเท้าความตั้งแต่เริ่มเลยละกันค่ะ
เดิมทีใบหน้าเราเป็นแบบนี้…
แรงบันดาลใจแรกเลยที่ทำให้รู้สึกว่าอยากทำคงเป็นการซึมซับจากการดูซีรี่ส์เกาหลีแล้วก็ตามดูไอจีดูพวกดารานักร้องเกาหลี แบบว่าดูแล้วชอบทรงหน้าดาราบ้านเขามากโดยเฉพาะจมูกคือมันสวยนะ เราก็รู้ว่ามันเป็นจมูกทำแต่แบบทำไมมันสวยแบบเป็นธรรมชาติจัง ส่วนจมูกเราว่าทรงไม่รับกับหน้าเท่าไหร่ พอเห็นแบบเกาหลีก็เลยรู้สึกว่าอยากได้แบบนั้นบ้าง แต่กว่าจะเริ่มคิดมาทำจริงจังก็ลังเลอยู่นานเพราะว่ากลัวเจ็บ จากที่เคยฟังเขาเล่ามา บางคนก็บอกไม่เจ็บเล๊ยยยยยย (เสียงสู๊ง) บางคนก็บอกเจ็บมากๆ แต่ก็นะจากที่จัดฟันมาก่อนหน้าแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้น ถ้าจะเติมจมูกอีกนิดหน่อยก็คงฟินอีกมิใช่น้อย ส่วนรูปหน้าเนี้ยจัดว่าหน้าตอบพอสมควร ร่องแก้มก็ชัดมากเลยอยากเพิ่มเติมอะไรให้มันดูเต็มขึ้นกว่าเดิมหน่อยค่ะ
ว่าแล้วก็พยายามมองข้ามเรื่องความเจ็บที่กลัวตั้งแต่แรก มาลองหาข้อมูลทำการบ้านเกี่ยวกับการศัลยกรรมให้มากขึ้นกว่าเดิม จริงๆ ก็หาข้อมูลทั้งของที่ทำกันในคลีนิกบ้านเรา แล้วก็ที่เกาหลีนะคะ พอเริ่มเข้าไปคุยกับคลีนิกต่างๆ รวมถึงพวกเอเจนซี่ที่พาทำที่เกาหลีด้วย แล้วด้วยความที่บังเอิญไปเจอเคสที่แก้จมูกที่คลีนิคแห่งหนึ่งพอดี คือเดินเข้าไปในห้องหมอแป๊บเดียวเสร็จกลับเลย เราก็เอ้ย! อะไรจะเร็วขนาดนั้น จากที่เคยเอียงใจมาว่าจะลองทำที่ไทยก่อนดีไหม พอมาเห็นแบบนี้ก็เริ่มคิดว่าจะทำทั้งทีก็อยากให้ออกมาสวยๆ ดีๆ ไปเลย ไม่อยากมานั่งแก้ นั่งซ่อมอะไรกันอีก แล้วถ้ามันไม่ดีแล้วมีผลข้างเคียงไปอีก งั้นไปทำที่เกาหลีเถอะ จ่ายแพงขึ้นกว่าหน่อยแต่ถ้าคิดถึงผลลัพธ์แล้วน่าจะเวิร์คกว่า
ทีนี้ก็มาคุยกับเอเจนซี่เกาหลี ไปมาหลายที่มาก กว่าจะตัดสินใจได้ เพราะถึงจะเป็นเอเจนซี่พาไป แต่ก็ต้องดูให้ดีจริงๆ เพราะมีข่าวหลอกลวงก็เยอะ มีปล่อยลอยแพก็มี หรือกระทั่งพาไปโรงพยาบาลหรือคลีนิคที่ไม่ได้มาตรฐานอีก จนแล้วจนรอดก็มาเลือกของเอเจนซี่ aigis อะค่ะ เหตุผลที่เลือกก็เพราะว่าที่อื่นๆ ส่วนมากจะเป็นคนไทยพาไปมันก็ดีนะ แต่ของเอเจนซี่ aigis นี่เขาเป็นคนเกาหลีมาเปิดเอง เราว่าเขาน่าจะรู้ดีที่สุดเพราะเป็นประเทศเขา ว่าแล้วก็เข้าไปคุยกันอีกรอบ
รอบนี้เขาให้คุยกับหมอผ่านวิดีโอคอลจากเกาหลีตรงเลยค่ะ คือหมอจะดูว่ารูปหน้าของเรา กับสิ่งที่เราต้องการจะทำมันสอดคล้องกันไหม โดยมีล่ามคอยอธิบายอีกที โดยรอบนี้หมอแนะนำว่าถ้าตัดโหนกแก้มออกบ้างจะเข้ารูปดีไม่น้อย…ก็เก็บไปคิดเหมือนกันนะคะ แต่ว่าเราเลือกที่จะทำจมูกกับฉีดไขมันที่ใบหน้าค่ะ
จากนั้นก็มาปรึกษาคนที่บ้านค่ะ เขาก็ไม่ว่าอะไร^^ งานนี้เลยจัดไปโลดดดด เข้าไปอีกครั้งนัดวันที่จะไป ส่วนที่พักกับโรงพยาบาล aigis เป็นคนจัดหาให้ค่ะ โดยเขาจะเลือกโรงพยาบาลที่เฉพาะทางและเหมาะสมที่สุดให้เราด้วย ซึ่งเราก็ยอมรับค่ะว่าเขาใส่ใจดีกระทั่งเรื่องเอกสารการเดินทางต่างๆ ก็มาช่วยดำเนินการให้ด้วย
วันที่เลือกไปคือ 5-12 กันยา เป็นสัปดาห์ที่ตื่นเต้นมากๆ เลยในชีวิต เชื่อไหมคะว่าคืนก่อนไปนี่นอนไม่หลับเลย แถมยังต้องงดข้าวงดน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมผ่าอีก (แบบไปถึงปุ๊บ ผ่าปั๊บเลย) เพลียก็เพลีย ลุ้นก็ลุ้น ตื่นเต้นไปหมด ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่การไปเกาหลีครั้งแรกนะคะ แต่การไปครั้งนี้มันก็เหมือนจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
ผ่านไป 5 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินอินชอนจำได้เลยว่าเช้ามากสัก 7 โมงเช้าเห็นจะได้ ตลอดทางก็หลับๆ ตื่นๆ เพลียมาก
อากาศก็เย็นๆ กำลังดี และสิ่งที่ตื่นเต้นหนักมากอีกเรื่องคือตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ เพราะช่วงนั้นกำลังเป็นกระแส
ในเน็ตเลยน่าจะกระทู้พันทิปนี่แหละติดอยู่ด่านตรวจ โดยตม. ส่งกลับบ้างอะไรบ้าง ใจก็กลัวว่า เราจะมีปัญหาไหมนะ
แต่จนแล้วจนรอดก็ผ่านฉลุยไปด้วยดี โล่งอก
ที่เกาหลีมีคนมารับเราสองคนค่ะเป็นคนของทางเอเจนซี่ aigis มี 2 คนเป็นล่ามคนนึง พอรับกระเป๋าเสร็จแล้ว
ก็ไปเช็คอินที่โรงแรมเป็นอันดับแรกค่ะ เช้ามากโรงพยาบาลยังไม่เปิด แต่ก็ดีอย่างนะคะในส่วนของที่พักใกล้
โรงพยาบาลมากชนิดที่ว่าเดินไปได้สบายเลย
เอาล่ะได้เวลาแล้วทางผู้ดูแลกับล่ามก็พาเรามาที่โรงพยาบาล Ruby Plastic surgery
ขั้นตอนแรกก็ทำประวัติข้อมูล ถ่ายรูปเราก่อนทำโดยละเอียด
มีเหมือนแคทตาล็อกให้ดูแบบด้วย
ถ่ายรูปเก็บข้อมูลโดยละเอียด
จากนั้นก็เข้าไปคุยกับหมออีกทีให้หมอประเมินกันแบบชัดๆ อีกครั้ง โดยครั้งนี้หมอบอกว่าพอดูใกล้ๆ แล้ว ทำตาเพิ่มอีกนิดก็จะช่วยให้ดูดีขึ้นนะ คือทักเดี๋ยวนั้นก็ต้องตัดสินใจกันตรงนั้นเลยว่าจะทำเพิ่มดีไหม แต่ก็คิดแล้วล่ะค่ะว่ามาทั้งทีทำเพิ่มอีกนิดนึงเลยก็แล้วกัน
อีกอย่างที่หมอทักโหนกแก้มนั้นเราคิดว่าที่ไม่ทำเพราะต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน เอาที่มันใช้เวลา
ไม่มากก่อนดีกว่า ตกลงเสร็จเซ็นยืนยันเรียบร้อย ก็เข้าห้องผ่าจริงๆ บอกเลยนาทีนั้นยิ่งใกล้ก็ยิ่งตื่นเต้นใจเต้นตุบๆ
พอนอนบนเตียงได้พยาบาลก็ผูกแขนเราเข้ากับเตียง คงกันดิ้นละนะ จากนั้นก็มียาชา และก็โดนยาสลบตามลำดับ
ไม่รู้ว่าหลับไปเหมือนไหร่เหมือนกันเพราะจากที่วางยาไม่นานก็เหมือนสวิตช์ตัดภาพไปเลย
รู้สึกตัวอีกทีแบบสะลึมละลือเพราะยายังไม่หมดฤทธิ์ตอนนั้นคิดว่าหมอกำลังทำจมูกให้เรา
คือเขาบอกว่าที่ต้องให้รู้สึกตัวบ้าง คือมันก็แบบใกล้จะเสร็จแล้วด้วย คือตอนนั้นความเจ็บมันเริ่มมาแล้ว T^T
ใช้เวลาทำทั้ง 3 จุดบนใหน้าก็คือ ทำตาโดยการกรีดเปิดหางตา ทำจมูก และฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า
ตรงหน้าผาก ขมับ ตรงแก้มและร่องแก้ม ประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็ถูกพาตัวมาห้องพักฟื้น
สิ่งแรกที่คิดน่ะเหรอคะ มองหากระจกค่า คุณอุ้มที่เป็นล่ามยังคงอยู่กับเราไม่ไปไหน
ด้วยความอยากส่องกระจกจริงๆ เลยขอไปเข้าห้องน้ำ แวบแรกที่เห็นคือตกใจมากกกกกก บวมอะไรจะขนาดนี้คะเนี้ย
อันนี้รอยจากการดูดไขมันไปเติมเต็มหน้าผากจริงๆใช้ตรงต้นขากับก้นค่ะ แต่ก้นคงโชว์ไม่ได้ติดเรท 555
จากนั้นก็พากันกลับมาที่โรมแรมค่ะ มีนัดล้างแผลในวันถัดมา เอาเป็นว่าเพลียมาทั้งวัน ถึงจะสลบไปบ้างตอนผ่า
แต่ก็คือหลับค่ะ เจ็บแต่ก็หลับไปยาวๆ
วันที่สองวันนี้เราต้องไปล้างแผล คืออันนี้บวมหนักกว่าเมื่อวานอีก
บวมและเจ็บมากเลย
ล้างแผลและก็มีการใช้สำลีซับอุดในจมูกเลยค่ะจากนี้ไปหายใจทางปากยาวๆ
และก็หิวมากๆ แต่ก็กินได้เท่านี้จริงๆ เพราะยังเคี้ยวไม่ค่อยสะดวก
กินเสร็จแล้วก็พักยาวเลยค่ะ ไม่ไหวแล้วววววว
วันต่อมาอาการบวมลดลงไปบ้างแล้วเลยขอออกไปเดินเล่นบ้างโดยมีล่ามพาไป
แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลหรอกค่ะ มันยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่จะว่าไปก็เหมือนเป็นเรื่องปกติของที่นี่เนอะ
ที่จะเห็นคนหน้าบวมๆ ใส่แมสบ้างไม่ใส่บ้างเดินไปมา แต่ก็นะมันยังไม่โอเท่าไร ก็เน้นพักฟื้นก่อนละกัน
สเตตัสในช่วงนั้นก็คือหายใจทางปาก เปลือกตาบวม ส่วนหน้าผากไม่มีปัญหาอะไร
ยังเขียวๆ อยู่แต่ไม่บวมมากแล้ว
มาถึงวันที่ 5 ค่ะได้เวลาล้างแผลเอาสำลีที่ซับในจมูกออก...
ด้วยความที่มันซับมาหลายวันแล้วก็แข็งๆ บอกเลยตอนที่พยาบาลเอาออกมานี่ร้องค่ะ เจ็บมากๆ
หลังจากวันนั้นก็เดินเล่นได้อย่างมั่นใจขึ้น วันนี้ล่ามปล่อย
มาถึงวันสุดท้ายก่อนกลับก็ต้องไปตัดไหมและเอาเฝือกที่จมูกออกก่อน
จากนั้นคุณหมอก็มาพูดคุยสอบถามอาการเก็บรายละเอียดอีกสักเล็กน้อย
แล้วก็บ๊ายบาย เจอกันใหม่นะเกาหลี...
ต่อจากนั้นก็มาพักฟื้นเองที่บ้านอีกประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งตามหลักแล้วคุณหมอบอกว่าอาการจะดีขึ้นตามลำดับ
และรูปทรงที่ทำไว้จะเข้าที่ ซึ่งตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองเดือน และทาง aigis ก็ยังคอยพูดคุยติดตามผลหลังผ่าตัดอยู่เรื่อยๆ นะคะ
หน้าตอนนี้ค่ะ
ผลที่ได้สำหรับเราโอเคขึ้นมากนะ ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นชัดเท่าไร แต่รู้สึกได้ว่ามันธรรมชาติดี คือดูแล้วรับกับหน้าเรามาก โดยรวมในเรื่องความพึงพอใจเราถือว่าดีมาก โรงพยาบาลดีสะอาดปลอดภัย คุณหมอก็ดูเป็นมิตรดูแลดีค่ะ ส่วนอาหารก็ทั่วไปค่ะดีต่อผู้ป่วยลดอาการปวดบวมอักเสบก็ว่ากันไป ที่พักก็อยู่ในบริเวณที่ใกล้โรงพยาบาลดีเลย ตลอดเวลามีล่ามมาอำนวยความสะดวกในการสื่อสารคุยกับหมอ ไปรับไปส่งจากที่พักและสนามบิน ตลอดจน follow up ในเรื่องอื่นๆ อย่างพาไปซื้อของ ช็อปปิ้งด้วย ส่วนเรื่องของราคาโดยรวมที่เอเจนซี่จัดมาให้นั้นเราถือว่าสมเหตุสมผลแล้วค่ะไม่แพงเกินไป และถ้าคิดว่าหาเอาถูกๆ คงอาจไม่ได้ความรู้สึกอุ่นใจแบบนี้ แล้วก็ aigis เองก็เป็นเอเจนซี่ของคนเกาหลีทำก็เลยรู้สึกว่าอุ่นใจในส่วนนี้ด้วย ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวความคืบหน้าเพิ่มเติมละกันเนอะ
[CR] รีวิวสานฝัน ออกไปทำศัลยกรรมถึงเกาหลี
สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกเลย แนะนำตัวก่อนละกันเนอะ ชื่อตุ๊กตาค่ะ มาแชร์ประสบการณ์การไปอัพหน้าไกลถึงประเทศเกาหลี
ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองตั้งใจว่าขอลองทำสักครั้งในชีวิต นับจากตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสองเดือนแล้ว ว่าแต่เรื่องราวจะเป็นยังไง
ก็ขอเท้าความตั้งแต่เริ่มเลยละกันค่ะ
เดิมทีใบหน้าเราเป็นแบบนี้…
แรงบันดาลใจแรกเลยที่ทำให้รู้สึกว่าอยากทำคงเป็นการซึมซับจากการดูซีรี่ส์เกาหลีแล้วก็ตามดูไอจีดูพวกดารานักร้องเกาหลี แบบว่าดูแล้วชอบทรงหน้าดาราบ้านเขามากโดยเฉพาะจมูกคือมันสวยนะ เราก็รู้ว่ามันเป็นจมูกทำแต่แบบทำไมมันสวยแบบเป็นธรรมชาติจัง ส่วนจมูกเราว่าทรงไม่รับกับหน้าเท่าไหร่ พอเห็นแบบเกาหลีก็เลยรู้สึกว่าอยากได้แบบนั้นบ้าง แต่กว่าจะเริ่มคิดมาทำจริงจังก็ลังเลอยู่นานเพราะว่ากลัวเจ็บ จากที่เคยฟังเขาเล่ามา บางคนก็บอกไม่เจ็บเล๊ยยยยยย (เสียงสู๊ง) บางคนก็บอกเจ็บมากๆ แต่ก็นะจากที่จัดฟันมาก่อนหน้าแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้น ถ้าจะเติมจมูกอีกนิดหน่อยก็คงฟินอีกมิใช่น้อย ส่วนรูปหน้าเนี้ยจัดว่าหน้าตอบพอสมควร ร่องแก้มก็ชัดมากเลยอยากเพิ่มเติมอะไรให้มันดูเต็มขึ้นกว่าเดิมหน่อยค่ะ
ว่าแล้วก็พยายามมองข้ามเรื่องความเจ็บที่กลัวตั้งแต่แรก มาลองหาข้อมูลทำการบ้านเกี่ยวกับการศัลยกรรมให้มากขึ้นกว่าเดิม จริงๆ ก็หาข้อมูลทั้งของที่ทำกันในคลีนิกบ้านเรา แล้วก็ที่เกาหลีนะคะ พอเริ่มเข้าไปคุยกับคลีนิกต่างๆ รวมถึงพวกเอเจนซี่ที่พาทำที่เกาหลีด้วย แล้วด้วยความที่บังเอิญไปเจอเคสที่แก้จมูกที่คลีนิคแห่งหนึ่งพอดี คือเดินเข้าไปในห้องหมอแป๊บเดียวเสร็จกลับเลย เราก็เอ้ย! อะไรจะเร็วขนาดนั้น จากที่เคยเอียงใจมาว่าจะลองทำที่ไทยก่อนดีไหม พอมาเห็นแบบนี้ก็เริ่มคิดว่าจะทำทั้งทีก็อยากให้ออกมาสวยๆ ดีๆ ไปเลย ไม่อยากมานั่งแก้ นั่งซ่อมอะไรกันอีก แล้วถ้ามันไม่ดีแล้วมีผลข้างเคียงไปอีก งั้นไปทำที่เกาหลีเถอะ จ่ายแพงขึ้นกว่าหน่อยแต่ถ้าคิดถึงผลลัพธ์แล้วน่าจะเวิร์คกว่า
ทีนี้ก็มาคุยกับเอเจนซี่เกาหลี ไปมาหลายที่มาก กว่าจะตัดสินใจได้ เพราะถึงจะเป็นเอเจนซี่พาไป แต่ก็ต้องดูให้ดีจริงๆ เพราะมีข่าวหลอกลวงก็เยอะ มีปล่อยลอยแพก็มี หรือกระทั่งพาไปโรงพยาบาลหรือคลีนิคที่ไม่ได้มาตรฐานอีก จนแล้วจนรอดก็มาเลือกของเอเจนซี่ aigis อะค่ะ เหตุผลที่เลือกก็เพราะว่าที่อื่นๆ ส่วนมากจะเป็นคนไทยพาไปมันก็ดีนะ แต่ของเอเจนซี่ aigis นี่เขาเป็นคนเกาหลีมาเปิดเอง เราว่าเขาน่าจะรู้ดีที่สุดเพราะเป็นประเทศเขา ว่าแล้วก็เข้าไปคุยกันอีกรอบ
รอบนี้เขาให้คุยกับหมอผ่านวิดีโอคอลจากเกาหลีตรงเลยค่ะ คือหมอจะดูว่ารูปหน้าของเรา กับสิ่งที่เราต้องการจะทำมันสอดคล้องกันไหม โดยมีล่ามคอยอธิบายอีกที โดยรอบนี้หมอแนะนำว่าถ้าตัดโหนกแก้มออกบ้างจะเข้ารูปดีไม่น้อย…ก็เก็บไปคิดเหมือนกันนะคะ แต่ว่าเราเลือกที่จะทำจมูกกับฉีดไขมันที่ใบหน้าค่ะ
จากนั้นก็มาปรึกษาคนที่บ้านค่ะ เขาก็ไม่ว่าอะไร^^ งานนี้เลยจัดไปโลดดดด เข้าไปอีกครั้งนัดวันที่จะไป ส่วนที่พักกับโรงพยาบาล aigis เป็นคนจัดหาให้ค่ะ โดยเขาจะเลือกโรงพยาบาลที่เฉพาะทางและเหมาะสมที่สุดให้เราด้วย ซึ่งเราก็ยอมรับค่ะว่าเขาใส่ใจดีกระทั่งเรื่องเอกสารการเดินทางต่างๆ ก็มาช่วยดำเนินการให้ด้วย
วันที่เลือกไปคือ 5-12 กันยา เป็นสัปดาห์ที่ตื่นเต้นมากๆ เลยในชีวิต เชื่อไหมคะว่าคืนก่อนไปนี่นอนไม่หลับเลย แถมยังต้องงดข้าวงดน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมผ่าอีก (แบบไปถึงปุ๊บ ผ่าปั๊บเลย) เพลียก็เพลีย ลุ้นก็ลุ้น ตื่นเต้นไปหมด ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่การไปเกาหลีครั้งแรกนะคะ แต่การไปครั้งนี้มันก็เหมือนจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
ผ่านไป 5 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินอินชอนจำได้เลยว่าเช้ามากสัก 7 โมงเช้าเห็นจะได้ ตลอดทางก็หลับๆ ตื่นๆ เพลียมาก
อากาศก็เย็นๆ กำลังดี และสิ่งที่ตื่นเต้นหนักมากอีกเรื่องคือตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ เพราะช่วงนั้นกำลังเป็นกระแส
ในเน็ตเลยน่าจะกระทู้พันทิปนี่แหละติดอยู่ด่านตรวจ โดยตม. ส่งกลับบ้างอะไรบ้าง ใจก็กลัวว่า เราจะมีปัญหาไหมนะ
แต่จนแล้วจนรอดก็ผ่านฉลุยไปด้วยดี โล่งอก
ที่เกาหลีมีคนมารับเราสองคนค่ะเป็นคนของทางเอเจนซี่ aigis มี 2 คนเป็นล่ามคนนึง พอรับกระเป๋าเสร็จแล้ว
ก็ไปเช็คอินที่โรงแรมเป็นอันดับแรกค่ะ เช้ามากโรงพยาบาลยังไม่เปิด แต่ก็ดีอย่างนะคะในส่วนของที่พักใกล้
โรงพยาบาลมากชนิดที่ว่าเดินไปได้สบายเลย
เอาล่ะได้เวลาแล้วทางผู้ดูแลกับล่ามก็พาเรามาที่โรงพยาบาล Ruby Plastic surgery
ขั้นตอนแรกก็ทำประวัติข้อมูล ถ่ายรูปเราก่อนทำโดยละเอียด
มีเหมือนแคทตาล็อกให้ดูแบบด้วย
ถ่ายรูปเก็บข้อมูลโดยละเอียด
จากนั้นก็เข้าไปคุยกับหมออีกทีให้หมอประเมินกันแบบชัดๆ อีกครั้ง โดยครั้งนี้หมอบอกว่าพอดูใกล้ๆ แล้ว ทำตาเพิ่มอีกนิดก็จะช่วยให้ดูดีขึ้นนะ คือทักเดี๋ยวนั้นก็ต้องตัดสินใจกันตรงนั้นเลยว่าจะทำเพิ่มดีไหม แต่ก็คิดแล้วล่ะค่ะว่ามาทั้งทีทำเพิ่มอีกนิดนึงเลยก็แล้วกัน
อีกอย่างที่หมอทักโหนกแก้มนั้นเราคิดว่าที่ไม่ทำเพราะต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน เอาที่มันใช้เวลา
ไม่มากก่อนดีกว่า ตกลงเสร็จเซ็นยืนยันเรียบร้อย ก็เข้าห้องผ่าจริงๆ บอกเลยนาทีนั้นยิ่งใกล้ก็ยิ่งตื่นเต้นใจเต้นตุบๆ
พอนอนบนเตียงได้พยาบาลก็ผูกแขนเราเข้ากับเตียง คงกันดิ้นละนะ จากนั้นก็มียาชา และก็โดนยาสลบตามลำดับ
ไม่รู้ว่าหลับไปเหมือนไหร่เหมือนกันเพราะจากที่วางยาไม่นานก็เหมือนสวิตช์ตัดภาพไปเลย
รู้สึกตัวอีกทีแบบสะลึมละลือเพราะยายังไม่หมดฤทธิ์ตอนนั้นคิดว่าหมอกำลังทำจมูกให้เรา
คือเขาบอกว่าที่ต้องให้รู้สึกตัวบ้าง คือมันก็แบบใกล้จะเสร็จแล้วด้วย คือตอนนั้นความเจ็บมันเริ่มมาแล้ว T^T
ใช้เวลาทำทั้ง 3 จุดบนใหน้าก็คือ ทำตาโดยการกรีดเปิดหางตา ทำจมูก และฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า
ตรงหน้าผาก ขมับ ตรงแก้มและร่องแก้ม ประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็ถูกพาตัวมาห้องพักฟื้น
สิ่งแรกที่คิดน่ะเหรอคะ มองหากระจกค่า คุณอุ้มที่เป็นล่ามยังคงอยู่กับเราไม่ไปไหน
ด้วยความอยากส่องกระจกจริงๆ เลยขอไปเข้าห้องน้ำ แวบแรกที่เห็นคือตกใจมากกกกกก บวมอะไรจะขนาดนี้คะเนี้ย
อันนี้รอยจากการดูดไขมันไปเติมเต็มหน้าผากจริงๆใช้ตรงต้นขากับก้นค่ะ แต่ก้นคงโชว์ไม่ได้ติดเรท 555
จากนั้นก็พากันกลับมาที่โรมแรมค่ะ มีนัดล้างแผลในวันถัดมา เอาเป็นว่าเพลียมาทั้งวัน ถึงจะสลบไปบ้างตอนผ่า
แต่ก็คือหลับค่ะ เจ็บแต่ก็หลับไปยาวๆ
วันที่สองวันนี้เราต้องไปล้างแผล คืออันนี้บวมหนักกว่าเมื่อวานอีก
บวมและเจ็บมากเลย
ล้างแผลและก็มีการใช้สำลีซับอุดในจมูกเลยค่ะจากนี้ไปหายใจทางปากยาวๆ
และก็หิวมากๆ แต่ก็กินได้เท่านี้จริงๆ เพราะยังเคี้ยวไม่ค่อยสะดวก
กินเสร็จแล้วก็พักยาวเลยค่ะ ไม่ไหวแล้วววววว
วันต่อมาอาการบวมลดลงไปบ้างแล้วเลยขอออกไปเดินเล่นบ้างโดยมีล่ามพาไป
แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลหรอกค่ะ มันยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่จะว่าไปก็เหมือนเป็นเรื่องปกติของที่นี่เนอะ
ที่จะเห็นคนหน้าบวมๆ ใส่แมสบ้างไม่ใส่บ้างเดินไปมา แต่ก็นะมันยังไม่โอเท่าไร ก็เน้นพักฟื้นก่อนละกัน
สเตตัสในช่วงนั้นก็คือหายใจทางปาก เปลือกตาบวม ส่วนหน้าผากไม่มีปัญหาอะไร
ยังเขียวๆ อยู่แต่ไม่บวมมากแล้ว
มาถึงวันที่ 5 ค่ะได้เวลาล้างแผลเอาสำลีที่ซับในจมูกออก...
ด้วยความที่มันซับมาหลายวันแล้วก็แข็งๆ บอกเลยตอนที่พยาบาลเอาออกมานี่ร้องค่ะ เจ็บมากๆ
หลังจากวันนั้นก็เดินเล่นได้อย่างมั่นใจขึ้น วันนี้ล่ามปล่อย
มาถึงวันสุดท้ายก่อนกลับก็ต้องไปตัดไหมและเอาเฝือกที่จมูกออกก่อน
จากนั้นคุณหมอก็มาพูดคุยสอบถามอาการเก็บรายละเอียดอีกสักเล็กน้อย
แล้วก็บ๊ายบาย เจอกันใหม่นะเกาหลี...
ต่อจากนั้นก็มาพักฟื้นเองที่บ้านอีกประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งตามหลักแล้วคุณหมอบอกว่าอาการจะดีขึ้นตามลำดับ
และรูปทรงที่ทำไว้จะเข้าที่ ซึ่งตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองเดือน และทาง aigis ก็ยังคอยพูดคุยติดตามผลหลังผ่าตัดอยู่เรื่อยๆ นะคะ
หน้าตอนนี้ค่ะ
ผลที่ได้สำหรับเราโอเคขึ้นมากนะ ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นชัดเท่าไร แต่รู้สึกได้ว่ามันธรรมชาติดี คือดูแล้วรับกับหน้าเรามาก โดยรวมในเรื่องความพึงพอใจเราถือว่าดีมาก โรงพยาบาลดีสะอาดปลอดภัย คุณหมอก็ดูเป็นมิตรดูแลดีค่ะ ส่วนอาหารก็ทั่วไปค่ะดีต่อผู้ป่วยลดอาการปวดบวมอักเสบก็ว่ากันไป ที่พักก็อยู่ในบริเวณที่ใกล้โรงพยาบาลดีเลย ตลอดเวลามีล่ามมาอำนวยความสะดวกในการสื่อสารคุยกับหมอ ไปรับไปส่งจากที่พักและสนามบิน ตลอดจน follow up ในเรื่องอื่นๆ อย่างพาไปซื้อของ ช็อปปิ้งด้วย ส่วนเรื่องของราคาโดยรวมที่เอเจนซี่จัดมาให้นั้นเราถือว่าสมเหตุสมผลแล้วค่ะไม่แพงเกินไป และถ้าคิดว่าหาเอาถูกๆ คงอาจไม่ได้ความรู้สึกอุ่นใจแบบนี้ แล้วก็ aigis เองก็เป็นเอเจนซี่ของคนเกาหลีทำก็เลยรู้สึกว่าอุ่นใจในส่วนนี้ด้วย ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวความคืบหน้าเพิ่มเติมละกันเนอะ