ในที่สุดผมก็พอจะเข้าใจปัญหาของ Official Tracking

หลังจากปล่อย update ล่าสุดของ Pokemon Go มาพร้อม Daily Event Bonus, การปรับจุดมอน, การปรับระบบยิม และระบบจำกัดความเร็ว ซึ่งทั้งหมดต่างก็ได้รับกระแสตอบรับในทางต่างๆ กันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรอบนี้ส่งผลต่อแนวทางการเล่นของทั้งสายดำ และสายขาวมากพอสมควร แต่ถึงอย่างไรก็ตามการอัพเดตทั้งหมดรวมทั้งที่แว่วๆ มาในระยะเวลาอันสั้นดูเหมือนจะไม่มีจุดไหนที่จะเข้าไกล้ระบบแกะรอยอย่างเป็นทางการของ Niantic เลย

ในตอนแรกผมก็คิดอยู่นะครับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่แต่ทำไมผู้พัฒนาถึงปล่อยระยะเวลาให้ Third-Party map มาแย่งซีนจนกลายเป็นสงครามเล็กๆ ที่ดึงผู้เล่น (ที่เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ผี) ออกเป็น 2 กลุ่มไปซะยังงั้น... ซึ่งก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่าระบบของเกมที่ฝากทุกอย่างไว้กับการจับอย่างเดียวนั้น การคงอยู่ของแมพที่ระบุจุดเกิดมอนไว้โต้งๆ จะสร้างความได้เปรียบและความไม่สมดุลระหว่างผู้เล่นปกติ รวมทั้งเป็นช่องทางทำกินอย่างดีให้กับผู้เล่นที่ไม่ปกติได้พร้อมๆ กัน จนเมื่อมีการปรับจุดเกิดล่าสุดที่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็แล้วแต่ Niatic ก็สามารถเล่นงาน Third-Party map ตัวเป้งให้ยอมยุติบทบาทลงได้ (ส่วนสาเหตุผมหาข้อมูลอธิบายไว้ใครสนใจลองไปดูในมู้ก่อหน้าผมไม่อยากก็อบเนื้อหามาเพราะยาวจัด http://ppantip.com/topic/35782767 )

หลังการปิดตัวลงของ map ดังกล่าว ตัวช่วยเรื่องระบบแกะรอยนั้นยิ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ผู้ฝ่ายหนึ่งยิ่งเรียกร้องหาหนักมาก แต่ทาง Niantic ก็ยังไม่สามารถทำอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราวได้ ความสงสัยของผมถึงความคิดของ Niantic ในจุดนี้มันหนักเลยหละว่าตกลงบริษัทจะใส่ใจคนเล่นเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งมองมุมไหนมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่คนทำบริการจะปฏิเสธข้อต้องการของผู้เล่นอย่างไม่มีเหตุผล... มันต้องมีซักอย่างดิ เพราะระบบอกะรอยจริงๆ มันก็ติดมากับเกมตั้งแต่ต้น แต่ทำไมมันง่อยจังฟระ 555

ท้ายที่สุดสดๆ ร้อนๆ ไอเดียหนึ่ง (ซึ่งมาจากการไปส่องบอร์ดสายมืด) ก็ทำให้ผมเข้าใจมาหน่อยนึงซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญเลยที่มันทำให้ระบบแกะรอยมันใช้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไอ้เจ้าตัวปัญหานี้จริงๆ อยู่ใกล้ตัวและมีประโยชน์กับใครหลายๆ คนมาก นั่นก็คือ (เกริ่นโคตรยาว) ... Google Map Direction ครับ !!!

ไอ้เจ้าระบบที่ว่านี้ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงนะแต่ เมื่อลองหาข้อมูลให้ดี ทั้ง API และ sighting ของเกมนั้นมันผูกอยู่กับ Google Map API อะดิ... แล้วมันเกี่ยวยังไง ถ้าอยากรู้ต้องลองครับเข้า google map แล้วใช้ตัวนำทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งในระยะซัก 500 เมตรดูลองเน้นจุดที่ถนนตรอกซอยเยอะๆ แล้วเราจะพบความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งคือ google ยิ้มเดินเป็นแต่บนถนนหว่ะ 555 !!!

ซึ่งในชีวิตจริงๆ บางจุดบางซอยมันเดินทะลุได้ พอเอา map ที่เดินบนถนนเป็นอย่างเดียวมานำทางไปหามอนที่เกิดตามอาคารสถานที่ หรือแม้กระทั่งตามแม่น้ำลำคลอง ผลที่ได้เลยน่าปวดหัวกว่าที่คิด เพราะปัญหาดังกล่าวแก้ได้ยากมาก ต่อให้ใช้คนเป็นหมื่นคนมาเช็ค walking path ที่มันเป็นจริงเพื่อกำหนดระยะของ map ใหม่ก็ไม่รู้ต้องใช้ระยะเวลากี่ปีถึงจะเสร็จซักประเทศนึ่ง ซึ่งเอาเข้าจริงมันทำไม่ได้เลยน่าจะง่ายกว่า นี่เป็นสาเหตุที่ระบบ sighting ของ Pokemon GO ที่จะกำหนดโดย google map ซึ่งดูเหมือนจะเป็นต้นทุนที่ดีของ Niantic นั้นทำไม่ได้

และแม้จะเปลี่ยนแนวโดยกำหนดระยะรัศมีโดยไม่สน walking path นั้นสุดท้ายก็อาจจะลงเอยด้วยการหาไม่เจอเพราะ การลำดับความใกล้-ไกลของมอน จะสร้างการรบกวนจน ตัวเป้าหมายอาจหลุดระยะไปเฉยเพราะมีตัวอื่นๆ ที่ใกล้กว่า ส่วนการ focus request ไปที่มอนตัวใดตัหนึ่งนั้นการที่คนเรามันเดินทะลุ เดินข้าม ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ก็เป็นข้อจำกัดที่จะยิ่งทำให้คนเล่นเกิดความหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

ซึ่ง ณ ตอนนี้ Niantic น่าจะมองว่าการกำหนด tracking โดยใช้คนเป็นตัวตั้งมันมีข้อจำกัดช ิหาย เลยตัดสินใจใช้ Pokestop เป็นตัวอ้างอิงซึ่งมันอยู่คงที่ตลอดแล้วอาศัยเปลี่ยนจุดเกิดของมอนบางส่วน ให้เข้าใกล้ Pokestop มากขึ้น (ผลพวงคือ FPM ตาย) ซึ่งจะเป็นตัวสกรีนมอนใน sighting ออกได้บางส่วน แต่ปัญหาสุดท้ายก็กลับมาอยู่ที่จุดเกิดมอน อื่นๆ นอก Pokestop นี่หละครับว่าจะทำไงต่อเพราะถ้าปล่อยเป็นแผนที่ออกมา มีสิทธ์ที่จะมีมือดีคว้าเอาไปทำ Third-party แบบ FPM ได้อีก ความสมบูรณ์ของ tracking มันเลยแทบเป็นไปไม่ได้ซึ่งเป็นสาเหตุของการตีมึนเรื่อง map มาโดยตลอด

... ก็ไม่รู้ว่าถ้าย้อนเวลาได้ Niantic จะยังฝากทุกอย่างของเกมไว้กับการจับทั้งหมดหรือไม่ เพราะผลที่ได้ในการต่อยอดมันดูน่าเห็นใจสำหรับคนพัฒนาเกมพอสมควร แต่ที่แน่ๆ อย่างน้อยตอนนี้บริษัทก็ดูจะพยายามกลับมาดึงคนเล่นไว้แล้วด้วยทุกวิธี แม้บางอย่างมันจะดูงงๆ หน่อยก็เหอะ คงต้องตามดูต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่