**กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งขึ้นมา ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือพิมพ์ผิด สงสัยตรงไหนถามได้นะคะ บอกได้นะคะ ไม่กัดค่า ^^ **
เฮโหล่วววววเด็กๆทั้งหลายยย ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่น้องๆหลายๆคนเริ่มหาข้อมูลโครงการ work and travel มาได้ซักพักแล้วแหละ เพราะนี่ก็ต้นเดือนพฤศจิกายน ใกล้จะสิ้นปี ก็จะเหลืองานน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้น้องๆหลายๆคนที่เพิ่งคิดว่าหรือเพิ่งเริ่มสนใจโครงการนี้ เริ่มไฟลนก้นกันแล้วววว เพราะมันใกล้เวลาที่เอเจนซี่เริ่มปิดรับสมัครกันแล้ว หรือไม่ก็งานที่เล็งๆไว้ก็หายลงไปทุกทีๆ รีบๆเข้าละเด็กๆ
เรามาเกริ่นคร่าวๆกันก่อนละกันว่า โครงการ work and travel หรือ WAT นี่คืออะไร ก็ตามชื่อโครงการล่ะเน๊อะwork แล้วก็ travel น้องหลายๆคนก็คงคิด เอิ่ม พี่คะ หนูก็รู้อยู่แล้วคะ จะบอกทำไมแฮะๆ พี่ขอโทษ .___. เอาคร่าวๆก็เป็นโครงการที่เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สหรัฐอเมริกา โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเราก็ต้องไปทำงานที่นู้นเพื่อเอามาจ่ายค่าบ้านที่เราซุกหัวนอน หรือเอาไว้ช้อปปิ้ง (ซึ่งของถูกมากจริงๆถ้าเทียบกับไทย พี่นี่อยากขนกลับมาให้หมด แต่ทำได้แต่มองกระเป๋าตังค์ที่แบนเรียบพร้อมซับน้ำตาเบาๆ) แล้วที่สำคัญเก็บเงินไปเที่ยวระหว่างทำงานในวันหยุด หรือไม่ก็หลังจากจบโครงการแล้ว โดยวีซ่าที่เราจะได้นี่คือวีซ่า J1 ซึ่งเราสามารถเที่ยวได้ต่อหลังจากวีซ่าหมด 30 วัน ก็ประมาณเดือนนึง ถ้าใครมีเงินเหลือมากก็ลุยเลยคะ เพราะพี่ก็เคยทำมา กลับไทยก็หมดตัวกันเลยทีเลย พูดแล้วน้ำตาจะไหล TT เว้นดราม่าไป เอาเป็นว่ามันถือว่าเป็นโครงการที่เราต้องไปทำงานกับชาวต่างชาติ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ซักครั้งในชีวิตที่ได้ไปต่อสู้ต่างแดนเพื่อเงินอันน้อยนิด เพื่อที่ซุกหัวนอน และเพื่อเที่ยว เฮ้!!!
ไหนๆก็เกริ่นพอให้เข้าใจกันแล้วเน๊อะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า งานที่พี่เลือกก็คือ six flags over texasที่จริงต้องพูดว่าไม่มีงานอะไรให้เลือกแล้วต่างหาก น่าจะเข้ากว่า 555555 เพราะกว่าพี่จะสมัครก็กลางเดือนตุลาแหละ งานที่เลือกก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเยอะ ตอนแรกพี่เลือกงาน supermarket ที่ floridaไป แต่บังเอิญว่ามหาลัยที่พี่เรียนนี่ต้องมีสอบจบ ถ้าสอบจบไม่ผ่านก่อนที่จะบินไปก็
คะ จองตั๋วกลับมาสอบใหม่ (มาถึงตอนนี้ก็เดาไม่ยากหรอกนะว่ามหาลัยอะไร 555555 ) ก็นั่นแหละจ๊ะ
เหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนงาน เพราะงานพวก supermarket นี่ต้องเริ่มงานประมาณสิ้นเดือน พ.ค. ยังๆยังไม่พอ เปลี่ยนงานแรกไปงานที่สอง ก็ยังคงเป็น supermarket ก็เรทมันดีอ่ะแกกก ซึ่งงานนี้ก็ไปสืบมาจากหลายๆคนที่เคยไป เค้าบอกว่างานนี้เริ่มประมาณต้นเดือนมิถุนา พอมานั่งคิดทบทวน เฮ้ย ได้วะ ความโชคร้ายยังคงถาโถมมาเรื่อยๆ พี่ก็ไปสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพตามที่พี่เอเจนซี่ให้ไป ปรากฏว่าเข้าไปนั่งฟังดิบดี ด้วยความตื่นเต้นว่าเอ้ย น่าสนุกดีนะ อย่างนู้นอย่างนี้ พอพี่เค้าพูดเรื่องวันเดินทาง ความคิดแรก
!!!! ถ้าสอบจบไม่ผ่านรอบแรกนี่บินไม่ได้เลยนะ แถมเค้าไม่ให้บินตามไปทีหลังด้วย งานเข้าแหละ อุตส่าห์ลงมาถึงกรุงเทพ นั่งรอจน 6 โมงเย็นกว่าจะได้สัมภาษณ์ นี่ต้องมาตกม้าตายตอนจบหรอ ไม่นะ ไม่จริงงงงงงง T_____T ก็ตามนั้นแหละคะ คุณน้องขา ผลสัมภาษณ์ออกมาว่าไม่ผ่าน เพราะเดินทางไม่ได้ จบค่าชีวิต แล้วฉันจะหางานจากที่ไหนนนนยูวววววว ความพยายามของเรายังไม่ย่อท้อคะ เดินทางกันต่อไป หางานใหม่คะ ทีนี้คุยกับพี่เอเจนซี่ใหม่ว่า "พี่คะ หนูสอบเสร็จ 6 มิถุนา ของานที่เดินทางได้หลังวันที่ 6 ได้ไหมคะ" เพราะก็ไม่มั่นหน้าไงว่าจะสอบจบผ่านรอบแรกไง ก็เลยต้องบอกเผื่อไว้ก่อน พี่เค้าก็ได้งานมานั่นคือ
"Six Flags Over Texas" ซึ่งพี่ก็รู้ว่าคร่าวๆแค่ว่าเป็นงานสวนสนุก บลาๆๆๆ หาข้อมูลจาก pantipก็ไม่มี หารีวิวจากนู้นนี่ก็หาไม่ได้ เอาแล้ว มันจะดีป่ะวะ เออ เสี่ยงก็เสี่ยง ! ก็ตกลงกับพี่เค้า นัดวันสัมภาษณ์ นัดเวลาเรียบร้อย ก็เป็นไปด้วยดี ผ่านสัมภาษณ์ ทางนู้นก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเยอะแยะ คำถามก็ที่น้องๆเตรียมกันไว้นั่นแหละคะว่า ให้แนะนำตัว ชื่ออะไร เรียนที่ไหน ทำไมสนใจที่นี้ ชอบทำงานแบบไหน ประมาณนั้นคร่าวๆ
ทีนี้พอสัมภาษณ์งานผ่านก็มาถึงขั้นตอนทำวีซ่าคะ เอเจนซี่ที่พี่สมัครด้วย เค้าก็ดีนะ เตรียมเอกสารให้พร้อม ถ้าเอกสารไหนขาดเค้าก็จะติดต่อมา ทีนี้พี่ไปสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ ซึ่งไม่มีพี่เอเจนซี่ไปดูแล แต่เราก็ใจสู้ไง ไปกับเพื่อนหลายคน ก็เอาเว้ย เป็นไงเป็นกัน ก็พอไปถึงต่อแถว รับบัตรคิว รอเรียก 20 นาทีผ่านไป เอ้า นี่เสร็จแล้วหรอ ง่ายๆกันไป ส่วนใหญ่แค่ถามว่าแบบไปทำงานอะไร ทำงานที่ไหน เมืองไหน ทำไมอยากไปที่นี่ เรียนอะไรมา ก็ทั่วๆไปแหละเน๊อะ เย้ วีซ่าผ่านแหละ ขั้นตอนต่อไปเตรียมกระเป๋า เตรียมเอกสาร เตรียมตัว โดยที่เค้าก็มีเรียกลงไปเตรียมความพร้อมที่จะไปแล้ว เมกา ฉันจะไปหาเธอออออ (รายละเอียดปลีกย่อยขอข้ามละกันนะ เดี๊ยวมันจะยาวเกินไป 555555 ถ้าสงสัยอะไรหลังไมค์ได้นะคะ)
ข้ามบทตอนที่จะเดินทางเลยละกัน พอมาถึงวันที่เดินทาง ก็ตื่นเต้นซิแกก จะได้ไปเมกาแล้ว สิ่งที่ฉันเฝ้าฝันเป็นแรมเดือนมาถึงแล้ว โดยสายการบินที่ตบตีกับพี่เอเจนซี่มาก็คือ American airline (AA) เพราะงานนี้ส่วนใหญ่เค้าบินกับ china airline เว้ย พี่ก็หาข้อมูลเลยคะ ว่า china เนี่ยมันต้องบินไปลง Los Angeles International Airport
(LAX) แล้วนั่งเครื่องต่อไปที่ Dallas, Texas Love Field Airport
(DAL) ซึ่งมันนั่งหลายต่อ ก็เลยบอกพี่เค้าว่า พี่คะ หนูอยากจองของ AA คะ เพราะมันบินตรงจาก Narita International airport
(NRT) ไปที่ Dallas Fort Worth International Airport
(DFW) เลยไม่ต้องไปต่อเครื่องอีก กว่าพี่เค้าจะยอมก็นาน ก็นั่นแหละ ได้ตั๋วมาแล้ว โดยที่สายการบิน AA จะโครกับสายการบิน Japan airline transit ที่ NRT ญี่ปุ่นค่า ขากลับก็สบายๆ ได้เที่ยวญี่ปุ่นต่อ นอกเรื่องไป กลับมาคะ 5555 อ้อ ลืมไป น้ำหนักกระเป๋าใบละ 23 กก. แต่โหลดได้ 2 ใบน่ะ น้ำหนักก็ไม่ควรเกินจะดีที่สุด ถ้าแนะนำเอาไปใบเดียวก็พอ ถ้ามันไม่พอก็ค่อยซื้อขากลับ ลืมอีกอย่าง โน้ตบุ๊ค ไม่เอาไปจะดีที่สุด ถ้าไม่ติดเกมส์ขนาดที่ขาดมันไม่ได้ละก็น่ะ เพราะแกไม่ค่อยได้ใช้หรอก พี่นี่เอาไปลงรูปอย่างเดียว หนักชิบ ไม่รู้จะขนไปทำไม ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ลำลากันเป็นที่น่าพอใจ ก็เข้าไปผ่านตม.ไทย เดินเล่น duty free เดินเข้าเกท พอขึ้นเครื่องเท่านั้นแหละ แกกกกก มันดีมากเลยเว้ยยยย คือแบบเครื่องไม่ใหม่มาก แต่เบาะกว้าง นั่งสบาย(ถึงแม้จะไม่สบายเท่า business class ก็เถอะ) แอร์ดีมากกก ยิ้มตลอดทาง ขนมเสิร์ฟตลอดทางจนถึงญี่ปุ่น เดินไปหยิบเองก็ได้ สบายท้องล่ะทีนี้ อาหารก็ตามรูปข้างล่างเลยจ๊ะ
เย้ มาถึงแหละ ญี่ปุ่น ประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน เอ้ย ยังดิ! เราต้องไปเมกาก่อนค่อยกลับมา 555555 ก็เดินตามทางเดินที่คนเดินไปเยอะๆนั่นแหละ เดินตามเค้าไป แต่เราต้องเดินหาป้ายที่บอกว่า transit เครื่องน่ะ ไม่ใช่เดินออกประตูสู่แจแปน โนนะคะ 555555 หลังจากนั้นสายการบินก็จะจะให้เราเอาตั๋วที่เราได้จากสุววรณภูมิใบที่ 2 มาเปลี่ยนตั๋วที่นี่แหละ เดินต่อแถว เค้าจะบอกวิธีทำเอง ไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นก็สแกนกระเป๋าอีกรอบ แล้วก็เดินเข้าไปหาเกทได้เลยค่า (อ้อ ถ้าใครสงสัยว่า พี่คะแล้วกระเป๋าที่หนูโหลดละคะ มันจะไปอยู่ไหน มันก็จะส่งตรงไปที่สนามบินปลายทางของหนูเลยคะ แต่ถ้าหนูมีต่อเครื่องภายในประเทศเมกาอีกครั้งนึง ก็ต้องไปรับกระเป๋าที่สนามบินแรกของเมกา แล้วเอาไปสแกนไปลงตามสายพานที่เค้ากำหนดคะ) ก็รอขึ้นเครื่องตรงไปเมกาเลยค่า โดยใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ก็นั่นแหละคะ ปวดตูดกันไปข้างนึง พลิกซ้ายพลิกขวา เดินเล่นบนเครื่อง นอน ทำได้แค่นั้นแหละคะขุ่นน้องง แต่เครื่องของ AA ก็ทำใจหน่อยละกันนะ ไม่ค่อยสบายเท่าที่ไปญี่ปุ่น เบาะเล็กกว่า อาหารก็เฉยๆ กินได้
แถ่นแท้มมมมม ในที่สุดก็มาถึงแล้วอเมริกา ประเทศที่ต้องทำงานไป 3 เดือน ความรู้สึกแรกตอนลงเครื่องคืออยากนอน เมื่อย ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เราก็เดินผ่านตม.ออกมา ตม.ก็ถามแค่ว่าพักที่ไหน ทำงานอะไร มีอะไรบ้างในกระเป๋า มีของกินไหม มีของสดอะไรรึเปล่า ก็ตามคะ โนว!
ไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะยูวว มีแต่เสื้อผ้า ก็ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย 555555 ซึ่งเปล่าหรอก
ในนั้นก็มีของประทังชีวิตอย่างเช่น มาม่าประมาณ 20 ห่อ มีน้ำพริกต่างๆที่ซื้อตามซุปเปอร์ ผงทำอาหารต่างๆ 5555555 ก็เดินออกมาขึ้นแท็กซี่ตรงไปยังโรงแรมที่นายจ้างเค้าบอกมา โดยพี่เอเจนซี่ที่ไทยก็จะเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยแล้วแหละว่าอยู่ตรงไหน ไปยังไง ค่าแท็กซี่ประมาณเท่าไร มีรูปประกอบพร้อม อย่างเช่นแบบนี้
[CR] Work and travel at Six flags Over Texas 2016
เฮโหล่วววววเด็กๆทั้งหลายยย ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่น้องๆหลายๆคนเริ่มหาข้อมูลโครงการ work and travel มาได้ซักพักแล้วแหละ เพราะนี่ก็ต้นเดือนพฤศจิกายน ใกล้จะสิ้นปี ก็จะเหลืองานน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้น้องๆหลายๆคนที่เพิ่งคิดว่าหรือเพิ่งเริ่มสนใจโครงการนี้ เริ่มไฟลนก้นกันแล้วววว เพราะมันใกล้เวลาที่เอเจนซี่เริ่มปิดรับสมัครกันแล้ว หรือไม่ก็งานที่เล็งๆไว้ก็หายลงไปทุกทีๆ รีบๆเข้าละเด็กๆ
เรามาเกริ่นคร่าวๆกันก่อนละกันว่า โครงการ work and travel หรือ WAT นี่คืออะไร ก็ตามชื่อโครงการล่ะเน๊อะwork แล้วก็ travel น้องหลายๆคนก็คงคิด เอิ่ม พี่คะ หนูก็รู้อยู่แล้วคะ จะบอกทำไมแฮะๆ พี่ขอโทษ .___. เอาคร่าวๆก็เป็นโครงการที่เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สหรัฐอเมริกา โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเราก็ต้องไปทำงานที่นู้นเพื่อเอามาจ่ายค่าบ้านที่เราซุกหัวนอน หรือเอาไว้ช้อปปิ้ง (ซึ่งของถูกมากจริงๆถ้าเทียบกับไทย พี่นี่อยากขนกลับมาให้หมด แต่ทำได้แต่มองกระเป๋าตังค์ที่แบนเรียบพร้อมซับน้ำตาเบาๆ) แล้วที่สำคัญเก็บเงินไปเที่ยวระหว่างทำงานในวันหยุด หรือไม่ก็หลังจากจบโครงการแล้ว โดยวีซ่าที่เราจะได้นี่คือวีซ่า J1 ซึ่งเราสามารถเที่ยวได้ต่อหลังจากวีซ่าหมด 30 วัน ก็ประมาณเดือนนึง ถ้าใครมีเงินเหลือมากก็ลุยเลยคะ เพราะพี่ก็เคยทำมา กลับไทยก็หมดตัวกันเลยทีเลย พูดแล้วน้ำตาจะไหล TT เว้นดราม่าไป เอาเป็นว่ามันถือว่าเป็นโครงการที่เราต้องไปทำงานกับชาวต่างชาติ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ซักครั้งในชีวิตที่ได้ไปต่อสู้ต่างแดนเพื่อเงินอันน้อยนิด เพื่อที่ซุกหัวนอน และเพื่อเที่ยว เฮ้!!!
ไหนๆก็เกริ่นพอให้เข้าใจกันแล้วเน๊อะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า งานที่พี่เลือกก็คือ six flags over texasที่จริงต้องพูดว่าไม่มีงานอะไรให้เลือกแล้วต่างหาก น่าจะเข้ากว่า 555555 เพราะกว่าพี่จะสมัครก็กลางเดือนตุลาแหละ งานที่เลือกก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเยอะ ตอนแรกพี่เลือกงาน supermarket ที่ floridaไป แต่บังเอิญว่ามหาลัยที่พี่เรียนนี่ต้องมีสอบจบ ถ้าสอบจบไม่ผ่านก่อนที่จะบินไปก็คะ จองตั๋วกลับมาสอบใหม่ (มาถึงตอนนี้ก็เดาไม่ยากหรอกนะว่ามหาลัยอะไร 555555 ) ก็นั่นแหละจ๊ะ เหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนงาน เพราะงานพวก supermarket นี่ต้องเริ่มงานประมาณสิ้นเดือน พ.ค. ยังๆยังไม่พอ เปลี่ยนงานแรกไปงานที่สอง ก็ยังคงเป็น supermarket ก็เรทมันดีอ่ะแกกก ซึ่งงานนี้ก็ไปสืบมาจากหลายๆคนที่เคยไป เค้าบอกว่างานนี้เริ่มประมาณต้นเดือนมิถุนา พอมานั่งคิดทบทวน เฮ้ย ได้วะ ความโชคร้ายยังคงถาโถมมาเรื่อยๆ พี่ก็ไปสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพตามที่พี่เอเจนซี่ให้ไป ปรากฏว่าเข้าไปนั่งฟังดิบดี ด้วยความตื่นเต้นว่าเอ้ย น่าสนุกดีนะ อย่างนู้นอย่างนี้ พอพี่เค้าพูดเรื่องวันเดินทาง ความคิดแรก !!!! ถ้าสอบจบไม่ผ่านรอบแรกนี่บินไม่ได้เลยนะ แถมเค้าไม่ให้บินตามไปทีหลังด้วย งานเข้าแหละ อุตส่าห์ลงมาถึงกรุงเทพ นั่งรอจน 6 โมงเย็นกว่าจะได้สัมภาษณ์ นี่ต้องมาตกม้าตายตอนจบหรอ ไม่นะ ไม่จริงงงงงงง T_____T ก็ตามนั้นแหละคะ คุณน้องขา ผลสัมภาษณ์ออกมาว่าไม่ผ่าน เพราะเดินทางไม่ได้ จบค่าชีวิต แล้วฉันจะหางานจากที่ไหนนนนยูวววววว ความพยายามของเรายังไม่ย่อท้อคะ เดินทางกันต่อไป หางานใหม่คะ ทีนี้คุยกับพี่เอเจนซี่ใหม่ว่า "พี่คะ หนูสอบเสร็จ 6 มิถุนา ของานที่เดินทางได้หลังวันที่ 6 ได้ไหมคะ" เพราะก็ไม่มั่นหน้าไงว่าจะสอบจบผ่านรอบแรกไง ก็เลยต้องบอกเผื่อไว้ก่อน พี่เค้าก็ได้งานมานั่นคือ "Six Flags Over Texas" ซึ่งพี่ก็รู้ว่าคร่าวๆแค่ว่าเป็นงานสวนสนุก บลาๆๆๆ หาข้อมูลจาก pantipก็ไม่มี หารีวิวจากนู้นนี่ก็หาไม่ได้ เอาแล้ว มันจะดีป่ะวะ เออ เสี่ยงก็เสี่ยง ! ก็ตกลงกับพี่เค้า นัดวันสัมภาษณ์ นัดเวลาเรียบร้อย ก็เป็นไปด้วยดี ผ่านสัมภาษณ์ ทางนู้นก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเยอะแยะ คำถามก็ที่น้องๆเตรียมกันไว้นั่นแหละคะว่า ให้แนะนำตัว ชื่ออะไร เรียนที่ไหน ทำไมสนใจที่นี้ ชอบทำงานแบบไหน ประมาณนั้นคร่าวๆ
ทีนี้พอสัมภาษณ์งานผ่านก็มาถึงขั้นตอนทำวีซ่าคะ เอเจนซี่ที่พี่สมัครด้วย เค้าก็ดีนะ เตรียมเอกสารให้พร้อม ถ้าเอกสารไหนขาดเค้าก็จะติดต่อมา ทีนี้พี่ไปสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ ซึ่งไม่มีพี่เอเจนซี่ไปดูแล แต่เราก็ใจสู้ไง ไปกับเพื่อนหลายคน ก็เอาเว้ย เป็นไงเป็นกัน ก็พอไปถึงต่อแถว รับบัตรคิว รอเรียก 20 นาทีผ่านไป เอ้า นี่เสร็จแล้วหรอ ง่ายๆกันไป ส่วนใหญ่แค่ถามว่าแบบไปทำงานอะไร ทำงานที่ไหน เมืองไหน ทำไมอยากไปที่นี่ เรียนอะไรมา ก็ทั่วๆไปแหละเน๊อะ เย้ วีซ่าผ่านแหละ ขั้นตอนต่อไปเตรียมกระเป๋า เตรียมเอกสาร เตรียมตัว โดยที่เค้าก็มีเรียกลงไปเตรียมความพร้อมที่จะไปแล้ว เมกา ฉันจะไปหาเธอออออ (รายละเอียดปลีกย่อยขอข้ามละกันนะ เดี๊ยวมันจะยาวเกินไป 555555 ถ้าสงสัยอะไรหลังไมค์ได้นะคะ)
ข้ามบทตอนที่จะเดินทางเลยละกัน พอมาถึงวันที่เดินทาง ก็ตื่นเต้นซิแกก จะได้ไปเมกาแล้ว สิ่งที่ฉันเฝ้าฝันเป็นแรมเดือนมาถึงแล้ว โดยสายการบินที่ตบตีกับพี่เอเจนซี่มาก็คือ American airline (AA) เพราะงานนี้ส่วนใหญ่เค้าบินกับ china airline เว้ย พี่ก็หาข้อมูลเลยคะ ว่า china เนี่ยมันต้องบินไปลง Los Angeles International Airport (LAX) แล้วนั่งเครื่องต่อไปที่ Dallas, Texas Love Field Airport (DAL) ซึ่งมันนั่งหลายต่อ ก็เลยบอกพี่เค้าว่า พี่คะ หนูอยากจองของ AA คะ เพราะมันบินตรงจาก Narita International airport (NRT) ไปที่ Dallas Fort Worth International Airport (DFW) เลยไม่ต้องไปต่อเครื่องอีก กว่าพี่เค้าจะยอมก็นาน ก็นั่นแหละ ได้ตั๋วมาแล้ว โดยที่สายการบิน AA จะโครกับสายการบิน Japan airline transit ที่ NRT ญี่ปุ่นค่า ขากลับก็สบายๆ ได้เที่ยวญี่ปุ่นต่อ นอกเรื่องไป กลับมาคะ 5555 อ้อ ลืมไป น้ำหนักกระเป๋าใบละ 23 กก. แต่โหลดได้ 2 ใบน่ะ น้ำหนักก็ไม่ควรเกินจะดีที่สุด ถ้าแนะนำเอาไปใบเดียวก็พอ ถ้ามันไม่พอก็ค่อยซื้อขากลับ ลืมอีกอย่าง โน้ตบุ๊ค ไม่เอาไปจะดีที่สุด ถ้าไม่ติดเกมส์ขนาดที่ขาดมันไม่ได้ละก็น่ะ เพราะแกไม่ค่อยได้ใช้หรอก พี่นี่เอาไปลงรูปอย่างเดียว หนักชิบ ไม่รู้จะขนไปทำไม ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ลำลากันเป็นที่น่าพอใจ ก็เข้าไปผ่านตม.ไทย เดินเล่น duty free เดินเข้าเกท พอขึ้นเครื่องเท่านั้นแหละ แกกกกก มันดีมากเลยเว้ยยยย คือแบบเครื่องไม่ใหม่มาก แต่เบาะกว้าง นั่งสบาย(ถึงแม้จะไม่สบายเท่า business class ก็เถอะ) แอร์ดีมากกก ยิ้มตลอดทาง ขนมเสิร์ฟตลอดทางจนถึงญี่ปุ่น เดินไปหยิบเองก็ได้ สบายท้องล่ะทีนี้ อาหารก็ตามรูปข้างล่างเลยจ๊ะ
เย้ มาถึงแหละ ญี่ปุ่น ประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน เอ้ย ยังดิ! เราต้องไปเมกาก่อนค่อยกลับมา 555555 ก็เดินตามทางเดินที่คนเดินไปเยอะๆนั่นแหละ เดินตามเค้าไป แต่เราต้องเดินหาป้ายที่บอกว่า transit เครื่องน่ะ ไม่ใช่เดินออกประตูสู่แจแปน โนนะคะ 555555 หลังจากนั้นสายการบินก็จะจะให้เราเอาตั๋วที่เราได้จากสุววรณภูมิใบที่ 2 มาเปลี่ยนตั๋วที่นี่แหละ เดินต่อแถว เค้าจะบอกวิธีทำเอง ไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นก็สแกนกระเป๋าอีกรอบ แล้วก็เดินเข้าไปหาเกทได้เลยค่า (อ้อ ถ้าใครสงสัยว่า พี่คะแล้วกระเป๋าที่หนูโหลดละคะ มันจะไปอยู่ไหน มันก็จะส่งตรงไปที่สนามบินปลายทางของหนูเลยคะ แต่ถ้าหนูมีต่อเครื่องภายในประเทศเมกาอีกครั้งนึง ก็ต้องไปรับกระเป๋าที่สนามบินแรกของเมกา แล้วเอาไปสแกนไปลงตามสายพานที่เค้ากำหนดคะ) ก็รอขึ้นเครื่องตรงไปเมกาเลยค่า โดยใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ก็นั่นแหละคะ ปวดตูดกันไปข้างนึง พลิกซ้ายพลิกขวา เดินเล่นบนเครื่อง นอน ทำได้แค่นั้นแหละคะขุ่นน้องง แต่เครื่องของ AA ก็ทำใจหน่อยละกันนะ ไม่ค่อยสบายเท่าที่ไปญี่ปุ่น เบาะเล็กกว่า อาหารก็เฉยๆ กินได้
แถ่นแท้มมมมม ในที่สุดก็มาถึงแล้วอเมริกา ประเทศที่ต้องทำงานไป 3 เดือน ความรู้สึกแรกตอนลงเครื่องคืออยากนอน เมื่อย ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เราก็เดินผ่านตม.ออกมา ตม.ก็ถามแค่ว่าพักที่ไหน ทำงานอะไร มีอะไรบ้างในกระเป๋า มีของกินไหม มีของสดอะไรรึเปล่า ก็ตามคะ โนว! ไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะยูวว มีแต่เสื้อผ้า ก็ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย 555555 ซึ่งเปล่าหรอก ในนั้นก็มีของประทังชีวิตอย่างเช่น มาม่าประมาณ 20 ห่อ มีน้ำพริกต่างๆที่ซื้อตามซุปเปอร์ ผงทำอาหารต่างๆ 5555555 ก็เดินออกมาขึ้นแท็กซี่ตรงไปยังโรงแรมที่นายจ้างเค้าบอกมา โดยพี่เอเจนซี่ที่ไทยก็จะเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยแล้วแหละว่าอยู่ตรงไหน ไปยังไง ค่าแท็กซี่ประมาณเท่าไร มีรูปประกอบพร้อม อย่างเช่นแบบนี้