เศษฐกิจดี้ดี ยุติกิจการ “เคทีบีลีสซิ่ง” หลังขาดทุนหนัก เพราะพนักงานทุจริต!+รถคันเเรก

กระทู้สนทนา

วันที่ 7 พ.ย.59 นายประสิทธิ์ วสุภัทร ประธานกรรมการ บริษัทเคทีบีลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า การปิดบริษัทเคทีบีลีสซิ่ง และนำธุรกิจเช่าซื้อมาอยู่ที่ธนาคารกรุงไทย ต้องรอมติคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย โดยปัญหาหนี้เสียของเคทีบีลีสซิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและเข้าไปตรวจสอบพบว่า  พนักงานกระทำทุจริตและได้ลงโทษไล่ออกไปแล้วหลายคน ส่วนธุรกิจให้บริการรถเช่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่อนุญาตให้ธนาคารกรุงไทยดำเนินการ

ช่วงที่ผ่านมาได้มีการเจรจากับบริษัทกรุงไทย ไอบีเจ ลีสซิ่ง ให้ซื้อพอร์ตรถเช่าไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับรับโอนย้ายพนักงานในส่วน ดังกล่าวไปด้วย อย่างไรก็ตามมีลูกค้าที่เช่ารถยนต์ส่วนหนึ่งที่เป็นหน่วยงานของภาครัฐ ต้องการอยู่กับเคทีบีลีสซิ่งต่อไป

พนักงานของเคทีบีลีสซิ่งจาก เดิม 900 คน ปัจจุบันเหลือ 500-600 คน การตัดสินใจเกี่ยวกับพนักงานกลุ่มนี้ ขึ้นอยู่กับธนาคารกรุงไทยว่าจะดำเนินการอย่างไร ในส่วนของเคทีบีลีสซิ่งจะ ดูแลพนักงานให้ดีที่สุด หากธุรกิจที่นำไปรวมกับกรุงไทยแล้ว และต้องการรับคนเพิ่ม ก็จะให้พิจารณาพนักงานเคทีบีลีสซิ่งเป็นอันดับแรก หรืออาจมีการเปิดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดให้กับพนักงาน

ทั้งนี้หนี้เสียที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ เกิดจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะในช่วงโครงการรถคันแรกบริษัทได้ไปทำตลาดราคารถมือสอง มีการปล่อยสินเชื่อให้กับเต๊นท์รถ เมื่อราคารถยนต์ลดลงเต๊นท์รถไม่ผ่อนชำระ รถที่เป็นหลักทรัพย์ยึดมา แล้วขายต่อทำให้เกิดการขาดทุนเป็นจำนวนมาก

ขณะที่การทำตลาดสินเชื่อรถยนต์ใหม่ แทนที่ทำตลาดรถยนต์ที่เป็นที่นิยมของตลาด แต่ไปทำรถยนต์ที่ตลาดไม่นิยม หรือยี่ห้อที่เป็นที่นิยมของตลาดก็ไปเลือกทำตลาดกับรถยนต์ที่กำลังจะตกรุ่น และลูกค้าไม่ผ่อนชำระ ได้มีการยึดรถมาประมูลขาย ราคาที่ได้รับต่ำมาก จึงประสบปัญหาขาดทุนเป็นจำนวนมาก

สำหรับปีนี้ยอดสินเชื่อของธนาคารน่าจะติดลบ หลังจากช่วง 9 เดือนแรกยอดสินเชื่อลดลง 6% ซึ่งเกิดจากสินเชื่อภาครัฐหดตัว ผู้ประกอบการรายใหญ่ ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ และนำเงินมา รี-ไฟแนนซ์

http://www.springnews.co.th/economics/326841
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่