“เฮ้! เรามีสารคดีชีวิตแวนโก๊ะมาแนะนำแหละ”
แน่นอนว่าคงไม่ได้มีใครสนใจอยากจะรู้เรื่องของศิลปินที่เราเคยได้ยินแต่ชื่อคนนี้มากนัก
แต่ถ้าหากเราลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น...
“ เฮ้ย! จำ Benedict ที่เล่น Dr. Strange ได้ไหม? มันมีหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นเป็น ‘แวนโก๊ะ’ ด้วยนะรู้รึเปล่า ”
ไม่รู้ทำไมประโยคนี้มันหนังเรื่องเดียวกันดูน่าสนใจขึ้นมาทันตาเลย
อย่างน้อยมันก็เกิดขึ้นกับเรา หลังจากดู Dr.Strange มาได้สองวัน เราก็เห็นคนโพสโปสเตอร์หนังเรื่อง Van Gogh: Painted with Words ในเฟสบุ๊คไว้ในฐานะอีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจของ Benedict Cumberbatch แค่เห็นโปสเตอร์อันนั้นแวปเดียว มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า “ ยังไงชั้นก็ต้องหามาดูให้ได้! ” แต่การจะหาหนังสารคดีของ BBC ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2010 นี่ก็ไม่ได้เจอกันง่ายๆ แม้จะหาเจอแต่ก็ไม่มีซับประกอบ ก็ได้แต่จับหัวชนท้ายงูๆปลาๆ เท่าที่ทำได้เอา
แต่มันก็ผิดกับที่คาดเอาไว้หน่อย ข้อแรกคือนี่เป็นหนังสารคดี และสองตรงที่แกนหลักของหนังสารคดีเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องของแวนโก๊ะ โดยอาศัย
“จดหมาย” ที่แวนโก๊ะเขียนถึงน้องชายของเขากว่า 800 ฉบับ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องยาวชั่วโมงกว่า โดยมีการประกาศก้องไว้อย่างดีว่า
“ทุกบทพูดในหนังเรื่องนี้ เป็นคำในจดหมายที่แวนโก๊ะเขียนทั้งสิ้น” ….ฟังดูน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?
ใครๆ ก็รู้จักแวนโก๊ะในฐานะศิลปินระดับตำนาน แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตของเขาอาภัพขนาดไหน หากเขาไม่ได้ทิ้งผลงานเอาไว้ก่อนตาย ชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็คงไม่มีอะไรที่ประสบความสำเร็จเลย
เขาเกิดในครอบครัวนักบวช มีชีวิตร่อนเร่ไปมากมายพร้อมกับความล้มเหลว เคยอยากเป็นนักบวชเหมือนพ่อแต่ก็ทำไม่ได้ เคยเข้าโรงเรียนศิลปะแต่ก็เรียนไม่จบ กลับมาตายรังที่บ้านพ่อแม่ก็หลายครั้ง ต้องเขียนจดหมายไปขอเงินน้องชายก็หลายคราว ย้ายไปอยู่ในเมือง บ้างก็หนีไปชนบท โดดเดี่ยวและเดียวดาย คิดว่าตัวเองไร้ค่า เริ่มป่วยทางจิต ตัดหูตัวเอง โดนจับไปอยู่โรงพยาบาลบ้า กลับออกมาวาดรูป แล้วสุดท้ายก็ยิงตัวตายตอนอายุได้ 37 ปี โดยมีผลงานขายได้ ณ ขณะที่มีชีวิตอยู่เพียง 1 ชิ้น และไม่น่าจะมีความเชื่อได้ว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นศิลปินระดับตำนานที่ไม่มีใครลืม
อย่าเพิ่งด่าว่าฉันกำลังสปอยด์เนื้อเรื่องในหนังให้ฟัง เพราะนี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็หาในอินเตอร์เน็ตได้ มันคือภาพชีวิตโดยรวมของแวนโก๊ะ ว่าไทม์ไลน์ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร แต่กับความรู้สึกของเขา ถ้อยคำที่เขาบรรยายเอาไว้ บางส่วนบางตอนที่สำคัญในชีวิต หนังสือที่เขาชอบ ใครที่เขาใช้มาเป็นแรงบันดาลใจ และใครที่เขารัก ทั้งหมดนั่นอยู่ในจดหมาย และหนังเรื่อง Van Gogh: Painted with Words นี้กำลังย่อยออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้คุณได้เห็น ซึ่งมันมีค่ามากกว่าการอ่านชีวประวัติคร่าวๆของเขาที่ยาวเพียง 5 บรรทัดแน่ๆ
หากคุณเป็นคนที่สนใจในศิลปะ หรือชอบหนังจากเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจ นี่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่ก็ต้องเตือนไว้นิดนึงถึงสไตล์การดำเนินเรื่องแปลกๆ ที่เราไม่คุ้ยเคยจนต้องพยายามปรับตัวเข้าหา มันคือการดำเนินเรื่องเหมือนละครไทยที่ตัวละครพูดคนเดียวกับตัวเอง บางทีก็มีหันมามองแล้วพูดกับคนดูใส่หน้ากล้อง พร้อมกับก็อปคำพูดแข็งทื่อในจดหมายออกมาเล่าเป็นฉากๆ ไล่ตามลำดับเหตุการณ์ไปตลอดทั้งเรื่อง ถ้าใครเป็นแฟน Benedict ก็คงจะฟินกับการได้เห็นหน้าของเขาพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า[แล้วก็บ้าจริงๆ]อยู่ตลอด 90% ของเรื่อง ตัวหนังดำเนินไปแบบนั้น พร้อมกับเสียงของผู้บรรยาย มีตัวละครอื่นแวะเวียนมาเล่าเรื่องบ้าง ในฉากหลังของภาพวาดที่แวนโก๊ะวาดออกมาในแต่ละช่วงของชีวิต ตั้งแต่ภาพขยุกขยิกที่เขาใส่ไว้ท้ายจดหมาย ไปจนกระทั่งภาพที่ใครๆ ก็รู้จักอย่าง The Starry Night
ป.ล. ใครที่สนใจ เรื่องนี้น่ายังไม่มีใครเอาเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย แต่ก็หาดูได้ไม่ยากนะคะ แค่กูเกิ้ลไปก็เจอแล้ว อาจไม่มีซับให้ แต่สำเนียงในเรื่องก็ฟังไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ ^^
Van Gogh: Painted with Words (2010) เมื่อ Benedict Cumberbatch กลายมาเป็นแวนโก๊ะ
แน่นอนว่าคงไม่ได้มีใครสนใจอยากจะรู้เรื่องของศิลปินที่เราเคยได้ยินแต่ชื่อคนนี้มากนัก
แต่ถ้าหากเราลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น...
“ เฮ้ย! จำ Benedict ที่เล่น Dr. Strange ได้ไหม? มันมีหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นเป็น ‘แวนโก๊ะ’ ด้วยนะรู้รึเปล่า ”
ไม่รู้ทำไมประโยคนี้มันหนังเรื่องเดียวกันดูน่าสนใจขึ้นมาทันตาเลย
อย่างน้อยมันก็เกิดขึ้นกับเรา หลังจากดู Dr.Strange มาได้สองวัน เราก็เห็นคนโพสโปสเตอร์หนังเรื่อง Van Gogh: Painted with Words ในเฟสบุ๊คไว้ในฐานะอีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจของ Benedict Cumberbatch แค่เห็นโปสเตอร์อันนั้นแวปเดียว มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า “ ยังไงชั้นก็ต้องหามาดูให้ได้! ” แต่การจะหาหนังสารคดีของ BBC ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2010 นี่ก็ไม่ได้เจอกันง่ายๆ แม้จะหาเจอแต่ก็ไม่มีซับประกอบ ก็ได้แต่จับหัวชนท้ายงูๆปลาๆ เท่าที่ทำได้เอา
แต่มันก็ผิดกับที่คาดเอาไว้หน่อย ข้อแรกคือนี่เป็นหนังสารคดี และสองตรงที่แกนหลักของหนังสารคดีเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องของแวนโก๊ะ โดยอาศัย “จดหมาย” ที่แวนโก๊ะเขียนถึงน้องชายของเขากว่า 800 ฉบับ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องยาวชั่วโมงกว่า โดยมีการประกาศก้องไว้อย่างดีว่า “ทุกบทพูดในหนังเรื่องนี้ เป็นคำในจดหมายที่แวนโก๊ะเขียนทั้งสิ้น” ….ฟังดูน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?
ใครๆ ก็รู้จักแวนโก๊ะในฐานะศิลปินระดับตำนาน แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตของเขาอาภัพขนาดไหน หากเขาไม่ได้ทิ้งผลงานเอาไว้ก่อนตาย ชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็คงไม่มีอะไรที่ประสบความสำเร็จเลย
เขาเกิดในครอบครัวนักบวช มีชีวิตร่อนเร่ไปมากมายพร้อมกับความล้มเหลว เคยอยากเป็นนักบวชเหมือนพ่อแต่ก็ทำไม่ได้ เคยเข้าโรงเรียนศิลปะแต่ก็เรียนไม่จบ กลับมาตายรังที่บ้านพ่อแม่ก็หลายครั้ง ต้องเขียนจดหมายไปขอเงินน้องชายก็หลายคราว ย้ายไปอยู่ในเมือง บ้างก็หนีไปชนบท โดดเดี่ยวและเดียวดาย คิดว่าตัวเองไร้ค่า เริ่มป่วยทางจิต ตัดหูตัวเอง โดนจับไปอยู่โรงพยาบาลบ้า กลับออกมาวาดรูป แล้วสุดท้ายก็ยิงตัวตายตอนอายุได้ 37 ปี โดยมีผลงานขายได้ ณ ขณะที่มีชีวิตอยู่เพียง 1 ชิ้น และไม่น่าจะมีความเชื่อได้ว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นศิลปินระดับตำนานที่ไม่มีใครลืม
อย่าเพิ่งด่าว่าฉันกำลังสปอยด์เนื้อเรื่องในหนังให้ฟัง เพราะนี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็หาในอินเตอร์เน็ตได้ มันคือภาพชีวิตโดยรวมของแวนโก๊ะ ว่าไทม์ไลน์ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร แต่กับความรู้สึกของเขา ถ้อยคำที่เขาบรรยายเอาไว้ บางส่วนบางตอนที่สำคัญในชีวิต หนังสือที่เขาชอบ ใครที่เขาใช้มาเป็นแรงบันดาลใจ และใครที่เขารัก ทั้งหมดนั่นอยู่ในจดหมาย และหนังเรื่อง Van Gogh: Painted with Words นี้กำลังย่อยออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้คุณได้เห็น ซึ่งมันมีค่ามากกว่าการอ่านชีวประวัติคร่าวๆของเขาที่ยาวเพียง 5 บรรทัดแน่ๆ
หากคุณเป็นคนที่สนใจในศิลปะ หรือชอบหนังจากเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจ นี่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่ก็ต้องเตือนไว้นิดนึงถึงสไตล์การดำเนินเรื่องแปลกๆ ที่เราไม่คุ้ยเคยจนต้องพยายามปรับตัวเข้าหา มันคือการดำเนินเรื่องเหมือนละครไทยที่ตัวละครพูดคนเดียวกับตัวเอง บางทีก็มีหันมามองแล้วพูดกับคนดูใส่หน้ากล้อง พร้อมกับก็อปคำพูดแข็งทื่อในจดหมายออกมาเล่าเป็นฉากๆ ไล่ตามลำดับเหตุการณ์ไปตลอดทั้งเรื่อง ถ้าใครเป็นแฟน Benedict ก็คงจะฟินกับการได้เห็นหน้าของเขาพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า[แล้วก็บ้าจริงๆ]อยู่ตลอด 90% ของเรื่อง ตัวหนังดำเนินไปแบบนั้น พร้อมกับเสียงของผู้บรรยาย มีตัวละครอื่นแวะเวียนมาเล่าเรื่องบ้าง ในฉากหลังของภาพวาดที่แวนโก๊ะวาดออกมาในแต่ละช่วงของชีวิต ตั้งแต่ภาพขยุกขยิกที่เขาใส่ไว้ท้ายจดหมาย ไปจนกระทั่งภาพที่ใครๆ ก็รู้จักอย่าง The Starry Night
ป.ล. ใครที่สนใจ เรื่องนี้น่ายังไม่มีใครเอาเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย แต่ก็หาดูได้ไม่ยากนะคะ แค่กูเกิ้ลไปก็เจอแล้ว อาจไม่มีซับให้ แต่สำเนียงในเรื่องก็ฟังไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ ^^