- Honeymoon in France: จุดเริ่มต้นของ13 วัน ในฝรั่งเศส -
http://ppantip.com/topic/34326406
- Ep.1: Chamonix เมืองขนมหวาน กลางเทือกเขาแอลป์ -
http://ppantip.com/topic/34326743
- Ep.2: Annecy "Little Venice" แห่งฝรั่งเศส -
http://ppantip.com/topic/34347401
- Ep.3: Avignon สะพานขาดก็มิอาจพรากเราได้ -
http://ppantip.com/topic/34382391
- Ep.4: Provence หมู่บ้านบนเนินเขา และเราสองคน -
http://ppantip.com/topic/34468041
- Ep.5: Arles ตามรอย วินเซนต์ เเวนโก๊ะ -
http://ppantip.com/topic/34493023
- Ep 6: L'isle sur la Sorgue ปิกนิคกลางเมืองกังหันน้ำ -
http://ppantip.com/topic/34581875
- Ep 7: Rennes บ้านเอียง เคียงกัน -
http://ppantip.com/topic/34643659
- Ep 8: Mont Saint Michel ท่องปราสาท The Lord of the Rings -
http://ppantip.com/topic/34760301
- Ep 9: Paris "Je t'aime" หลงรักปารีส 24 ชั่วโมง -
http://ppantip.com/topic/34821139
- Ep 10: Loire Valley ขอเป็นเจ้าหญิงในปราสาท 1 วัน -
http://ppantip.com/topic/34875863
- Ep 11: Disneyland Paris แอ๊บเด็กไปกับ Mickey & Minnie -
http://ppantip.com/topic/34904619
- Ep 12: Montmarte เสน่ห์ของถนนเส้นหลังบ้าน -
http://ppantip.com/topic/34933456
เช้านี้เราตื่นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะเราจะได้ไปตามรอยจิตรกรที่เราชื่นชอบ อย่าง Vincent Van Gogh
Vincent Van Gogh (วินเซนท์ แวน โก๊ะ) เป็นจิตรกรชาวเนเธอแลนด์ แต่ในช่วงหนึ่งของชีวิต เขาได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง Arles ในฝรั่งเศส และช่วงที่เขาพักอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ เขาได้วาดภาพที่มีชื่อเสียงไว้หลายภาพ
Van Gogh Self Portrait
วันนี้เราจะมาเดินตามรอยเท้าเขากัน มองวิวเดียวกันกับที่เขาเคยมองเมื่อ 100 ปีที่แล้ว...
เราออกเดินทางจาก Avignon โดยรถไฟ ไปยังเมือง Arles ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ ที่โดดเด่นก็คือ Arena ที่ตั้งอยู่กลางเมืองนั่นเอง
Arena แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว และยังคงตั้งตระหง่านให้คนยุคปัจจุบันได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน
เดินเล่นรอบๆ Arena หนึ่งรอบ บริเวณนี้จะเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก แต่เนื่องจากเรามาเช้ามาก ร้านจึงยังปิดอยู่
วันนี้ที่เมืองนี้มีตลาดเช้าด้วย
ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณ ถนน Emile Combes Boulevard โดยจะมีทุกๆเช้าวันพุธ
เดินตลาดเช้านี่ของชอบเราเลยเราไปเดินสำรวจกัน (เรื่องกิน มาก่อนเสมอ
)
บรรยากาศคึกคักมาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายอาหาร ทั้งแบบเอาไปปรุงกินที่บ้าน และแบบกินได้เลย
ร้านขายเครื่องเทศ
ร้านขนมปัง
เดินไปได้สักพัก เราก็เจอกับร้านไก่ย่าง เป็นเตาแบบหมุนๆ ย่างทั้งตัวเลย น่ากินสุดๆ เราพุ่งตรงเข้าไปสั่งไก่ย่างทันที
แน่นอนว่าไม่มีโต๊ะนั่ง เพราะมันเป็นแผงลอยในตลาด เรากะคุณแฟนจึงนั่งแทะไก่กันข้างทางเลย (หารูปดีสุดได้แค่นี้ ทัวแต่ห่วงกิน โปรดสังเกตแผงย่างไก่ ด้านหลังคุณพี่เสื้อฟ้าคนนี้)
ร้านไก่ย่าง
ผลไม้ก็น่ากิน สตรอเบอร์รี่ที่นี่หวานมาก
และเราก็เจอเข้ากับอาหารอีกอย่าง ที่สะดุดตาเรา ทำให้เท้าเราหยุดฉงักอยู่หน้าร้าน เหมือนมีมนต์สะกดให้ไปไหนไม่ได้ (ขนาดนั้นเลย
) เจ้าสิ่งนั้นก็คือก็คือ Paelle หรือข้าวผัดสเปน กระทะนี้นี่เอง (ดูขนาดของกระทะ เทียบกับคนที่ยืนใกล้ )
ชื่นชม โอ้ มันช่างสวยงาม !
มีการจัดเรียงเหล่าอาหารทะเลทั้งหลายได้น่าตื่นตาตื่นใจ กระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเราซะเหลือเกิน ทั้งหอย กุ้ง ไก่ ปลาหมึก มากังพร้อมหน้า
แน่นอนเราทนความยั่วยวนไม่ไหว จัดมา 1 กล่อง (นี่พึ่งกินไก่ย่างไปครึ่งตัวนะ
)
กินเสร็จก็ได้เวลาตามรอย แวนโก๊ะ กันจริงๆสักที ที่แรกที่เราจะไปก็คือ สถานที่ที่ Van Gogh วาดภาพชื่อ "Cafe Terrace at Night" นั่นเอง
ปัจจุบันร้านนี้ได้ถูกตกแต่งให้คงสภาพเหมือนในภาพวาด และยังคงให้บริการอยู่ สามารถเข้าไปนั่งจิบกาแฟ และ ทานอาหารได้ (แต่แอบได้ยินมาว่าไม่อร่อย) เราเลยแค่ไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่ได้ไปนั่งกินอาหารที่นี่
ข้างๆร้านก็มีการวางภาพของ Van Gogh เปรียบเทียบไว้ด้วย
ถึงแม้ตอนนี้ Van Gogh จะได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในจิตกรที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก แต่ตอนที่เขายังมีชีวิต ชีวิตของ Van Gogh นั้นน่าสงสาร เค้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต และเป็นโรคซึมเศร้า แถมยังอาภัพในเรื่องความรักอีก ช่วงที่มีชีวิตอยู่นั้น ผลงานของเค้าไม่เป็นที่ชื่นชอบ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีค่า เลยก็ว่าได้ หลังจากสู้กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มาหลายปี ในที่สุดเค้าก็จบชีวิตตนเองลงด้วยการยิงตัวเองตาย
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็ คือโรงพยาบาลบ้า ( อย่าพึ่งงง ว่าเราบ้ารึป่าว อยากไปเที่ยวโรงพยาบาลบ้า) ที่นี่เป็นที่ที่ แวนโก๊ะ ได้เคยมาพักรักษาตัว ในตอนที่เค้ามีอาการซึมเศร้าหนักนั่นเอง ปัจจุบันไม่ได้ใช้เป็นโรงพยาบาลแล้ว กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ดึงดูดคนที่ชื่นชมในผลงานของแวนโก๊ะ ที่นี่เรียกว่า Espace Van Gogh
Espace Van Gogh
ตรงกลางโรงพยาบาลจะเป็นสวนเล็กๆ ที่ปลูกดอกไม้สวยงาม บรรยากาศโดยรอบๆ ทั้งตัวตึกและต้นไม้ ดอกไม้ ได้ถูกดูแลรักษาไว้ ให้คงสภาพเหมือนเมื่อครั้งแวนโก๊ะได้เพ้นภาพของสถานที่แห่งน้ี ภาพนั้นมีชื่อว่า Garden of the Hospital in Arles
มาถึงช่วง Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความหวานของเราอีกครั้ง
ครั้งนี้เรามาถ่ายรูปสวีท ในโรงพยาบาลบ้าดูบ้าง เปลี่ยนแนวดี ไม่เหมือนใคร เก็บไว้ดูกันสองคนยามแก่เฒ่า
ดูแล้ว แอบเหมือนคู่รักคนบ้า เนอะ 55
การพักรักษาตัวที่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรแวนโก๊ะมาก เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็ฆ่าตัวตาย แต่หลังจาก Van Gogh เสียชีวิต ภาพของเค้าได้ถูกนำไปแสดง และได้รับการชื่นชมมากขึ้นเรื่อย บางภาพมีมูลค่าสูงหลายล้านดอลล่า โดยภาพที่แพงที่สุดของเค้าชื่อภาพ Irises ขายได้ถึง 54 ล้านดอลล่าในปี 1987 และอีกหลายๆภาพที่มีมูลค่าสูงอย่าง Starry Night, Starry Night over the Rhone ที่ได้ถูกไปจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก
Irises by Vincent Van Gogh
Credit: www.wikiart.org
งานของแวนโก๊ะ เรียกว่า ภาพแนว Impressionism รูปภาพของเค้ามีสีสดใส และมีลายเส้นเด่นชัด ทำให้เราชอบภาพของเค้าตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาได้อ่านเรื่องราวชีวิตของเค้า ยิ่งทำให้เราชอบผลงานของเค้ามากขึ้น เพราะมันไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีชีวิตหน้าเศร้า และมีปัญหา้านจิตใจ แต่กลับสร้างผลงานที่มีความสดใส สวยงาม มันเหมือนเค้ามองโลก และสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากคนทั่วไป
ออกจากโรงพยาบาล เรามุ่งตรงสู่ริมแม่น้ำที่ แวนโก๊ะเพ้นภาพ Starry Night over the Rhone อันโด่งดัง ก่อนจะถึงแม่น้ำ จะเป็นถนนเส้น shopping ของเมือง ชื่อว่าถนน Rue de la Republique ร้านค้าแถวนี้จะขายของที่ระลึกที่ล้วนเกี่ยวกับผลงานของแวนโก๊ะเป็นหลัก
(ขอแวะร้านช็อคโกแล็ตเติมพลังแป๊บ)
ถึงริมฝั่งแม่น้ำ อาจจะไม่เหมือนในรูป เพราะเรามาตอนกลางวัน แต่ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มายืนอยู่ตรงมุมที่แวนโก๊ะเคยเดินมา เพื่อเพ้นภาพผลของเค้า
แม่น้ำ Rhone
Starry Night over the Rhone
จบทริปนี้ด้วยความอิ่มเอมใจ ได้โปสการ์ดและของที่ระลึกเกี่ยวกับ Van Gogh มาหลายชิ้น แต่การตามรอย Van Gogh ของเรายังไม่สิ้นสุดแค่ที่นี่ เราจะไปตามดูผลงานของเค้ากันต่อใน Paris ก่อนที่เราจะบินกลับประเทศไทย
แต่สำหรับเมืองที่เราจะไปที่ต่อไปนั้น เป็นเมืองสไตล์วินเทจ ที่มีเอกลักษณ์ น่าสนใจไม่แพ้ Arles เลยทีเดียว เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆชื่อว่า I'Isle sur la Sorgue... โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะคะ
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลไว้สวีทกับแฟน (สถานที่เที่ยวหรือคาเฟ่น่ารักๆ ทั้งในไทยเเละเทศ)
อย่าลืมเเวะมาติมตามพวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือมา like ในเฟสกันเยอะๆนะคะ
https://www.facebook.com/2roamwithlove/
[CR] ฝรั่งเศส แบบอาร์ทๆ Honeymoon in France: Ep.5 - Arles ตามรอย วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh)
- Honeymoon in France: จุดเริ่มต้นของ13 วัน ในฝรั่งเศส - http://ppantip.com/topic/34326406
- Ep.1: Chamonix เมืองขนมหวาน กลางเทือกเขาแอลป์ - http://ppantip.com/topic/34326743
- Ep.2: Annecy "Little Venice" แห่งฝรั่งเศส - http://ppantip.com/topic/34347401
- Ep.3: Avignon สะพานขาดก็มิอาจพรากเราได้ - http://ppantip.com/topic/34382391
- Ep.4: Provence หมู่บ้านบนเนินเขา และเราสองคน - http://ppantip.com/topic/34468041
- Ep.5: Arles ตามรอย วินเซนต์ เเวนโก๊ะ - http://ppantip.com/topic/34493023
- Ep 6: L'isle sur la Sorgue ปิกนิคกลางเมืองกังหันน้ำ - http://ppantip.com/topic/34581875
- Ep 7: Rennes บ้านเอียง เคียงกัน - http://ppantip.com/topic/34643659
- Ep 8: Mont Saint Michel ท่องปราสาท The Lord of the Rings - http://ppantip.com/topic/34760301
- Ep 9: Paris "Je t'aime" หลงรักปารีส 24 ชั่วโมง - http://ppantip.com/topic/34821139
- Ep 10: Loire Valley ขอเป็นเจ้าหญิงในปราสาท 1 วัน - http://ppantip.com/topic/34875863
- Ep 11: Disneyland Paris แอ๊บเด็กไปกับ Mickey & Minnie - http://ppantip.com/topic/34904619
- Ep 12: Montmarte เสน่ห์ของถนนเส้นหลังบ้าน - http://ppantip.com/topic/34933456
เช้านี้เราตื่นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะเราจะได้ไปตามรอยจิตรกรที่เราชื่นชอบ อย่าง Vincent Van Gogh
Vincent Van Gogh (วินเซนท์ แวน โก๊ะ) เป็นจิตรกรชาวเนเธอแลนด์ แต่ในช่วงหนึ่งของชีวิต เขาได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง Arles ในฝรั่งเศส และช่วงที่เขาพักอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ เขาได้วาดภาพที่มีชื่อเสียงไว้หลายภาพ
Van Gogh Self Portrait
วันนี้เราจะมาเดินตามรอยเท้าเขากัน มองวิวเดียวกันกับที่เขาเคยมองเมื่อ 100 ปีที่แล้ว...
เราออกเดินทางจาก Avignon โดยรถไฟ ไปยังเมือง Arles ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ ที่โดดเด่นก็คือ Arena ที่ตั้งอยู่กลางเมืองนั่นเอง
Arena แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว และยังคงตั้งตระหง่านให้คนยุคปัจจุบันได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน
เดินเล่นรอบๆ Arena หนึ่งรอบ บริเวณนี้จะเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก แต่เนื่องจากเรามาเช้ามาก ร้านจึงยังปิดอยู่
วันนี้ที่เมืองนี้มีตลาดเช้าด้วย
ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณ ถนน Emile Combes Boulevard โดยจะมีทุกๆเช้าวันพุธ
เดินตลาดเช้านี่ของชอบเราเลยเราไปเดินสำรวจกัน (เรื่องกิน มาก่อนเสมอ )
บรรยากาศคึกคักมาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายอาหาร ทั้งแบบเอาไปปรุงกินที่บ้าน และแบบกินได้เลย
เดินไปได้สักพัก เราก็เจอกับร้านไก่ย่าง เป็นเตาแบบหมุนๆ ย่างทั้งตัวเลย น่ากินสุดๆ เราพุ่งตรงเข้าไปสั่งไก่ย่างทันที
แน่นอนว่าไม่มีโต๊ะนั่ง เพราะมันเป็นแผงลอยในตลาด เรากะคุณแฟนจึงนั่งแทะไก่กันข้างทางเลย (หารูปดีสุดได้แค่นี้ ทัวแต่ห่วงกิน โปรดสังเกตแผงย่างไก่ ด้านหลังคุณพี่เสื้อฟ้าคนนี้)
ร้านไก่ย่าง
ผลไม้ก็น่ากิน สตรอเบอร์รี่ที่นี่หวานมาก
และเราก็เจอเข้ากับอาหารอีกอย่าง ที่สะดุดตาเรา ทำให้เท้าเราหยุดฉงักอยู่หน้าร้าน เหมือนมีมนต์สะกดให้ไปไหนไม่ได้ (ขนาดนั้นเลย ) เจ้าสิ่งนั้นก็คือก็คือ Paelle หรือข้าวผัดสเปน กระทะนี้นี่เอง (ดูขนาดของกระทะ เทียบกับคนที่ยืนใกล้ )
ชื่นชม โอ้ มันช่างสวยงาม !
มีการจัดเรียงเหล่าอาหารทะเลทั้งหลายได้น่าตื่นตาตื่นใจ กระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเราซะเหลือเกิน ทั้งหอย กุ้ง ไก่ ปลาหมึก มากังพร้อมหน้า
แน่นอนเราทนความยั่วยวนไม่ไหว จัดมา 1 กล่อง (นี่พึ่งกินไก่ย่างไปครึ่งตัวนะ )
กินเสร็จก็ได้เวลาตามรอย แวนโก๊ะ กันจริงๆสักที ที่แรกที่เราจะไปก็คือ สถานที่ที่ Van Gogh วาดภาพชื่อ "Cafe Terrace at Night" นั่นเอง
ปัจจุบันร้านนี้ได้ถูกตกแต่งให้คงสภาพเหมือนในภาพวาด และยังคงให้บริการอยู่ สามารถเข้าไปนั่งจิบกาแฟ และ ทานอาหารได้ (แต่แอบได้ยินมาว่าไม่อร่อย) เราเลยแค่ไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่ได้ไปนั่งกินอาหารที่นี่
ข้างๆร้านก็มีการวางภาพของ Van Gogh เปรียบเทียบไว้ด้วย
ถึงแม้ตอนนี้ Van Gogh จะได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในจิตกรที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก แต่ตอนที่เขายังมีชีวิต ชีวิตของ Van Gogh นั้นน่าสงสาร เค้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต และเป็นโรคซึมเศร้า แถมยังอาภัพในเรื่องความรักอีก ช่วงที่มีชีวิตอยู่นั้น ผลงานของเค้าไม่เป็นที่ชื่นชอบ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีค่า เลยก็ว่าได้ หลังจากสู้กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มาหลายปี ในที่สุดเค้าก็จบชีวิตตนเองลงด้วยการยิงตัวเองตาย
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็ คือโรงพยาบาลบ้า ( อย่าพึ่งงง ว่าเราบ้ารึป่าว อยากไปเที่ยวโรงพยาบาลบ้า) ที่นี่เป็นที่ที่ แวนโก๊ะ ได้เคยมาพักรักษาตัว ในตอนที่เค้ามีอาการซึมเศร้าหนักนั่นเอง ปัจจุบันไม่ได้ใช้เป็นโรงพยาบาลแล้ว กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ดึงดูดคนที่ชื่นชมในผลงานของแวนโก๊ะ ที่นี่เรียกว่า Espace Van Gogh
ตรงกลางโรงพยาบาลจะเป็นสวนเล็กๆ ที่ปลูกดอกไม้สวยงาม บรรยากาศโดยรอบๆ ทั้งตัวตึกและต้นไม้ ดอกไม้ ได้ถูกดูแลรักษาไว้ ให้คงสภาพเหมือนเมื่อครั้งแวนโก๊ะได้เพ้นภาพของสถานที่แห่งน้ี ภาพนั้นมีชื่อว่า Garden of the Hospital in Arles
มาถึงช่วง Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความหวานของเราอีกครั้ง
ครั้งนี้เรามาถ่ายรูปสวีท ในโรงพยาบาลบ้าดูบ้าง เปลี่ยนแนวดี ไม่เหมือนใคร เก็บไว้ดูกันสองคนยามแก่เฒ่า
ดูแล้ว แอบเหมือนคู่รักคนบ้า เนอะ 55
การพักรักษาตัวที่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรแวนโก๊ะมาก เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็ฆ่าตัวตาย แต่หลังจาก Van Gogh เสียชีวิต ภาพของเค้าได้ถูกนำไปแสดง และได้รับการชื่นชมมากขึ้นเรื่อย บางภาพมีมูลค่าสูงหลายล้านดอลล่า โดยภาพที่แพงที่สุดของเค้าชื่อภาพ Irises ขายได้ถึง 54 ล้านดอลล่าในปี 1987 และอีกหลายๆภาพที่มีมูลค่าสูงอย่าง Starry Night, Starry Night over the Rhone ที่ได้ถูกไปจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก
Irises by Vincent Van Gogh
Credit: www.wikiart.org
งานของแวนโก๊ะ เรียกว่า ภาพแนว Impressionism รูปภาพของเค้ามีสีสดใส และมีลายเส้นเด่นชัด ทำให้เราชอบภาพของเค้าตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาได้อ่านเรื่องราวชีวิตของเค้า ยิ่งทำให้เราชอบผลงานของเค้ามากขึ้น เพราะมันไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีชีวิตหน้าเศร้า และมีปัญหา้านจิตใจ แต่กลับสร้างผลงานที่มีความสดใส สวยงาม มันเหมือนเค้ามองโลก และสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากคนทั่วไป
ออกจากโรงพยาบาล เรามุ่งตรงสู่ริมแม่น้ำที่ แวนโก๊ะเพ้นภาพ Starry Night over the Rhone อันโด่งดัง ก่อนจะถึงแม่น้ำ จะเป็นถนนเส้น shopping ของเมือง ชื่อว่าถนน Rue de la Republique ร้านค้าแถวนี้จะขายของที่ระลึกที่ล้วนเกี่ยวกับผลงานของแวนโก๊ะเป็นหลัก
(ขอแวะร้านช็อคโกแล็ตเติมพลังแป๊บ)
ถึงริมฝั่งแม่น้ำ อาจจะไม่เหมือนในรูป เพราะเรามาตอนกลางวัน แต่ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มายืนอยู่ตรงมุมที่แวนโก๊ะเคยเดินมา เพื่อเพ้นภาพผลของเค้า
จบทริปนี้ด้วยความอิ่มเอมใจ ได้โปสการ์ดและของที่ระลึกเกี่ยวกับ Van Gogh มาหลายชิ้น แต่การตามรอย Van Gogh ของเรายังไม่สิ้นสุดแค่ที่นี่ เราจะไปตามดูผลงานของเค้ากันต่อใน Paris ก่อนที่เราจะบินกลับประเทศไทย
แต่สำหรับเมืองที่เราจะไปที่ต่อไปนั้น เป็นเมืองสไตล์วินเทจ ที่มีเอกลักษณ์ น่าสนใจไม่แพ้ Arles เลยทีเดียว เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆชื่อว่า I'Isle sur la Sorgue... โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะคะ
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลไว้สวีทกับแฟน (สถานที่เที่ยวหรือคาเฟ่น่ารักๆ ทั้งในไทยเเละเทศ)
อย่าลืมเเวะมาติมตามพวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือมา like ในเฟสกันเยอะๆนะคะ
https://www.facebook.com/2roamwithlove/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น