คู่รักคู่แค้น ๗ พ.ย.๕๙

เสี้ยวสามก๊ก

คู่รักคู่แค้น

เล่าเซี่ยงชุน

        มีผู้กล่าวไว้ว่าตัวละครในนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กนั้น ผู้เขียนได้รักษา บุคลิกลักษณะของแต่ละตัวไว้ได้ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวดีหรือตัวโกง อย่างเช่น     ลิโป้ที่มีฝีมือเข้มแข็งแต่โง่เขลาและโลภมาก กวนอูซึ่งมีความซื่อสัตย์ หรือเตียวหุยที่เอะอะอาละวาดพาลเกเร จูล่งซึ่งซื่อตรงจงรักภักดี จิวยี่ผู้หยิ่งทะนงและขี้อิจฉา โลซกผู้มีความอ่อนน้อมประนีประนอม ไม่ชอบความขัดแย้ง

        ส่วน เล่าปี่ นั้นเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร เจ้าน้ำตา แต่ดูเหมือนจะสงสารตัวเองมากกว่าใคร ทำสิ่งใดก็ไม่เข้มแข็ง เมื่อยังเด็กชอบเล่นเป็นเจ้าคนนายคน ครั้นเมื่อเติบใหญ่คิดจะกอบกู้         บัลลังก์ของราชวงศ์ฮั่นก็ไม่สำเร็จ แต่ก็ยังมีวาสนาบารมีพอสมควร ที่มีคนชอบอัธยาศัยอยู่มาก ไปทางไหนก็มีคนช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่เสมอ

        ตรงข้ามกับ โจโฉ ซึ่งมีนิสัยเย่อหยิ่ง ชอบดูถูกผู้อื่น แต่กลับชอบผู้ที่สรรเสริญเยินยอตน จะจริงหรือไม่จริงก็ตาม

        เมื่อเป็นยังเป็นวัยรุ่นก็มีเพื่อนกล่าวว่า

        “.......แผ่นดินนี้เป็นจลาจลอยู่ หาผู้ใดซึ่งมีสติปัญญาจะปราบปรามอันตราย ให้อยู่เย็นเป็นสุขไม่ เราทั้งปวงเห็นแต่ท่านมีสติปัญญา จะคิดอ่านปราบปรามให้แผ่นดินเป็นสุขได้........”

        ที่เมืองลำหยงก็มีชายคนหนึ่งชื่อโหเง้า ได้พูดกับคนทั้งปวงว่า

        “........แผ่นดินเมืองหลวงนั้นจะสูญเสียแล้ว ซึ่งจะปราบแผ่นดินให้ราบนั้น เห็นแต่โจโฉผู้เดียว.......”  

        และที่เมืองหลิหลำมีซินแสคนหนึ่ง ชื่อเขาเฉียว มีความรู้ดูลักษณะคน โจโฉจึงไปถามว่า ตนนั้นสืบไปภายหน้าเห็นดีชั่วประการใด ซินแสพิจารณาแล้วก็นิ่งอึ้งอยู่ จนโจโฉต้องถามซ้ำ จึงเอ่ยปากว่า

        “.........ท่านมีปัญญามาก จะป้องกันแผ่นดินได้อยู่ แต่มิได้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน จะเป็นศัตรูราชสมบัติ........”

        แทนที่โจโฉจะโกรธ กลับหัวเราะชอบใจ คงจะตรงกับความในใจของตนนั่นเอง พออายุได้ยี่สิบปีจึงเข้าทำราชการในเมืองหลวง แล้วก็มีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นลำดับ  จนเป็นนายทหารเอกของโฮจิ๋น ผู้สำเร็จราชการของพระเจ้าเลนเต้ คู่กับอ้วนเสี้ยว

        ครั้นหนีออกไปตั้งหลักฐานอยู่ที่เมืองกุนจิ๋ว มีกำลังทหารเข้มแข็ง ได้ยกกองทัพมาช่วยแก้ไขให้ฮ่องเต้พ้นภัย จากลิฉุย กับกุยกี ที่ยึดอำนาจการปกครองในเมืองหลวงสำเร็จ จึงได้เป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ อยู่อีกร่วมสามสิบปี

        เมื่อครั้งที่เล่าปี่ช่วยให้โจโฉกำจัดลิโป้ลงได้ และโจโฉพาเล่าปี่มาเฝ้าพระเจ้า       เหี้ยนเต้นั้น  ฮ่องเต้ได้ตรัสถามถึงเทือกเถาเหล่ากอของเล่าปี่ ก็ทรงทราบว่าเป็นบุตรเล่าเหง และบิดาเป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าเฮ้าเก๋งเต้ พระองค์จึงให้อาลักษณ์เอาจดหมายลำดับกษัตริย์มาดู และนับตามพระราชวงศ์ต่อ ๆ ลงมา ก็แจ้งว่าเล่าปี่มีศักดิ์เป็นพระเจ้าอา จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีฝ่ายกรมวัง และทรงนับถือว่าเป็นพระญาติผู้ใหญ่

        ซุนฮกที่ปรึกษาของโจโฉก็เป่าหูว่า

        “.........บัดนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้นับถือเล่าปี่ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ นานไปเห็นเล่าปี่จะทำร้ายท่านเป็นมั่นคง..........”

        โจโฉก็อวดว่า

        “........ถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้จะนับถือเล่าปี่ ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ดี อันราชการทั้งปวงเป็นสิทธิ์อยู่แก่เราสิ้น อุปมาเหมือนอยู่ในเงื้อมมือเรา ถึงมาตรว่าเล่าปี่จะคิดทำอันตรายแก่เรา เราจะกลัวอะไร.........”

        แต่โจโฉก็ไม่วายจะระแวงว่าเล่าปี่จะเป็นใหญ่กว่าตน เมื่อรู้ว่าเล่าปี่สร้างสวนปลูกผักสวนครัวอยู่แต่ในที่พัก จึงให้คนสนิทไปเชิญมาคุยกันที่บ้าน พอเล่าปี่มาถึงโจโฉก็ดักคอว่า ท่านอยู่บ้านทุกวันนี้ทำการใหญ่หลวงนัก เล่าปี่ก็ตกใจแต่ยังมิทันจะตอบแต่อย่างใด โจโฉก็จูงมือเล่าปี่พาไปถึงสวนหลังบ้านแล้วว่า
        “........ท่านอยู่บ้านคิดอ่านทำสวนปลูกผัก  ยังเหมือนสวนของเรานี้หรือ........”

        เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงคลายความวิตก และบอกว่า

        “..........ข้าพเจ้ามาพึ่งบุญท่านอยู่ มิได้มีการสิ่งใด ข้าพเจ้าจึงได้ทำสวนปลูกผัก แต่พอให้สบายอารมณ์ จะสนุกเหมือนสวนของท่านหรือ.............”

        โจโฉก็ชี้ไปที่ต้นมะเฟืองและคุยว่า

        “...........เมื่อครั้งไปรบกับเตียวสิ้ว ทหารทั้งปวงอยากน้ำนัก เราจึงคิดอุบายลวงว่าให้อุตส่าห์เดินไปอีกหน่อยหนึ่งเถิด จะพบดงมะเฟืองมีผลสุกเป็นอันมาก.........”

        แล้วเล่าต่อว่า เมื่อทหารทั้งปวงได้ยินชื่อมะเฟืองซึ่งมีรสเปรี้ยว ก็เกิดน้ำลายไหลกันทุกคน ความกระหายน้ำก็ค่อยคลายลง เล่าปี่ก็สรรเสริญว่าความคิดของโจโฉนั้นดีนัก หาผู้ใดเสมอ มิได้  โจโฉก็ชอบใจจึงชวนเล่าปี่ไปนั่งเสพสุราแกล้มผลมะเฟือง ที่ศาลากลางสวน ระหว่างที่สนทนากันอยู่ โจโฉก็ลองใจเล่าปี่ว่าทุกวันนี้เห็นผู้ใดมีสติปัญญากว้างขวาง สามารถทำการน้อยใหญ่ได้บ้าง

        เล่าปี่ก็บอกว่าตนหาสติปัญญามิได้ ซึ่งได้เป็นขุนนางมีคนนับถือนี้ ก็เพราะบารมีของมหาอุปราชช่วยทูลเสนอให้ จึงมีความสุขมา ซึ่งผู้ใดจะมีสติปัญญานั้น ตนคิดไปไม่ถึง โจโฉก็ว่า      เล่าปี่ถ่อมตัวไปเอง และขอให้ลองออกชื่อมาสักสองสามคน เล่าปี่ก็แกล้งเอ่ยชื่ออ้วนสุดเจ้าเมือง ลำหยง ว่ามีสติปัญญากล้าแข็ง ทหารใหญ่น้อยก็มีฝีมือเป็นอันมาก ทั้งเสบียงอาหารก็บริบูรณ์ โจโฉก็หัวเราะว่า

        “...........อ้วนสุดนั้นอุปมาเหมือนศพอยู่ในหลุม ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้  แต่ความคิดอ้วนสุดนี้ เราจะไปมัดเอามาก็จะได้โดยง่าย.........”        

        เล่าปี่ก็ลองเสนอชื่ออ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ พี่ชายของอ้วนสุดว่าเป็นเชื้อขุนนางมาถึงสามชั่วคนแล้ว บัดนี้ก็ซ่องสุมผู้คนไว้เป็นอันมาก ทั้งมีที่ปรึกษาหลายคน เห็นว่าอ้วนเสี้ยวนี้มีสติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้งอยู่ โจโฉก็แย้งว่า

        “...........อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศถาศักดิ์ น้ำใจก็ขลาด คิดการสิ่งใดเสียมากได้น้อย ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้...........”

        เล่าปี่ก็ยกชื่อเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ว่ามีเมืองใหญ่ขึ้นถึงเก้าเมือง น้ำใจก็โอบอ้อมอารีต่อเพื่อนฝูงทั้งปวง แล้วก็มีทหารเป็นอันมาก โจโฉก็ว่า

        “...........เล่าเปียวนั้นมีพวกเพื่อนแลทหารมากก็จริง แต่ไม่มีความสัตย์ เป็นคนปากหวาน จะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้............”

        เล่าปี่ก็เอ่ยชื่อซุนเซ็กเจ้าเมืองกังตั๋ง หัวเมืองใหญ่ทางทิศใต้ ว่ากำลังเป็นหนุ่มกำดัดมีกำลังกล้าแข็ง เป็นคนมีความคิดแลฝีมือดีคนหนึ่ง โจโฉกลับว่า

        “..........ซุนเซ็กนั้นมีฝีมือเป็นประมาณ หากว่าได้ทหารของซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาไว้ จึงทำกำเริบได้ ซึ่งจะนับถือว่ามีความคิดนั้นเราไม่เห็นด้วย.........”

        เล่าปี่ก็ว่าทางหัวเมืองฝ่ายตะวันตกนั้น เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนก็มีสติปัญญา และเป็นเชื้อพระวงศ์มาแต่ก่อน โจโฉก็ว่า

        “...........เล่าเจี้ยงนั้นถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่หาความคิดมิได้ อุปมาเหมือนสุนัขเฝ้าประตู ซึ่งจะนับว่ามีสติปัญญานั้นมิได้.........”

        เล่าปี่เห็นโจโฉคุยทับถมผู้อื่นมาทุกคน จึงว่าถ้าอย่างนั้น เตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเซีย เตียวฬ่อเจ้าเมืองฮันต๋ง และ หันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋ว  สามคนนี้จะเห็นเป็นประการใดเล่า โจโฉก็หัวเราะแล้วตอบว่า

        “.........อันเตียวสิ้ว เตียวฬ่อ หันซุย นั้นมีแต่ชื่อ จะหยิบเอาความคิดสิ่งใดก็ไม่ได้ ท่านเอามาว่าใยให้เสียปาก...........”

        เล่าปี่ก็ว่าถ้าอย่างนั้นก็จะหาผู้มีสติปัญญา ที่โจโฉจะเห็นด้วยนั้นขัดสนนัก โจโฉจึงสรุปว่า ทุกวันนี้ตนเล็งดูผู้ซึ่งมีสติปัญญานั้นสิ้นแล้ว เห็นมีอยู่แต่ตนเองกับเล่าปี่ สองคนเท่านั้น ทำเอาเล่าปี่ถึงกับสะดุ้ง ตะเกียบหล่นจากมือ แล้วก็รีบหาหนทางปลีกตัวออกจากเมืองหลวง ไปตั้งตนเป็นใหญ่ขวางทางโจโฉ มิให้แผ่อำนาจออกไปทางทิศใต้และตะวันตกตามใจชอบ ทั้งสองจึงเป็น       คู่แค้นกันจนชั่วชีวิต

        เริ่มต้นโจโฉกำจัดอ้วนสุดลงได้ แล้วก็คิดจะจัดการกับอ้วนเสี้ยวเพื่อนเก่าต่อไป เมื่อปรึกษากับกุยแกที่ปรึกษาหนุ่ม ว่ากองทัพของตนมีไพร่พลน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว จะทำประการใดดี       กุยแกก็ชี้แจงข้อดีข้อเสียของโจโฉกับอ้วนสุดอย่างยืดยาวว่า

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวเป็นคนถืออิสริยยศมิได้เอาความคิดผู้ใด แต่โจโฉมิได้ถือตัว ถ้าจะทำการสิ่งใดถึงผู้น้อยจะขัด ว่าผิดแลชอบโจโฉก็เห็นด้วย

        ประการหนึ่งอ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้าทำการโดยโวหาร แต่โจโฉมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง แล้วจะทำการสิ่งใดก็ถือเอารับสั่งฮ่องเต้เป็นประมาณ คนทั้งหลายก็ยินดีด้วย

        ประการหนึ่งอ้วนเสี้ยวจะว่ากิจการสิ่งใดมิได้เด็ดขาด แต่โจโฉจะว่ากล่าวสิ่งใดก็เด็ดขาดมีสง่า คนทั้งปวงยำเกรงเป็นอันมาก

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตน มิได้ว่ากล่าวตามผิดแลชอบ แต่โจโฉมีใจสัตย์ซื่อเลี้ยงทหารโดยยุติธรรม ถึงญาติพี่น้องผิดก็ว่ากล่าวมิเข้าด้วยผู้ผิด

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะคิดการสิ่งใด มักกลับเอาดีเป็นร้ายเอาร้ายเป็นดี มิได้เชื่อใจตนเอง แต่โจโฉจะคิดทำการสิ่งใด เห็นเป็นความชอบก็ตั้งใจทำไปจนสำเร็จ

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะเลี้ยงผู้ใดมิได้ปกติ ต่อหน้าว่ารักลับหลังว่าชัง แต่โจโฉจะรักผู้ใดก็รักโดยสุจริตมิได้ล่อลวง

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวมักรักคนใกล้ชิดซึ่งประสมประสาน ผู้ใดห่างเหินถึง         ซื่อสัตย์ก็มีใจชัง แต่โจโฉเลี้ยงคนซึ่งอยู่ใกล้หรือไกล ถ้าดีแล้วเลี้ยงเสมอกัน

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวกระทำผิดต่าง ๆ เพราะฟังคำคนยุยง แต่โจโฉคิดการหนักหน่วงให้แน่นอนแล้วจึงทำการ

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะทำการสิ่งใดเอาแต่อำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมโบราณ แต่โจโฉจะทำการสิ่งใดก็ทำตามขนบธรรมเนียมโบราณ

        ประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวมิได้รู้กลศึก แต่มักพอใจทำการศึกล่อลวง จะชนะก็ไม่รู้จะแพ้ก็ไม่รู้ แต่โจโฉชำนาญในกลสงคราม ถึงกำลังข้าศึกมากกว่าก็คิดเอาชัยชนะได้

        และสรุปว่าเหตุทั้งหมดนั้นจะทำให้โจโฉ สามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้ ซึ่งเป็นที่ถูกใจโจโฉยิ่งนัก    แต่ยังไม่ทันจะทำประการใด อ้วนเสี้ยวก็ยกทัพมาจะปราบโจโฉก่อน คราวนี้โจโฉโดนประกาศโทษอย่างรุนแรงว่า

        เมื่อพระเจ้าฮั่นเต้ได้เสวยราชสมบัติ เชื่อฟังขันทีทั้งปวง โจเท้งปู่ของโจโฉซึ่งเป็นขุนนาง ก็คบคิดกับพวกขันที  ทำการหยาบช้าต่อแผ่นดิน บ้านเมืองจึงเป็นจลาจลมา แบบธรรมเนียมก็ฟั่นเฟือนแปรปรวนไป

        ทุกวันนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้เสวยราชสมบัติ ก็ได้ความเดือดร้อนพระทัยเป็นหลายครั้ง โจโฉมีทหารเป็นอันมากก็มีใจกำเริบคิดทำการหยาบช้าต่อแผ่นดิน หวังจะทำอันตรายราชสมบัติให้สาบสูญ เราผู้ชื่ออ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ซึ่งเป็นเชื้อขุนนางมาแต่ก่อน มีใจสัตย์ซื่อต่อ        แผ่นดิน เห็นว่าโจโฉทำการไม่ชอบ จะทำร้ายพระมหากษัตริย์ เราจึงยกกองทัพมาหวังจะกำจัดโจโฉ

        เมื่ออ้วนเสี้ยวยกกองทัพมาถึงตำบลลิมหยง ปลายแดนเมืองฮูโต๋ เมืองหลวงใหม่ โจโฉก็เรียกประชุมนายทหารและที่ปรึกษาทั้งปวง คิดการที่จะต่อสู้กับกองทัพอ้วนเสี้ยว ขงหยงที่ปรึกษา คนหนึ่งก็ออกความเห็นว่า

        “..............อ้วนเสี้ยวหาฝีมือแลปัญญาความคิดไม่ก็จริง แต่มีเมืองขึ้นเป็นหลายตำบล แล้วเสบียงอาหารก็บริบูรณ์ ทั้งสิมโพย เขาฮิว กัวเต๋า ฮองกี่ สี่คนมีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว อันทหารเอกซึ่งมีฝีมือนั้นคือ เตียนห้อง จอสิว งันเหลียง บุนเทียว โกลำ  เตียวคับ          อิเขง แล้วก็มีใจสัตย์ซื่อต่ออ้วนเสี้ยว ทั้งทหารเลวก็มีเป็นอันมาก.........”

        ซุนฮกที่ปรึกษาคนสนิทของโจโฉก็หัวเราะแล้วว่า

        “..........ทหารเอกอ้วนเสี้ยวซึ่งมีปัญญาแลฝีมือนั้น จะนับว่าชำนาญมิได้ อัน      เตียนห้องนั้นเป็นคนหยาบช้าดื้อดึง แลเขาฮิวนั้นมีปัญญาก็จริงแต่เป็นคนโลภ ทำสิ่งใดก็มักเสียการ         สิมโพยนั้นเป็นคนอวดรู้ ถึงผู้ใดว่าชอบก็ถือว่าผิด ฮองกี๋นั้นเป็นคนโวหารเอาการมิได้  ทั้งสี่คนซึ่งเป็นที่ปรึกษาอ้วนเสี้ยวนั้น ต่างคนถือตัวแก่งแย่งมิได้ประนอมกัน อันทหารเอกมีฝีมือทั้งเจ็ดคนนั้น มิรู้จักทีเสียทีได้..........”

        โจโฉก็เชื่อซุนฮกจึงจัดทหารยกไปตั้งที่ตำบลกัวต๋อ ห่างค่ายของอ้วนเสี้ยวประมาณแปดร้อนเส้น แต่รอกันอยู่ถึงสามเดือนก็ไม่ได้รบกัน พอดีถึงฤดูหนาวอ้วนเสี้ยวก็ยกกลับเมืองกิจิ๋ว ให้งันเหลียงทหารเอกคุมทัพหน้าตั้งยันข้าศึกไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่