ในขณะที่โจโฉและเล่าปี่เสพสุรากินโต๊ะกันอยู่นั้น ท้องฟ้าพลันบังเกิดเมฆดำปกคลุมคล้ายรูปมังกร
โจโฉจึงถามเล่าปี่ว่า
โจโฉ "ท่านทราบหรือไม่ว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร?"
เล่าปี่ "ข้าพเจ้าไม่ทราบหรอกว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร"
โจโฉ "อันมังกรนั้นมีฤทธิ์เดชมาก สามารถแปลงร่างใหญ่ได้ เล็กได้ เหาะเหินซ่อนเร้นได้ แม้นแปลงร่างใหญ่
ก็จักกระจายเมฆ พ่นหมอก แม้นแปลงร่างเล็กก็จะดั่งพญางูที่ซ่อนร่าง แม้นลอยขึ้นไปก็จะบินผงาดเผ่นโผนโจน
ทะยานเหนือเมฆแห่งจักรวาล แม้นซ่อนร่างก็จะแอบแฝงอยู่ในคลื่นทะเล ดังนั้นการปรากฏกายของพญามังกรจึง
อุปมาดั่งยอดบุรุษในพิภพ"จากนั้นโจโฉจึงถามเล่าปี่ว่า "ท่านทราบหรือไม่ว่า เวลานี้ใครยิ่งใหญ่และมีสติปัญญาบ้าง"
เล่าปี่ "ข้าพเจ้านี้มีสติปัญญาน้อย ความรู้และประสบการณ์ก็ยังน้อย ผู้ใดที่มีสติปัญญานั้นเกินความรู้จริงๆ" เล่าปี่ตอบอย่างถ่อมตน
โจโฉ "เหตุไฉนท่านจึงไม่แสดงความรู้ให้ฟังบ้างหล่ะ หากจะไม่รู้ก็ย่อมได้ยินจากที่อื่นๆบ้าง"
เล่าปี่ถ่อมตนมากเกินไปกลัวโจโฉจะจับได้ถึงออกความเห็นออกมาอย่างระวัง
เล่าปี่ "ตามความคิดของข้าพเจ้านั้นเห็นว่าอ้วนสุดนั้นมีสติปัญญา กำลังทหารที่กล้าแข็งก็มีเป็นจำนวนมาก ทั้งเสบียงอาหารก็พรักพร้อม"
โจโฉ "ฮ่าๆ อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงนั้นอุปมาเหมือนศพอยู่ในหลุม ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"
เล่าปี่ "งั้นคงเป็นอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว พี่ชายของอ้วนสุด เป็นเชื้อสายขุนนางสืบทอดต่อมาถึงสามชั่วอายุคน บัดนี้ได้ครองดินแดน
กิจิ๋วทางภาคเหนือมีทั้งทหารและที่ปรึกษาจำนวนมาก"
โจโฉ "เฮอะ! อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศถาศักดิ์ น้ำใจก็ขลาด คิดการสิ่งใดเสียมากได้น้อย ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"
เล่าปี่ "ถ้าเช่นนั้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว น้ำใจก็โอบอ้อมอารี ทหารพร้อมเพียง"
โจโฉ "โจโฉแย้งว่าเล่าเปียวเป็นคนมีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น"
เล่าปี่ "แล้วซุนเซ็กหล่ะ? เจ้าเมืองกังตั๋ง ชัยภูมิดี ยังหนุ่มยังแน่น มีกำลังกล้าแข็ง ท่านจะเห็นเป็นประการใด?"
โจโฉ "ซุนเซ็กนั้นมีฝีมือเป็นประมาณ ได้กินบุญเก่าซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาจึงทำกำเริบได้เราว่าคนผู้นี้มิควร"
เล่าปี่ "งั้นคงเป็นเล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน ซึ่งเป็นหัวเมืองทางด้านตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ แถมยังเป็นเชื้อพระวงศ์"
โจโฉ "เล่าเจี้ยงนั้นถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่หาความคิดมิได้ อุปมาเหมือนสุนัขเฝ้าประตู"
เล่าปี่ "แล้ว เตียวสิ้ว เตียวฬ่อ ม้าเท้งและหันซุยหล่ะ?"
โจโฉ "คนผู้นี้ มีแต่ชื่อ จะหยิบเอาความคิดสิ่งใดก็มิได้ ท่านเอามาว่าให้เสียปากเลย"
เล่าปี่ไล่มาจนเกือบครบทุกคนแล้วแต่โจโฉก็วิจารณ์เหล่าขุนพลต่างๆได้อย่างชัดเจนเล่าปี่ก็เริ่มหวั่นโจโฉก็กล่าวขึ้นมาว่า
"อันผู้มีสติปัญญานั้น ถ้าจะคิดสิ่งใดก็กว้างขวางโอบอ้อมอารี คิดอ่านประการใดก็มิมีใครล่วงรู้ได้ จึงจะนับได้ว่ามีสติปัญญาลึกซึ้ง
เล่าปี่ "ข้าพเจ้ายังไม่เห็นผู้ใดว่าเป็นผู้มีสติปัญญากว้างขวางเหมือนดังคำท่านเลยซักคน"
โจโฉ "ทั้งแผ่นดินคงไม่มีใครมีสติปัญญา เหมือนดั่ง ท่านกับข้าพเจ้าสองคนเท่านี้อีกแล้ว!"
เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็สะดุ้งสุดตัว ตกใจจนตะเกียบหลุดจากมือ แต่สวรรค์ยังเป็นใจ เสียงฟ้าก็ร้องดังทันที
เล่าปี่จึงคิดอุบายตบตาโจโฉโดยการเอามือทั้งสองมาป้องกันหูตัวเองโจโฉเห็นอาการเช่นนั้นจึงถามเล่าปี่
ขึ้นว่า "เกิดมาเป็นชาย เหตุใดจึงกลัวเสียงฟ้า?" เล่าปี่ตอบ "ถ้าฟ้าร้องให้จงระวังตัว"
โจโฉเห็นอาการเล่าปี่ดังนั้นจึงคิดในใจว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนขี้ขลาดกลัวแม้กระทั่งฟ้าร้องจึงหายระแวงเล่าปี่
เล่าปี่ ตกใจเสียงฟ้าผ่า
ในขณะที่โจโฉและเล่าปี่เสพสุรากินโต๊ะกันอยู่นั้น ท้องฟ้าพลันบังเกิดเมฆดำปกคลุมคล้ายรูปมังกร
โจโฉจึงถามเล่าปี่ว่า
โจโฉ "ท่านทราบหรือไม่ว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร?"
เล่าปี่ "ข้าพเจ้าไม่ทราบหรอกว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร"
โจโฉ "อันมังกรนั้นมีฤทธิ์เดชมาก สามารถแปลงร่างใหญ่ได้ เล็กได้ เหาะเหินซ่อนเร้นได้ แม้นแปลงร่างใหญ่
ก็จักกระจายเมฆ พ่นหมอก แม้นแปลงร่างเล็กก็จะดั่งพญางูที่ซ่อนร่าง แม้นลอยขึ้นไปก็จะบินผงาดเผ่นโผนโจน
ทะยานเหนือเมฆแห่งจักรวาล แม้นซ่อนร่างก็จะแอบแฝงอยู่ในคลื่นทะเล ดังนั้นการปรากฏกายของพญามังกรจึง
อุปมาดั่งยอดบุรุษในพิภพ"จากนั้นโจโฉจึงถามเล่าปี่ว่า "ท่านทราบหรือไม่ว่า เวลานี้ใครยิ่งใหญ่และมีสติปัญญาบ้าง"
เล่าปี่ "ข้าพเจ้านี้มีสติปัญญาน้อย ความรู้และประสบการณ์ก็ยังน้อย ผู้ใดที่มีสติปัญญานั้นเกินความรู้จริงๆ" เล่าปี่ตอบอย่างถ่อมตน
โจโฉ "เหตุไฉนท่านจึงไม่แสดงความรู้ให้ฟังบ้างหล่ะ หากจะไม่รู้ก็ย่อมได้ยินจากที่อื่นๆบ้าง"
เล่าปี่ถ่อมตนมากเกินไปกลัวโจโฉจะจับได้ถึงออกความเห็นออกมาอย่างระวัง
เล่าปี่ "ตามความคิดของข้าพเจ้านั้นเห็นว่าอ้วนสุดนั้นมีสติปัญญา กำลังทหารที่กล้าแข็งก็มีเป็นจำนวนมาก ทั้งเสบียงอาหารก็พรักพร้อม"
โจโฉ "ฮ่าๆ อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงนั้นอุปมาเหมือนศพอยู่ในหลุม ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"
เล่าปี่ "งั้นคงเป็นอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว พี่ชายของอ้วนสุด เป็นเชื้อสายขุนนางสืบทอดต่อมาถึงสามชั่วอายุคน บัดนี้ได้ครองดินแดน
กิจิ๋วทางภาคเหนือมีทั้งทหารและที่ปรึกษาจำนวนมาก"
โจโฉ "เฮอะ! อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศถาศักดิ์ น้ำใจก็ขลาด คิดการสิ่งใดเสียมากได้น้อย ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"
เล่าปี่ "ถ้าเช่นนั้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว น้ำใจก็โอบอ้อมอารี ทหารพร้อมเพียง"
โจโฉ "โจโฉแย้งว่าเล่าเปียวเป็นคนมีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น"
เล่าปี่ "แล้วซุนเซ็กหล่ะ? เจ้าเมืองกังตั๋ง ชัยภูมิดี ยังหนุ่มยังแน่น มีกำลังกล้าแข็ง ท่านจะเห็นเป็นประการใด?"
โจโฉ "ซุนเซ็กนั้นมีฝีมือเป็นประมาณ ได้กินบุญเก่าซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาจึงทำกำเริบได้เราว่าคนผู้นี้มิควร"
เล่าปี่ "งั้นคงเป็นเล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน ซึ่งเป็นหัวเมืองทางด้านตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ แถมยังเป็นเชื้อพระวงศ์"
โจโฉ "เล่าเจี้ยงนั้นถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่หาความคิดมิได้ อุปมาเหมือนสุนัขเฝ้าประตู"
เล่าปี่ "แล้ว เตียวสิ้ว เตียวฬ่อ ม้าเท้งและหันซุยหล่ะ?"
โจโฉ "คนผู้นี้ มีแต่ชื่อ จะหยิบเอาความคิดสิ่งใดก็มิได้ ท่านเอามาว่าให้เสียปากเลย"
เล่าปี่ไล่มาจนเกือบครบทุกคนแล้วแต่โจโฉก็วิจารณ์เหล่าขุนพลต่างๆได้อย่างชัดเจนเล่าปี่ก็เริ่มหวั่นโจโฉก็กล่าวขึ้นมาว่า
"อันผู้มีสติปัญญานั้น ถ้าจะคิดสิ่งใดก็กว้างขวางโอบอ้อมอารี คิดอ่านประการใดก็มิมีใครล่วงรู้ได้ จึงจะนับได้ว่ามีสติปัญญาลึกซึ้ง
เล่าปี่ "ข้าพเจ้ายังไม่เห็นผู้ใดว่าเป็นผู้มีสติปัญญากว้างขวางเหมือนดังคำท่านเลยซักคน"
โจโฉ "ทั้งแผ่นดินคงไม่มีใครมีสติปัญญา เหมือนดั่ง ท่านกับข้าพเจ้าสองคนเท่านี้อีกแล้ว!"
เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็สะดุ้งสุดตัว ตกใจจนตะเกียบหลุดจากมือ แต่สวรรค์ยังเป็นใจ เสียงฟ้าก็ร้องดังทันที
เล่าปี่จึงคิดอุบายตบตาโจโฉโดยการเอามือทั้งสองมาป้องกันหูตัวเองโจโฉเห็นอาการเช่นนั้นจึงถามเล่าปี่
ขึ้นว่า "เกิดมาเป็นชาย เหตุใดจึงกลัวเสียงฟ้า?" เล่าปี่ตอบ "ถ้าฟ้าร้องให้จงระวังตัว"
โจโฉเห็นอาการเล่าปี่ดังนั้นจึงคิดในใจว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนขี้ขลาดกลัวแม้กระทั่งฟ้าร้องจึงหายระแวงเล่าปี่