รักในรอยฝัน บทที่ 28 แหวนหมั้น

28
แหวนหมั้น


โดย ฮาร์โมนิก้า

แอชลี่ย์เปลี่ยนชุดลงมาวอร์มร่างกายและซ้อมเต้น

ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะได้เวลาอาหารค่ำ เธอไม่รู้ว่าแบรดมีแขกมาอีกมั้ยวันนี้ แต่ก็คิดว่า
มาซ้อมก่อนก็ดี เพราะวันนี้เธอมัวแต่ทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลา

หญิงสาววอร์มร่างกายอยู่สี่สิบห้านาทีเต็ม กำลังคิดว่าจะเดินไปเปลี่ยนเพลงเพื่อจะเริ่มซ้อมออกสเต็ป
จู่ๆ เสียงเปียโนก็ดังขึ้นสอดประสานกับดนตรีบรรเลงที่เธอเปิดไว้ แอชลี่ย์หันไปมองพบหนุ่มเจ้าของบ้าน
นั่งอยู่หลังเปียโน เขายิ้มกว้างแล้วลุกไปกดปิดเพลงจากสมาร์ทโฟนของเธอซึ่งเชื่อมต่อเครื่องเสียงไว้
ก่อนกลับไปนั่งหลังแกรนด์เปียโน

เขาไล่ตัวโน๊ตดูอยู่ครู่ก็เริ่มดีดเพลงใหม่ซึ่งเธอไม่เคยได้ยิน ตัวโน๊ตแต่ละตัวที่เขาเลือกมาใช้เป็นท่อนนำ
นั้นไพเราะ นุ่มนวล กังวาล อ่อนหวานและงามสง่า ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เธออีกครั้ง แอชลี่ย์ยิ้มตอบ
ก่อนที่เขาจะเริ่มบรรเลงดนตรีต่อผ่านปลายนิ้วสรรสร้างเป็นบทเพลงที่งดงามไพเราะ อ่อนหวาน ทว่า
เย้ายวน แอชลี่ย์ขยับเท้า เริ่มเต้นตามจังหวะเพลงที่เขาดีด ด้วยจังหวะแรกเริ่มที่เนิบช้า แผ่วเบา สลับ
เป็นงามสง่า เด็ดเดี่ยว ฉับไว ก่อนจะทอดตัวลงช้าเนิบ แล้วก็สลับเป็นเร็ว ร้อนแรง และลึกลับชวนพิศวง
เธอขยับเท้า ขา และทุกส่วนของร่างกายไล่ไปตามทุกจังหวะ ทุกตัวโน๊ตที่เขาดีดอย่างสอดประสาน เป็น
หนึ่งเดียวกันระหว่างนักดนตรีและนักบัลเล่ต์ ดนตรีท่อนสุดท้ายค่อยๆ อ่อนโยน แผ่วหวาน เต็มไปด้วย
ไออุ่นแห่งรักห้อมล้อม ซึ่งถูกถ่ายทอดต่อผ่านท่าเต้นของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ หยุดลงในจังหวะเดียวกัน

ดวงตาสองคู่สบกันในจังหวะที่ดนตรีอันร้อนแรงนั้นหยุดลง นักเปียโนกับนักบัลเล่ต์ที่เพิ่งผ่านการสร้างสรรค์
ผลงานที่แสนร้อนแรงและเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน แรงดึงดูดเก่าๆ ดูจะทวีพลังสูงขึ้น โลกรอบตัวเลือน
ลางราวกับสรรพสิ่งหยุดนิ่งเหลือเพียงเธอและเขาเท่านั้นท่ามกลางความนิ่งสงบ

เสียงปรบมือที่ดังขึ้นพร้อมเสียงเห่าของแม็กซ์ซึ่งราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกลค่อยๆ เรียกคืนสติ แอชลี่ย์
งุนงงอยู่ครู่ ก่อนประสาทรับรู้จะเริ่มเห็นภาพแบรดถอนสายตาไปจากเธออย่างช้าๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินไป
หาผู้มาใหม่ เธอรู้สึกตัว ได้ยินเสียงรอบตัวดังชัดเจนราวกับเพิ่งตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งความจริง เมื่อกระพริบตา
มองดูก็เห็นภาพแบรดเดินเข้าไปทักทายด็อทตี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับด็อทตี้ คุณมาเร็วจริง ยังไม่ถึงเวลาอาหารค่ำเลยครับ”

“สวัสดีค่ะแบรด ได้ยินมาเรียบอกว่าคุณเชิญแขกไว้หลายคน แล้วเมนูอาหารวันนี้ค่อนข้างเตรียมยาก ฉันเลย
อาสามาเป็นลูกมือให้มาเรียก่อนน่ะค่ะ จะได้แอบเรียนรู้สูตรไปด้วย”

“คุณมาช่วยบ่อยขนาดนี้ ผมว่าคุณคงได้สูตรของมาเรียไปเยอะแล้วล่ะครับ”

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ สวัสดีแอชลี่ย์ เป็นไงบ้าง เมื่อครู่เป็นการแสดงที่งดงามน่าทึ่งมากเลย”

แอชลี่ย์ค่อยๆ ฟื้นจากมนตร์ขลังแห่งดนตรีและการเต้นรำอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งเธอและแบรดต่างถ่ายทอดพลัง
ความรู้สึกทั้งมวลลงไป ทั้งความรักความปรารถนาความคับข้องใจ เธอยิ้มให้เพื่อนสาวอย่างงุนงง “จริงหรือคะ”

“จริงสิ นี่เต้นสดกันเลยหรือว่าซ้อมมาก่อนน่ะ”

คำถามของด็อทตี้ทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่มองสบตากัน ก่อนจะยิ้มพร้อมกันด้วยอาการขัดเขิน

“เราซ้อมสดน่ะ ผมกำลังแต่งเพลงใหม่พอดี ส่วนแอชลี่ย์ก็เต้นไปตามสัญชาติญาณนักเต้นมั้งครับ”

“สวยงามมากเลยค่ะ อยากเต้นได้อย่างแอชลี่ย์บ้างจัง” ด็อทตี้ว่า

“มาหัดสิค่ะ ด็อทตี้ แบรดทำสตูดิโอเต้นรำที่โรงนาเก่า ตั้งใจว่าจะให้ฉันสอนบัลเล่ต์ให้กับเด็กๆ ที่อยาก
เรียน แต่ขาดแคลน เป็นเหมือนบริการเพื่อชุมชนน่ะค่ะ”

ด็อทตี้นิ่งมอง เอียงคอนิดหน่อย “เป็นความคิดที่ดีมากเลย น่าชื่นชมจริงๆ ค่ะ”

“ดีใจที่คุณชอบนะด็อทตี้ เอาล่ะ ผมต้องขอตัวพาแม็กซ์ไปเดินเล่นรอบเย็นก่อนนะครับ เชิญคุณสองคน
ตามสบาย ไว้เจอกันตอนมื้อค่ำ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่