ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ jinx&angle, คุณ PuPaKae, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ อุรุเวลา, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/35648626
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/35655325
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/35665748
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/35669708
บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/35673616
บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/35680516
บทที่ 9
http://ppantip.com/topic/35683775
บทที่ 10
http://ppantip.com/topic/35688063
บทที่ 11
http://ppantip.com/topic/35695077
บทที่ 12
http://ppantip.com/topic/35729742
บทที่ 13
http://ppantip.com/topic/35740950
บทที่ 14
http://ppantip.com/topic/35748347
บทที่ 15
http://ppantip.com/topic/35759445
บทที่ 16
นายทหารใหญ่สบถเสียงดังเมื่อผงะตามแรงกระชาก มือที่คว้าบ่าเขาไว้บีบแน่นราวคีมเหล็ก แรงดึงทำเอาเสียหลักแทบหงายผลึ่งไปข้างหลัง ยิ่งเมื่อฝ่ายนั้นปล่อยมือก็เซถลาจนเกือบล้มลงกับพื้น ดีที่คว้าราวระเบียงเอาไว้ได้ทัน
“ไอ้...” เขาหันขวับไปเผชิญหน้าพร้อมเงื้อหมัดหรา ตาลุกวาวราวเปลวเพลิง
หากอีกฝ่ายก็ไม่ยั่น ร่างทั้งสูงทั้งใหญ่กว่าเกือบเท่าตัวกลับเข้าประชิดอีกครั้ง มือหนึ่งคว้าหมัดนั้นไว้ได้ทันท่วงที ในขณะที่อีกมือคว้าคอเสื้อแล้วดันจนหลังชนราวเหล็ก
คนซึ่งยืนอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตรงมุมระเบียงตั้งสติได้ รีบถลาเข้ายึดแขนเขาไว้
“อย่า...กริช...อย่าจ้ะ”
เขาหันมองเธอ สบนัยน์ตาจรัสแสงที่เบิกกว้างด้วยตื่นตระหนก
“แกเมาน่ะจ้ะ อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเลยนะ” เธอวิงวอนทั้งน้ำเสียง ทั้งสีหน้าและแววตา
นั่นเองที่ช่วยให้เขาได้คิดและสงบลง มือซึ่งเหนี่ยวคอเสื้อนายทหารใหญ่ค่อยคลายออก
“ผู้การแกเมาน่ะจ้ะกริช” เธอบอกย้ำอีกครั้ง ยังคงยึดแขนล่ำสันไว้เมื่อดึงตัวเขาให้ถอยห่างออกมา
“ไอ้ห่ะ...ไอ้ขี้ข้า...ไอ้
...ไอ้...”
คำผรุสวาทตามมาอีกมากมายเมื่อตั้งหลักได้ ทั้งเสียหน้าและทั้งขยาด ตระหนักแล้วถึงเรี่ยวแรงของคนหนุ่มกว่า พยายามคิดว่าตัวเองมีเกียรติและศักดิ์ศรี สมควรหรือจะเอามาทิ้งเสียที่นี่ ยิ่งเห็นจากหางตาว่าสุดทางเดินเลียบตัวอาคารมีผู้คนหยุดดูความชุลมุนวุ่นวายมากขึ้นทุกที ก็ยิ่งรู้ว่ายุติเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีกับตัวเองเท่านั้น
“ไอรีน พี่ขอโทษ” กล้ำกลืนคำขอลุแก่โทษออกมาจนได้เมื่อไม่เห็นทางใดจะรักษาหน้าตัวเองได้ดีกว่านี้ “พี่เพียงแต่...มีเรื่องจะพูดด้วยเท่านั้นเอง”
“เอาไว้วันหลังเถอะนะคะ” เธอพยายามประนีประนอม “นี่ก็ว่าจะกลับกันแล้ว”
“พี่ไปหาที่บ้านก็แล้วกัน คงได้ใช่ไหม”
“ค่ะพี่”
เธอจำต้องรับคำทั้งที่แท้จริงแล้วมีความรู้สึกตรงข้าม ถ้าตัดขาดกันเสียตอนนี้เลยคงจะดีกว่า แต่ทำอย่างไรได้ เขาเป็นทั้งเพื่อนและทั้งพี่เมียของพี่ชาย เขาเกี่ยวพันกับเธอและครอบครัวมานาน จะตัดขาดจากกันเพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ก็ใช่ที่
ใครคนหนึ่งแหวกฝูงชนตรงลิ่วมาหา หล่อนส่งเสียงร้องถามนำมาก่อน
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
ประพันธ์หงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อร่างเพรียวในชุดแต่งกายนำสมัยมาถึงตัว
“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ใครทำอะไรท่านคะ”
หล่อนพยายามคว้าแขน แต่เขาเบี่ยงตัวหนี กระแทกเท้าปึงปังไปจากบริเวณนั้นโดยไม่สนใจใครอีก พอเห็นพลทหารขับรถของตัวเพิ่งทะเล่อทะล่ามาถึงก็ร้องถามเสียงลั่น
“ไปหลบอยู่ที่ไหนฮึ พลแจ่ม แล้วนี่รถจอดตรงไหน ไปเอามานี่เดี๋ยวนี้เลย”
พลแจ่มกระแทกสองเท้าเข้าหากันด้วยท่าทีแข็งขัน ปลายนิ้วแตะขมับแสดงความเคารพทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบ
“ครับพ้ม”
ร่างผอมเกร็งวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม มีผู้บังคับบัญชาตามหลังไปด้วย
ไอรีนถอนใจยาวพลางเอนพิงราวระเบียง โล่งอกที่อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ”
กริชก้มลงถาม ดวงหน้าหมดจดที่กำลังก้มดูอะไรบางอย่างบนพื้นนั้นใกล้ไหล่เขาเพียงแค่คืบ เห็นนัยน์ตาที่จับต่ำ แผงขนตาเส้นละเอียดกระพริบถี่ๆ สองมือเธอยังคงยึดแขนเขาไว้แน่นเหมือนยังต้องการที่พึ่ง หรืออาจเป็นได้ว่ายังไม่รู้ตัว เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด รู้แต่ว่าพึงพอใจที่เป็นเช่นนั้น และถ้าทำได้ก็อยากยืดนาทีนี้ออกไปให้ยาวนานที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะกริช ไม่เป็นไร” ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมา ใจที่เต้นระทึกเมื่อครู่ค่อยสงบลงบ้างแล้ว
“เขาทำอะไรคุณหญิงหรือเปล่าขอรับ” สุ้มเสียงที่ถามเครียดขึ้น
“ไม่หรอกกริช” เธอช้อนตาขึ้นหา พอสบนัยน์ตาอ่อนแสงอบอุ่นก็คิดได้ รีบปล่อยมือจากแขนล่ำสันข้างนั้นแล้วถอยห่างออกมานิดหนึ่ง หันมองไปสุดทางเดินก็เห็นว่าผู้คนบางตาลงมากแล้ว
“คุณนวลล่ะจ๊ะ”
ชั่วระยะที่ชิดใกล้กัน ชั่วขณะที่มือเล็กๆ เกาะกุมอยู่ที่แขน แม้ช่วงเวลานั้นจะสั้นแสนสั้น หากก็นานพอจะทำให้กริชลืมเสียสิ้นว่ามีคนอื่นอยู่ในโลกนี้ด้วย
เมื่อครู่ที่เห็นนายทหารใหญ่ตามหญิงสาวมาทางนี้ เขาลืมคิดถึงผู้หญิงอีกคนไปเลย เหลียวไปมองแวบหนึ่ง พอเห็นว่าหล่อนยังเลือกกระทงไม่เสร็จสิ้น ก็ตัดสินใจตามมาห่างๆ สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ พอเห็นฝ่ายนั้นต้อนคุณหญิงจนเข้ามุม เขาแทบคลั่ง เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่เข้าขวาง จำแทบไม่ได้แล้วว่าในชีวิตนี้เคยโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้าตอนนั้นไม่มีใครห้ามไว้ ก็คงแหลกคามือกันไปข้างหนึ่งแล้ว
“คงอยู่ที่สะพานขอรับ” กริชเดาส่งไปอย่างนั้นเอง
“ตายจริง กริชไม่น่าทิ้งคุณนวลไว้คนเดียวเลยนะ” สุ้มเสียงเหมือนตำหนิ หากเขาก็รู้ว่าไม่ใช่ “คนมากอย่างนี้ คุณนวลจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ไปตามหาคุณนวลแล้วเรากลับกันเถอะจ้ะ”
ในฝั่งฝัน (บทที่ 16)
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ jinx&angle, คุณ PuPaKae, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ อุรุเวลา, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/35648626
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/35655325
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/35665748
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/35669708
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/35673616
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/35680516
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/35683775
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/35688063
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/35695077
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/35729742
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/35740950
บทที่ 14 http://ppantip.com/topic/35748347
บทที่ 15 http://ppantip.com/topic/35759445
นายทหารใหญ่สบถเสียงดังเมื่อผงะตามแรงกระชาก มือที่คว้าบ่าเขาไว้บีบแน่นราวคีมเหล็ก แรงดึงทำเอาเสียหลักแทบหงายผลึ่งไปข้างหลัง ยิ่งเมื่อฝ่ายนั้นปล่อยมือก็เซถลาจนเกือบล้มลงกับพื้น ดีที่คว้าราวระเบียงเอาไว้ได้ทัน
“ไอ้...” เขาหันขวับไปเผชิญหน้าพร้อมเงื้อหมัดหรา ตาลุกวาวราวเปลวเพลิง
หากอีกฝ่ายก็ไม่ยั่น ร่างทั้งสูงทั้งใหญ่กว่าเกือบเท่าตัวกลับเข้าประชิดอีกครั้ง มือหนึ่งคว้าหมัดนั้นไว้ได้ทันท่วงที ในขณะที่อีกมือคว้าคอเสื้อแล้วดันจนหลังชนราวเหล็ก
คนซึ่งยืนอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตรงมุมระเบียงตั้งสติได้ รีบถลาเข้ายึดแขนเขาไว้
“อย่า...กริช...อย่าจ้ะ”
เขาหันมองเธอ สบนัยน์ตาจรัสแสงที่เบิกกว้างด้วยตื่นตระหนก
“แกเมาน่ะจ้ะ อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเลยนะ” เธอวิงวอนทั้งน้ำเสียง ทั้งสีหน้าและแววตา
นั่นเองที่ช่วยให้เขาได้คิดและสงบลง มือซึ่งเหนี่ยวคอเสื้อนายทหารใหญ่ค่อยคลายออก
“ผู้การแกเมาน่ะจ้ะกริช” เธอบอกย้ำอีกครั้ง ยังคงยึดแขนล่ำสันไว้เมื่อดึงตัวเขาให้ถอยห่างออกมา
“ไอ้ห่ะ...ไอ้ขี้ข้า...ไอ้...ไอ้...”
คำผรุสวาทตามมาอีกมากมายเมื่อตั้งหลักได้ ทั้งเสียหน้าและทั้งขยาด ตระหนักแล้วถึงเรี่ยวแรงของคนหนุ่มกว่า พยายามคิดว่าตัวเองมีเกียรติและศักดิ์ศรี สมควรหรือจะเอามาทิ้งเสียที่นี่ ยิ่งเห็นจากหางตาว่าสุดทางเดินเลียบตัวอาคารมีผู้คนหยุดดูความชุลมุนวุ่นวายมากขึ้นทุกที ก็ยิ่งรู้ว่ายุติเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีกับตัวเองเท่านั้น
“ไอรีน พี่ขอโทษ” กล้ำกลืนคำขอลุแก่โทษออกมาจนได้เมื่อไม่เห็นทางใดจะรักษาหน้าตัวเองได้ดีกว่านี้ “พี่เพียงแต่...มีเรื่องจะพูดด้วยเท่านั้นเอง”
“เอาไว้วันหลังเถอะนะคะ” เธอพยายามประนีประนอม “นี่ก็ว่าจะกลับกันแล้ว”
“พี่ไปหาที่บ้านก็แล้วกัน คงได้ใช่ไหม”
“ค่ะพี่”
เธอจำต้องรับคำทั้งที่แท้จริงแล้วมีความรู้สึกตรงข้าม ถ้าตัดขาดกันเสียตอนนี้เลยคงจะดีกว่า แต่ทำอย่างไรได้ เขาเป็นทั้งเพื่อนและทั้งพี่เมียของพี่ชาย เขาเกี่ยวพันกับเธอและครอบครัวมานาน จะตัดขาดจากกันเพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ก็ใช่ที่
ใครคนหนึ่งแหวกฝูงชนตรงลิ่วมาหา หล่อนส่งเสียงร้องถามนำมาก่อน
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
ประพันธ์หงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อร่างเพรียวในชุดแต่งกายนำสมัยมาถึงตัว
“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ใครทำอะไรท่านคะ”
หล่อนพยายามคว้าแขน แต่เขาเบี่ยงตัวหนี กระแทกเท้าปึงปังไปจากบริเวณนั้นโดยไม่สนใจใครอีก พอเห็นพลทหารขับรถของตัวเพิ่งทะเล่อทะล่ามาถึงก็ร้องถามเสียงลั่น
“ไปหลบอยู่ที่ไหนฮึ พลแจ่ม แล้วนี่รถจอดตรงไหน ไปเอามานี่เดี๋ยวนี้เลย”
พลแจ่มกระแทกสองเท้าเข้าหากันด้วยท่าทีแข็งขัน ปลายนิ้วแตะขมับแสดงความเคารพทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบ
“ครับพ้ม”
ร่างผอมเกร็งวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม มีผู้บังคับบัญชาตามหลังไปด้วย
ไอรีนถอนใจยาวพลางเอนพิงราวระเบียง โล่งอกที่อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ”
กริชก้มลงถาม ดวงหน้าหมดจดที่กำลังก้มดูอะไรบางอย่างบนพื้นนั้นใกล้ไหล่เขาเพียงแค่คืบ เห็นนัยน์ตาที่จับต่ำ แผงขนตาเส้นละเอียดกระพริบถี่ๆ สองมือเธอยังคงยึดแขนเขาไว้แน่นเหมือนยังต้องการที่พึ่ง หรืออาจเป็นได้ว่ายังไม่รู้ตัว เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด รู้แต่ว่าพึงพอใจที่เป็นเช่นนั้น และถ้าทำได้ก็อยากยืดนาทีนี้ออกไปให้ยาวนานที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะกริช ไม่เป็นไร” ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมา ใจที่เต้นระทึกเมื่อครู่ค่อยสงบลงบ้างแล้ว
“เขาทำอะไรคุณหญิงหรือเปล่าขอรับ” สุ้มเสียงที่ถามเครียดขึ้น
“ไม่หรอกกริช” เธอช้อนตาขึ้นหา พอสบนัยน์ตาอ่อนแสงอบอุ่นก็คิดได้ รีบปล่อยมือจากแขนล่ำสันข้างนั้นแล้วถอยห่างออกมานิดหนึ่ง หันมองไปสุดทางเดินก็เห็นว่าผู้คนบางตาลงมากแล้ว
“คุณนวลล่ะจ๊ะ”
ชั่วระยะที่ชิดใกล้กัน ชั่วขณะที่มือเล็กๆ เกาะกุมอยู่ที่แขน แม้ช่วงเวลานั้นจะสั้นแสนสั้น หากก็นานพอจะทำให้กริชลืมเสียสิ้นว่ามีคนอื่นอยู่ในโลกนี้ด้วย
เมื่อครู่ที่เห็นนายทหารใหญ่ตามหญิงสาวมาทางนี้ เขาลืมคิดถึงผู้หญิงอีกคนไปเลย เหลียวไปมองแวบหนึ่ง พอเห็นว่าหล่อนยังเลือกกระทงไม่เสร็จสิ้น ก็ตัดสินใจตามมาห่างๆ สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ พอเห็นฝ่ายนั้นต้อนคุณหญิงจนเข้ามุม เขาแทบคลั่ง เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่เข้าขวาง จำแทบไม่ได้แล้วว่าในชีวิตนี้เคยโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้าตอนนั้นไม่มีใครห้ามไว้ ก็คงแหลกคามือกันไปข้างหนึ่งแล้ว
“คงอยู่ที่สะพานขอรับ” กริชเดาส่งไปอย่างนั้นเอง
“ตายจริง กริชไม่น่าทิ้งคุณนวลไว้คนเดียวเลยนะ” สุ้มเสียงเหมือนตำหนิ หากเขาก็รู้ว่าไม่ใช่ “คนมากอย่างนี้ คุณนวลจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ไปตามหาคุณนวลแล้วเรากลับกันเถอะจ้ะ”