!!!!! ธรรมคุ้มครองโลกทั้ง 3 ได้จริงหรือ !!!!!
สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิพย์ทุกท่านผมได้เขียนบทความขึ้นซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันลงบนผ่านทางเวปเป็นครั้งแรก ผมอาจจะมีข้อผิดพลาดประการใดผมขอน้อมรับไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ธรรมคุ้มครองโลกทั้ง 3
“ สรรพสิ่งทั้งหลายมีสาเหตุแห่งการเกิดและการดับ
ด้วยกันหมดทั้งสิ้นไม่ว่ามวลมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย
หรือแม้กระทั่งโลก หรือดาวฤกษ์ทั้งหลายทั้งปวงใน
จักรวาลหรือเอกภพก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นก็จะต้องดับลง
ตามกาลเวลาด้วยกันหมดทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นอมตะเท่า
นั้นก็คือจิตวิญญาณ ซึ่งจะอยู่ในฐานะใดเท่านั้นเอง ”
นั่นก็หมายความว่าโลกของเราก็มีวันดับหรือวัน
สิ้นโลกเช่นกัน ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมด
ท่านทั้งหลาย ควรรีบเร่งบำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้
ทานอย่างต่อเนื่อง ตนใดพร้อมสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นก่อน
ไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่างจึงจะลงมือกระทำ ผู้มี
มากก็ควรแบ่งปั่นให้ผู้ที่ยากไร้กว่า
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
มวลมนุษยชาติควรตระหนักไว้เสมอว่า ไม่ควรแย่งชิงและครอบครอง
พื้นแผ่นดินหรือดินแดนกัน เพราะผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้วบนโลกใบนี้ไม่มี
ผู้ใดถือครอบครองไว้อย่างถาวร เมื่อท่านทั้งหลายได้ละร่างของท่านแล้ว
พื้นแผ่นดินดังกล่าว ก็จะถูกหมุนเวียนไปให้จิตวิญญาณตนอื่นบำเพ็ญเพียร
บุญบารมีและให้ทานต่อไป ไม่มีผู้ใดถือครอบครองเป็นอมตะ พอถึง
กาลเวลาอันเหมาะสมท่านทั้งหลาย ก็ต้องส่งคืนพระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุด
พระองค์ก็ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง พระองค์ได้ยืมลูกโลกใบนี้มาจากเอกภพ
เช่นกัน เพื่อให้จิตวิญญาณที่เป็นเหล่าเทวะ เหล่าเทพ เทพธิดา มนุษยชาติ
และสัตว์ทั้งหลายได้มาบำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้ทานกัน เพื่อเสริมสร้าง
บุญบารมีและทานให้สูงขึ้นคือ สร้างสมอย่างต่อเนื่องจนพัฒนาจิตวิญญาณ
ของท่านทั้งหลายให้มีฐานะที่สูงขึ้น จนสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่าย
ตายเกิดบนโลกมนุษย์และสัตว์ใบนี้ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 ของจตุภูมิที่
พระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดเป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม พระองค์
ก็ต้องส่งลูกโลกใบนี้คืนให้เอกภพเช่นกัน ดังนั้นสิ่งดังกล่าวจึงไม่มีสิ่งใดที่
มั่นคงถาวรหรือเป็นอมตะได้ อย่ายึดมั่นถือมั่นจนเกินไป สิ่งที่มั่นคงและ
เป็นอมตะที่แท้จริง นั่นก็คือ จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย แต่จะอยู่ใน
ฐานะใดเท่านั้นเอง อาจเป็นสัตว์ มนุษย์ อมนุษย์ที่ไม่ใช่เทพ เทพธิดา
เทพ เทวะ องค์อรหันต์ หรือ ไม่ก็เป็นพระศาสดา ขึ้นอยู่กับบุญบารมีและ
ทานที่ท่านทั้งหลายได้สร้างสมเอาไว้
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 1
พระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดได้ยืมลูกโลกใบนี้ที่มวลมนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่นี้มาจากเอกภพเพื่อ
ใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของโลกภูมิ พระองค์ทรงมีความประสงค์ต้องการให้ชั้นนี้เป็นสถานที่ที่ให้
จิตวิญญาณทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นสัตว์ มนุษย์ อมนุษย์ที่ไม่ใช่เทพ เทพ เทพธิดา และเทวะได้มา
บำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้ทานเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณทั้งหลายให้มีฐานะที่สูงขึ้น แล้วยังเป็นสถานที่
ชดใช้กรรมที่จิตวิญญาณตนนั้นได้ก่อไว้แต่ปางก่อนหรือในโลกปัจจุบันก็ดี " แต่มวลมนุษยชาติกลับ
เอาโลกใบนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ที่มวลมนุษย์ร่วมกันสร้างหรือ
กำหนดขึ้นมาเอง นั่นก็คือกฎหมาย แย่งชิงกันเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ควบคุม
ตนเองไม่ได้ ขาดสติ ขาดการให้อภัย ไม่มีเมตตาให้กันและกัน ชี้ทางมืดให้ตนเองและยังชี้ทาง
มืดให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สร้างแต่สิ่งที่ไม่ดีติดตนไป เพราะจิตวิญญาณของมวลมนุษย์ทั้งหลาย
ไม่ใช้เหตุและผลในกาวิเคราะห์ให้เกิดซึ่งปัญญาอย่างแท้จริง แยกแยะไม่ถูกว่าอะไรควรกระทำ อะไร
ไม่ควรกระทำยังติดยังหลงอยู่กับกิเลสทั้งหลายทั้งปวง มวลมนุษยชาติมักโง่เขลาเมื่อถูกกิเลสครอบงำ "
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 2
การกระทำทั้งหลายจะดีหรือไม่ดีที่จิตวิญญาณทั้งหลายได้บำเพ็ญเพียรบนโลกมนุษย์และสัตว์
เบื้องบนรับรู้ทั้งหมดจากเทพประจำตัวและจิตวิญญาณที่ประกอบกันเป็นตัวตนของท่านทั้งหลาย ดังนั้น
ผู้ที่ชี้นำให้เดินทางมืดและทำให้เกิดการเบียดเบียนชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิต ก็จะได้รับผลแห่งการกระทำ
นั้นๆทุกตนไป จิตวิญญาณตนใดที่เบียดเบียนองค์พระศาสดาขณะบำเพ็ญเพียรบุญบารมีอยู่ก็จะได้รับผล
แห่งการกระทำที่เร็วขึ้น เพราะพระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดมีความประสงค์ให้องค์พระศาสดาบำเพ็ญเพียร
บุญบารมีให้สำเร็จผลตามความประสงค์ของพระองค์ท่าน
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 3
ผลแห่งกรรมของท่านทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นในโลกปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นจากการกระทำของท่าน
ทั้งหลายที่ก่อไว้แต่ปางก่อนก็ดีหรือในโลกปัจจุบันก็ดี เหล่าทวยเทพและเทวะทุกพระองค์จะไม่ใช้อำนาจ
ที่เหนือกว่าอันเกิดจากการสร้างสมบุญบารมีและทาน ที่แต่ละพระองค์ได้สร้างสมกันมานาน โดยไป
เบียดเบียนหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย เพราะการกระทำเช่นนั้นจะส่งผลให้บุญบารมีและทานที่แต่ละพระองค์
ทรงสร้างสมเอาไว้ลดน้อยถอยลง ยกเว้นพระผู้ทรงรักษากฏของเบื้องบนหรือพระผู้ทรงแห่งความยุติธรรม
อันยิ่งใหญ่ จะสามารถลงโทษจิตวิญญาณที่ก่อเวรกรรมไว้ในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาไว้แต่ปางก่อนก็ดีหรือใน
โลกปัจจุบันก็ดี ให้ปรากฏเร็วขึ้นได้นั่นเอง ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อจิตวิญญาณนั้นๆ
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ]
ตอนที่ 4
ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายว่า " ถ้าตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังเลือกสรรผู้นำที่ไม่ตั้งอยู่ในครรลอง
ครองธรรมขึ้นมาปกครองปวงประชา และบริหารกิจการบ้านเมืองของท่านแล้วไซร้ ท่านทั้งหลายก็จะ
ได้รับผลแห่งการกระทำร่วมกันทั้งแผ่นดิน อันเกิดจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวงมากมายอย่างต่อเนื่องและ
รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ยากที่จะหลีกเลี่ยงจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนกว่าท่านทั้งหลายจะรู้เอง
เห็นเองในสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี สิ่งใดถูกสิ่งใดไม่ถูกสิ่งใดควรกระทำสิ่งใดไม่ควรกระทำ อ สิ่งใดยุติธรรมสิ่งใด
ไม่ยุติธรรม เมื่อนั้นแผ่นดินของท่านทั้งหลายก็จะพบแต่สิ่งที่ดีงามปวงประชาในชาติ ก็จะมีความรัก
สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุข
และความรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่แก่บ้านเมือง สิ่งที่ไม่เคยเห็นท่านทั้งหลายก็จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยได้ท่านทั้ง
หลายก็จะได้ อันเกิดจากการสร้างสมบุญบารมีและให้ทานที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันสร้างสมกันไว้ทั้งแผ่นดิน "
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ผมกำลังเขียนบทความนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอยู่นะครับหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ทุกท่านไม่มากก็น้อย หากคนใด
ชื่นชอบหรือสนใจก็พูดคุยกันได้นะครับผมกำลังจะพิมพ์ต่อเร็วๆนี้ครับ
!!!!! (ธรรม) คุ้มครองโลกทั้ง 3 ได้จริงหรือ !!!!!
สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิพย์ทุกท่านผมได้เขียนบทความขึ้นซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันลงบนผ่านทางเวปเป็นครั้งแรก ผมอาจจะมีข้อผิดพลาดประการใดผมขอน้อมรับไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ธรรมคุ้มครองโลกทั้ง 3
“ สรรพสิ่งทั้งหลายมีสาเหตุแห่งการเกิดและการดับ
ด้วยกันหมดทั้งสิ้นไม่ว่ามวลมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย
หรือแม้กระทั่งโลก หรือดาวฤกษ์ทั้งหลายทั้งปวงใน
จักรวาลหรือเอกภพก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นก็จะต้องดับลง
ตามกาลเวลาด้วยกันหมดทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นอมตะเท่า
นั้นก็คือจิตวิญญาณ ซึ่งจะอยู่ในฐานะใดเท่านั้นเอง ”
นั่นก็หมายความว่าโลกของเราก็มีวันดับหรือวัน
สิ้นโลกเช่นกัน ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมด
ท่านทั้งหลาย ควรรีบเร่งบำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้
ทานอย่างต่อเนื่อง ตนใดพร้อมสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นก่อน
ไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่างจึงจะลงมือกระทำ ผู้มี
มากก็ควรแบ่งปั่นให้ผู้ที่ยากไร้กว่า
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
มวลมนุษยชาติควรตระหนักไว้เสมอว่า ไม่ควรแย่งชิงและครอบครอง
พื้นแผ่นดินหรือดินแดนกัน เพราะผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้วบนโลกใบนี้ไม่มี
ผู้ใดถือครอบครองไว้อย่างถาวร เมื่อท่านทั้งหลายได้ละร่างของท่านแล้ว
พื้นแผ่นดินดังกล่าว ก็จะถูกหมุนเวียนไปให้จิตวิญญาณตนอื่นบำเพ็ญเพียร
บุญบารมีและให้ทานต่อไป ไม่มีผู้ใดถือครอบครองเป็นอมตะ พอถึง
กาลเวลาอันเหมาะสมท่านทั้งหลาย ก็ต้องส่งคืนพระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุด
พระองค์ก็ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง พระองค์ได้ยืมลูกโลกใบนี้มาจากเอกภพ
เช่นกัน เพื่อให้จิตวิญญาณที่เป็นเหล่าเทวะ เหล่าเทพ เทพธิดา มนุษยชาติ
และสัตว์ทั้งหลายได้มาบำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้ทานกัน เพื่อเสริมสร้าง
บุญบารมีและทานให้สูงขึ้นคือ สร้างสมอย่างต่อเนื่องจนพัฒนาจิตวิญญาณ
ของท่านทั้งหลายให้มีฐานะที่สูงขึ้น จนสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่าย
ตายเกิดบนโลกมนุษย์และสัตว์ใบนี้ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 ของจตุภูมิที่
พระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดเป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม พระองค์
ก็ต้องส่งลูกโลกใบนี้คืนให้เอกภพเช่นกัน ดังนั้นสิ่งดังกล่าวจึงไม่มีสิ่งใดที่
มั่นคงถาวรหรือเป็นอมตะได้ อย่ายึดมั่นถือมั่นจนเกินไป สิ่งที่มั่นคงและ
เป็นอมตะที่แท้จริง นั่นก็คือ จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย แต่จะอยู่ใน
ฐานะใดเท่านั้นเอง อาจเป็นสัตว์ มนุษย์ อมนุษย์ที่ไม่ใช่เทพ เทพธิดา
เทพ เทวะ องค์อรหันต์ หรือ ไม่ก็เป็นพระศาสดา ขึ้นอยู่กับบุญบารมีและ
ทานที่ท่านทั้งหลายได้สร้างสมเอาไว้
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 1
พระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดได้ยืมลูกโลกใบนี้ที่มวลมนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่นี้มาจากเอกภพเพื่อ
ใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของโลกภูมิ พระองค์ทรงมีความประสงค์ต้องการให้ชั้นนี้เป็นสถานที่ที่ให้
จิตวิญญาณทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นสัตว์ มนุษย์ อมนุษย์ที่ไม่ใช่เทพ เทพ เทพธิดา และเทวะได้มา
บำเพ็ญเพียรบุญบารมีและให้ทานเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณทั้งหลายให้มีฐานะที่สูงขึ้น แล้วยังเป็นสถานที่
ชดใช้กรรมที่จิตวิญญาณตนนั้นได้ก่อไว้แต่ปางก่อนหรือในโลกปัจจุบันก็ดี " แต่มวลมนุษยชาติกลับ
เอาโลกใบนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ที่มวลมนุษย์ร่วมกันสร้างหรือ
กำหนดขึ้นมาเอง นั่นก็คือกฎหมาย แย่งชิงกันเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ควบคุม
ตนเองไม่ได้ ขาดสติ ขาดการให้อภัย ไม่มีเมตตาให้กันและกัน ชี้ทางมืดให้ตนเองและยังชี้ทาง
มืดให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สร้างแต่สิ่งที่ไม่ดีติดตนไป เพราะจิตวิญญาณของมวลมนุษย์ทั้งหลาย
ไม่ใช้เหตุและผลในกาวิเคราะห์ให้เกิดซึ่งปัญญาอย่างแท้จริง แยกแยะไม่ถูกว่าอะไรควรกระทำ อะไร
ไม่ควรกระทำยังติดยังหลงอยู่กับกิเลสทั้งหลายทั้งปวง มวลมนุษยชาติมักโง่เขลาเมื่อถูกกิเลสครอบงำ "
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 2
การกระทำทั้งหลายจะดีหรือไม่ดีที่จิตวิญญาณทั้งหลายได้บำเพ็ญเพียรบนโลกมนุษย์และสัตว์
เบื้องบนรับรู้ทั้งหมดจากเทพประจำตัวและจิตวิญญาณที่ประกอบกันเป็นตัวตนของท่านทั้งหลาย ดังนั้น
ผู้ที่ชี้นำให้เดินทางมืดและทำให้เกิดการเบียดเบียนชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิต ก็จะได้รับผลแห่งการกระทำ
นั้นๆทุกตนไป จิตวิญญาณตนใดที่เบียดเบียนองค์พระศาสดาขณะบำเพ็ญเพียรบุญบารมีอยู่ก็จะได้รับผล
แห่งการกระทำที่เร็วขึ้น เพราะพระผู้เป็นเบื้องบนสูงสุดมีความประสงค์ให้องค์พระศาสดาบำเพ็ญเพียร
บุญบารมีให้สำเร็จผลตามความประสงค์ของพระองค์ท่าน
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ตอนที่ 3
ผลแห่งกรรมของท่านทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นในโลกปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นจากการกระทำของท่าน
ทั้งหลายที่ก่อไว้แต่ปางก่อนก็ดีหรือในโลกปัจจุบันก็ดี เหล่าทวยเทพและเทวะทุกพระองค์จะไม่ใช้อำนาจ
ที่เหนือกว่าอันเกิดจากการสร้างสมบุญบารมีและทาน ที่แต่ละพระองค์ได้สร้างสมกันมานาน โดยไป
เบียดเบียนหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย เพราะการกระทำเช่นนั้นจะส่งผลให้บุญบารมีและทานที่แต่ละพระองค์
ทรงสร้างสมเอาไว้ลดน้อยถอยลง ยกเว้นพระผู้ทรงรักษากฏของเบื้องบนหรือพระผู้ทรงแห่งความยุติธรรม
อันยิ่งใหญ่ จะสามารถลงโทษจิตวิญญาณที่ก่อเวรกรรมไว้ในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาไว้แต่ปางก่อนก็ดีหรือใน
โลกปัจจุบันก็ดี ให้ปรากฏเร็วขึ้นได้นั่นเอง ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อจิตวิญญาณนั้นๆ
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ]
ตอนที่ 4
ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายว่า " ถ้าตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังเลือกสรรผู้นำที่ไม่ตั้งอยู่ในครรลอง
ครองธรรมขึ้นมาปกครองปวงประชา และบริหารกิจการบ้านเมืองของท่านแล้วไซร้ ท่านทั้งหลายก็จะ
ได้รับผลแห่งการกระทำร่วมกันทั้งแผ่นดิน อันเกิดจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวงมากมายอย่างต่อเนื่องและ
รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ยากที่จะหลีกเลี่ยงจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนกว่าท่านทั้งหลายจะรู้เอง
เห็นเองในสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี สิ่งใดถูกสิ่งใดไม่ถูกสิ่งใดควรกระทำสิ่งใดไม่ควรกระทำ อ สิ่งใดยุติธรรมสิ่งใด
ไม่ยุติธรรม เมื่อนั้นแผ่นดินของท่านทั้งหลายก็จะพบแต่สิ่งที่ดีงามปวงประชาในชาติ ก็จะมีความรัก
สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุข
และความรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่แก่บ้านเมือง สิ่งที่ไม่เคยเห็นท่านทั้งหลายก็จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยได้ท่านทั้ง
หลายก็จะได้ อันเกิดจากการสร้างสมบุญบารมีและให้ทานที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันสร้างสมกันไว้ทั้งแผ่นดิน "
จากธรรมภูมิถึงโลกภูมิ
ผมกำลังเขียนบทความนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอยู่นะครับหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ทุกท่านไม่มากก็น้อย หากคนใด
ชื่นชอบหรือสนใจก็พูดคุยกันได้นะครับผมกำลังจะพิมพ์ต่อเร็วๆนี้ครับ