พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เพราะฉะนั้นน่ะเรามาลองคำนึงทบทวนดู
ถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้าก็พอรู้ได้
จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม
อันบุคคลจะพ้นทุกข์ได้นั้นต้องสร้างบุญบารมีให้เต็มตามภูมิของตน
ผู้เป็น
"ภูมิสาวก" อย่างนี้ก็สร้างบุญบารมีไป
ในตำราท่านกล่าวว่าแสนกัปก็เต็มบริบูรณ์
จึงสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ พ้นทุกข์ไปได้
ถ้าเป็น "พระพุทธเจ้า" ก็มีอยู่สามจำพวก คือ “ปัญญาธิกะ”พวกหนึ่ง
อันนี้สร้างบารมีสี่อสงไขยปลายแสนมหากัป
ได้แก่ พระพุทธเจ้าของเรานี้แหละ..ก็เต็ม
เป็น “ศรัทธาธิกะ” มีศรัทธาเป็นกำลังใหญ่ให้สร้างบุญบารมี
อันนี้ต้องสร้างอยู่นานแปดอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็ม
“วิริยาธิกะ” ถือเอาความเพียรเป็นใหญ่การสร้างบารมี
ทำอะไรก็ทำให้ละเอียดลออทำให้ดีให้งาม
สอนคนก็พยายามสอนไปอยู่อย่างนั้นแหละ
เอาความอดความทนเข้าใส่ ความพากเพียร ทำใจดีสู้ไป
ประเภทนี้นั้นสร้างบารมีนานกว่าเพื่อนเลย
ตั้งสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็มบริบูรณ์
เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้านี้
ในตำราท่านกล่าวว่าต้องสร้างบารมีมาถึงสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัป
เพราะว่าท่านอยู่ในจำพวกวิริยาธิกะ มีความเพียรเป็นใหญ่
นี่ต้องสร้างบารมีให้เต็มบาดนิพระสาวกน่ะ
สร้างบุญบารมีตามพระพุทธเจ้ามา
การทำความดีก็ไม่เท่าเทียมพระโพธิสัตว์
ก็หย่อนกว่าพระโพธิสัตว์ เช่น ยกตัวอย่างว่าพระโพธิสัตว์
พระพุทธเจ้าเรานี้ครั้งเป็น "พระเวสสันดร"
พระองค์สละของรักของชอบใจห้าอย่างให้เป็นทานได้เลย
สละลูกสละเมีย สละช้างพระที่นั่ง ม้าพระที่นั่ง ราชรถ และเงินทองข้าวของ
อันเป็นส่วนพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็สละให้ทานแก่ยาจกคนขอ
เสร็จแล้วก็เข้าไปบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าหิมพานต์เขาวงกต
ซึ่งคนธรรมดาสามัญทำไม่ได้เลย อย่างนี้นะ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้านี้จึงมีภูมิใหญ่ ภูมิกว้างขวาง
มีความรู้กว้างขวาง มีญาณหยั่งรู้อัธยาศัยใจคอ
ของมนุษย์และเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลาย ส่วนพระสาวกรู้ไม่ได้
เพราะว่าภูมิแคบ..ต่างกันอย่างนี้ นี่ที่ยกมาแสดงให้ฟังนี้น่ะ
เพื่อให้ผู้ฟังได้เชื่อมั่นในบุญในกุศลความดี
ที่เราทำด้วยกายวาจาใจ อันนี้จะทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้
โดยลำดับจนถึงพระนิพพาน
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ให้เชื่อกรรมและผลของกรรม"
ภูมิพระพุทธเจ้ากับภูมิพระสาวก : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เพราะฉะนั้นน่ะเรามาลองคำนึงทบทวนดู
ถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้าก็พอรู้ได้
จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม
อันบุคคลจะพ้นทุกข์ได้นั้นต้องสร้างบุญบารมีให้เต็มตามภูมิของตน
ผู้เป็น "ภูมิสาวก" อย่างนี้ก็สร้างบุญบารมีไป
ในตำราท่านกล่าวว่าแสนกัปก็เต็มบริบูรณ์
จึงสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ พ้นทุกข์ไปได้
ถ้าเป็น "พระพุทธเจ้า" ก็มีอยู่สามจำพวก คือ “ปัญญาธิกะ”พวกหนึ่ง
อันนี้สร้างบารมีสี่อสงไขยปลายแสนมหากัป
ได้แก่ พระพุทธเจ้าของเรานี้แหละ..ก็เต็ม
เป็น “ศรัทธาธิกะ” มีศรัทธาเป็นกำลังใหญ่ให้สร้างบุญบารมี
อันนี้ต้องสร้างอยู่นานแปดอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็ม
“วิริยาธิกะ” ถือเอาความเพียรเป็นใหญ่การสร้างบารมี
ทำอะไรก็ทำให้ละเอียดลออทำให้ดีให้งาม
สอนคนก็พยายามสอนไปอยู่อย่างนั้นแหละ
เอาความอดความทนเข้าใส่ ความพากเพียร ทำใจดีสู้ไป
ประเภทนี้นั้นสร้างบารมีนานกว่าเพื่อนเลย
ตั้งสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็มบริบูรณ์
เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้านี้
ในตำราท่านกล่าวว่าต้องสร้างบารมีมาถึงสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัป
เพราะว่าท่านอยู่ในจำพวกวิริยาธิกะ มีความเพียรเป็นใหญ่
นี่ต้องสร้างบารมีให้เต็มบาดนิพระสาวกน่ะ
สร้างบุญบารมีตามพระพุทธเจ้ามา
การทำความดีก็ไม่เท่าเทียมพระโพธิสัตว์
ก็หย่อนกว่าพระโพธิสัตว์ เช่น ยกตัวอย่างว่าพระโพธิสัตว์
พระพุทธเจ้าเรานี้ครั้งเป็น "พระเวสสันดร"
พระองค์สละของรักของชอบใจห้าอย่างให้เป็นทานได้เลย
สละลูกสละเมีย สละช้างพระที่นั่ง ม้าพระที่นั่ง ราชรถ และเงินทองข้าวของ
อันเป็นส่วนพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็สละให้ทานแก่ยาจกคนขอ
เสร็จแล้วก็เข้าไปบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าหิมพานต์เขาวงกต
ซึ่งคนธรรมดาสามัญทำไม่ได้เลย อย่างนี้นะ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้านี้จึงมีภูมิใหญ่ ภูมิกว้างขวาง
มีความรู้กว้างขวาง มีญาณหยั่งรู้อัธยาศัยใจคอ
ของมนุษย์และเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลาย ส่วนพระสาวกรู้ไม่ได้
เพราะว่าภูมิแคบ..ต่างกันอย่างนี้ นี่ที่ยกมาแสดงให้ฟังนี้น่ะ
เพื่อให้ผู้ฟังได้เชื่อมั่นในบุญในกุศลความดี
ที่เราทำด้วยกายวาจาใจ อันนี้จะทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้
โดยลำดับจนถึงพระนิพพาน
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ให้เชื่อกรรมและผลของกรรม"