ทริปเก็บดาว
@ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์


ทริปนี้เกิดจากความอยากรู้อยากลอง เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมการอะไรมากมาย ด้วยความที่เป็นคนอุตรดิตถ์แต่ยังไม่เคยขึ้นภูสอยดาวเลยสักที
เวลาใครถามก็ได้แต่ตอบว่าไม่รู้ ไม่เคยไป555 เสียชื่อคนพื้นที่หมดจริงไหม? ต้องไปให้เห็นกับตาสักที....

ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด7คน ผู้ชายสองคน นอกนั้นหญิงล้วน เริ่มออกเดินทางจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ในตอนเช้าของวันที่ 27 จากตัวเมืองถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

พอถึงจะมีค่าเข้าคนละ 40 บาท ถ้าเอารถเข้าไปจอดด้านในอุทยานเสียคันละ 30 บาท
ในอุทยานนักท่องเที่ยวจะต้องไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ว่ามากันกี่คน และตกลงเรื่องการเช่าเต็นท์สำหรับคนที่ไม่ได้นำเต็นท์มา ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามขนาดเต็นท์และอุปกรณ์ภายในเต็นท์ เริ่มต้นที่ 700 บาท นอนได้สูงสุดประมาณ 4 คน(หรือใครจะเบียดกันกว่านี้ก็ได้เพราะบนนั้นหนาวมาก++) ถ้ามีเต็นท์อยู่แล้ว และนำรถส่วนตัวมา แนะนำให้นำมาเองแล้วจ้างลูกหาบแบกขึ้นแบกลงเพื่อความประหยัด ส่วนใครที่แบกสัมภาระขึ้นไปไม่ไหวจะมีลูกหาบไว้ให้บริการ ราคาหาบอยู่ที่ 30 บาท/กิโลกรัม

***ก่อนจะจ่ายเงินควรตรวจสอบรายการเช่าของให้ดีๆ แนะนำให้ถ่ายรูปใบเสร็จ/รายการเช่าของทั้งหมดเก็บไว้ด้วยนะคะ เพื่อป้องกันการทุจริต!!!

พอเสร็จจะมีเจ้าหน้าที่นำรถมารับไปยังทางขึ้นภู


เส้นทางเดินขึ้นจะอยู่บริเวณด้านในป้ายน้ำตกภูสอยดาวค่ะ เดินเข้าไปด้านในจะมีร้านค้า แนะนำทานให้อิ่มก่อนขึ้นหรือหาของกินติดกระเป๋าไว้ เตรียมสเปรย์กันยุง/ยาดม/ยาลม/ยาหม่อง/น้ำมันนวด/เทปปิดแผลฯลฯกันไว้ให้พร้อม ที่สำคัญคือน้ำค่ะ เอาไว้กินระหว่างทางเดิน

ทางขึ้นจะมีลักษณะชันในบางช่วง เตรียมตัวเตรียมใจกันไปให้ดีๆ
รองเท้าควรเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่คิดว่าใส่สบายและเหมาะสมกับการเดินป่าที่สุด เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 5-6 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่บอกว่าระยะทางเดินขึ้นภูยิงตรงทางอากาศระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร แต่ถ้าจับระยะทางที่เดินจริงๆก็ประมาณ 10 กิโล

ทางขึ้นภูสอยดาวจะผ่านเนินต่างๆ เป็นเหมือนด่านผจญภัยวัดใจกันเลยทีเดียว
กว่าจะผ่านแต่ละเนินแทบขาดใจ คือ


1. เนินส่งญาติ  
คิดเล่นๆตามชื่อ คือ ขนาดญาติยังมาส่งกันแค่นี้ 5555 ทางเดินขึ้นเขาเนินนี้ชันพอควรค่ะ ขณะเดินทางมีนักเดินทางที่กำลังลงสวนกันพอดี
เลยแอบถามว่าทางข้างหน้าเป็นยังไง พี่แกบอกเดี๋ยวจะได้เจอสวรรค์บันได
และแล้วก็เจอจริงๆค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีบันไดเหล็ก บันไดไม้ และไม่มีบันได ระยะทางประมาณ 650 เมตร

2. เนินปราบเซียน ระยะทางประมาณ 780 เมตร เป็นทางสูงชัน มีระยะทางจากจุดเริ่มต้น 3,000 เมตร หรือเกือบครึ่งทางของทางเดินทั้งหมด ความยากก็ตามชื่อกันเลยทีเดียว กว่าจะถึงจุดนี้รู้สึกเริ่มยกขาไม่ไหว แทบจะหยุดพักทุกสามก้าว

3. เนินป่าก่อ รอบๆจะเต็มไปด้วย "ต้นก่อ" หรือ "ต้นโอ๊ก" ในต่างประเทศ ว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่ให้ความเอื้ออาทร เป็นอาหารและที่พักอาศัยแก่สรรพชีวิตในป่า จึงเป็นเสมือนราชาแห่งป่าดิบเขา ตามทางจะได้ยินเสียงจั๊กจั่น และแมลงต่างๆร้องเสียงดังฟังชัดเลยทีเดียว

4. เนินเสือโคร่ง ชื่อเนินมาจาก "ต้นกำลังเสือโคร่ง"

5. เนินมรณะ เป็นเนินสุดท้ายก่อนถึงลานสน เป็นช่วงที่ชันที่สุดของเส้นทางภูสอยดาว จุดนี้เริ่มมีอาการหนักก้น ก้าวขาไม่ขึ้น555
แต่มีวิวทิวเขา และหมอกเมฆที่สวยงามมาก ทำให้มีกำลังใจเดินต่อให้ถึงจุดหมาย

ผ่านเนินมรณะมาก็จะถึง "จุดพิชิตภูสอยดาว" ที่ทุกคนจะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ป้ายนี้กันให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยและความอดทนบากบั่นจนมาถึงจุดนี้
ถัดมาจะเป็นลานสน บริเวณกางเต็นท์ของเรานั่นเอง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บนนี้จะเป็นทุ่งหญ้า ดอกไม้ที่สำคัญบนนี้คือ ดอกหงอนนาค[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดอกหงอนนาคจะมีช่วงหน้าฝน พอเข้าหน้าหนาวก็จะเริ่มโรยแล้วค่ะ

ลืมบอกไปว่าบนนี้ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้นะคะ ให้เตรียมไฟฉาย หรือ เทียนมาด้วยค่ะที่นี่ไม่มีขาย

สัญญาณโทรศัพท์จะมีแค่ทรู ซึ่งมีสัญญาณบ้างไม่มีบ้าง
มีห้องน้ำไว้บริการ มีถังน้ำให้เช่า เวลาจะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ต้องไปตักน้ำในลำธารมาเองค่ะ
หาบน้ำอย่างกับซีนละครเรื่องนาคี

ที่พีคสุดคือช่วงกลางคืนเลยค่ะ ประทับใจมาก รู้สึกคุ้มค่าและหายเหนื่อย
บนนี้เห็นดาวได้ชัดเจนมาก ดาวเยอะมากจริงๆ สวยจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ต้องไปสัมผัสเองค่ะ


สรุปการเดินทางในครั้งนี้ ส่วนตัวแล้วชอบมาก ประทับใจในความเป็นธรรมชาติ
หายากแล้วที่จะมีสภาพป่าไม้และลำธารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้
ชอบที่เป็นธรรมชาติแบบเดิมๆ ไร้สิ่งอำนวยความสะดวก ถึงแม้ระยะทางจะไกลและลำบาก
แต่มันก็เป็นเหมือนเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ ที่ท้าทายและดึงดูดนักท่องเที่ยว
"ภูสอยดาว" ยังรอคอยให้ทุกคนมาสัมผัส.... สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ผู้ร่วมทริป