รีวิวนี้มีสปอยฉากสำคัญที่มีผลกับเนื้อเรื่องนะ แต่เราครอบสปอยให้แล้วค่ะ
รีวิวเป็นข้อๆนะค่ะ
1 เนื้อเรื่อง ธรรมดามาก ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ได้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี สมเหตุสมผลในตัวของหนังเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไอเท็มของหมอที่หลายคนอาจมองว่าได้มาง่ายไปไหม แต่เรากลับคิดว่ดีแล้ว เพราะไอเท็มทั้ง2 ผ้าคลุม time gem เป็นของชั้นสูงที่จอมเวทย์ระดับสูงจะใช้ได้เท่านี้น การที่หนังจะให้พระเอกได้ของเหล่านี้มาโดยการยกให้ ของอาจารย์ หรืออะไรก็ตาม หนังคงต้องยาวไปกว่านี้ว่าพระเอกสำเร็จวิชาแก่กล้าแล้วโดยเฉพาะ time gem ที่ถือเป็นไอเท็มสำคัญในการปิดเกมทั้งหมด(ตอนจบ) ดังนั้นการที่หนังให้หมอได้มาอย่างสมเหตุนั้นคงจะต้องเป็นการได้มาแบบฟลุคๆ โดยใช้ตัวช่วยจากนิสัยของหมอที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น หลงตัวเองที่อยากจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไวๆ และในขณะที่หมอห้อย time gem อยู่ ตัวร้ายมาบุก มันก็ทำให้หมอต้องใช้ time gem ที่มีอยู่สู้โดยปริยาย
หรือเหตุผลของตัวละครเอง การกระทำของตัวร้ายเค้าก็มีเหตุจูงใจอยู่ เพียงแต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ การเล่าโดยเป็นนามธรรมให้ตัวร้ายมาพูดว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ซึ่งนั้นทำให้ยังไม่ค่อยรู้สึกคล้อยตามเท่าไหร่ (แต่สำหรับ จขกท สัมผัสได้จากนักแสดงนะว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ทำให้เราเชื่อและคล้อยตาม)
2 ตัวละคร หนังจะให้ความสำคัญกับตัวละครหมอเป็นอย่างมาก จนทำให้ตัวละครอื่นๆ ขาดมิติไป แต่ก็ใช่ว่าหนังจะละเลยตัวละครอื่นๆนะค่ะ ทุกตัวมีบทบาทของตัวเอง มีสิ่งที่จะให้ทำ อย่างตัวนางเอกคริสติน ก็ไม่ได้ใส่มาแค่ให้ต้องมีนางเอก แต่มีส่วนช่วยหมออยู่ไม่น้อยทีเดียว หรืออย่าง บารอน มอโด ที่ภาคนี้เหมือนจะไม่มีบทบาทอะไรเลย แต่หนังก็ได้ปูทางเดินไว้สำหรับตัวละครนี้แล้ว(crตัวที่2) ต่อมาก็จะขอพูดถึงตัวหมอกันบ้าง ที่ตอนแรกเป็นคนโอหัง หลงตัวเอง และหนังใส่เหตุการณ์ต่างๆเพื่อให้ตัวละครมีการพัฒนาขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ การที่หมอหลงตัวเองคิดว่าฝึกเวทย์เก่งแล้วตัดสินใจสู้กับไคซีเรียส(ตัวร้าย) ตัวต่อตัว ถ้าไม่ได้ผ้าคลุมมาช่วยหมอคงตายไปแล้ว หรือ การที่หมอขังไคซีเรียสในมิติกระจกและยิ้มหย่องว่าสำเร็จ แต่นั้นกลับเป็นการเพิ่มพลังให้ตัวร้าย ถ้าไม่ได้เอเชี่ยนวันมาช่วยหมอก็คงตายไปอีกนั่นแหละ ซึ่งการมาช่วยนั้นก็ทำให้หมอต้องสูญเสียเอเชี่ยนวันไป
สิ่งเหล่านี้มันเป็นการหล่อหลอมให้หมอได้กลับมาคิดว่าตัวเองก็พลาดได้ และนั่นก็ทำให้หมอลดความโอหังตรงนั้นได้นั่นเอง
3 การดำเนินเรื่อง ถึงแม้เนื้อเรื่องจะสูตรสำเร็จ แต่เราก็สนุกได้จากคาแร็กเตอของหมอ ที่ดูแล้วจะตกหลุมรักได้ไม่อยากเหมือนที่เราเคยตกหลุมรักโทนี่ สตาร์ค บอกเลยการแสดงของพระเอกเอาอยู่มาก ดูแล้วเพลิน สนุก น่ารัก น่าเอ็นดู นอกจากนี้เราจะได้สนุกกับฉากแอ็คชั่นใหม่ๆที่แหวกแนว ในมิติต่างๆ อลังการไปกับงาวิชวลที่บอกเลยว่า เจ๊งโครตๆ และมุขมากมายที่คุณหมอขยันปล่อยจัง (เป็นมุขจิกกัดตามประสาคนอวดดีคล้ายโทนี่ แต่เรารู้สึกว่ามันชอฟกว่า นุ่มกว่า จิกกัดแบบผู้ดี) หรือแม้จะเป็นแค่การพูดคุยการของตัวละครก็ทำให้ดูสนุกได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอนที่หมอยังไม่เชื่อเรื่องเวทมนต์และเถียงกับเอเชี่ยรวัน ไดอาร็อกดีมาก มันทำให้เห็นถึงความเชื่อกันคนละขั้วระหว่างวิทยาศาสตร์กับเวทมนต์ เราดูสนุกมาก รับส่งกันดีมากเลย
4 ข้อคิดดีๆที่เป็นคำสอนตามแนวปรัชญาตะวันออกที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัวในแต่ละสถานการณ์
5 ธีมของนั้นที่เล่าถึง กาลเวลา ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่ว่าเวลาพรากทุกสิ่งไปจากเรา ทั้งชีวิตของเรา(เอเชี่ยนวัน) คนรักของเรา (ไคซีเรียส เหตุผลที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อยากจะให้โลกอยู่ในมิติที่ไม่มีเวลา
และหนังก็ยังคงเล่นธีมนี้ไปจนจบโดยการ ใช้ กาลเวลานี่แหละเป็นตัวปิดเกมทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หมอขังเจ้าแห่งมิติมืดไว้ในห้วงเวลากับตัวเอง
หนังเรื่องนี้มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ อาจด้วยเวลาที่จำกัดทำให้เล่าเรื่องรวบรัดไปบ้าง บางครั้งเรายังไม่ทันได้อินหรือซึมซับอะไรเลยก็ ตัดไปซะแล้ว ซึ่งตรงนี้ทำให้อาจไม่รู้สึกแคร์ตัวละครซักเท่าไหร่ (เหตุผลของตัวร้าย) ที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้อที่1
สรุป เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูในโรงแน่นอน รับรองไม่ผิดหวัง ไม่เสียดายเงิน สำหรับใครที่ไม่อินกับเนื้อเรื่องก็ไปเสพวิชวลงามๆ ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ
พูดคุยฉากที่ชอบ เอาจริงคือชอบทุกฉากเริ่มจากตอนที่หมอมาฝึกเวทย์ แต่ฉากที่ชอบที่สุดเป็นฉากที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หมอกักตัวร้ายกับตัวเองในห้วงเวลา คือไม่คิดว่าวิธีชนะตัวร้ายมันจะแปลกและเกรียนได้ขนาดนี้ แต่ที่ชอบเพราะมันเป็นการที่หมอเอาสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้จากการแหกกฎนี่แหละ ถึงคิดวิธีนี้ออกมาได้ และหว่องที่หัวเราะได้อร่อยมากกกก กก ล้านตัว ขอบคุณนะค่ะที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจมีพิมผิดบ้าง เรียบเรียงไม่ดีบ้าง ก็ขอโทษด้วยนะค่ะ เพิ่งรีวิวเป็นครั้งแรกถ้าไม่ดียังไงก็ติชมได้ค่ะ
ปล. อยากชวนคุยใครมีความคิดเห็นยังไงมาแชร์กัน ชอบไม่ชอบฉากไหนว่ามาเลยค่ะ รออ่านอยู่นะ
[CR] รีวิว+พูดคุยหนัง Doctor Strange
รีวิวเป็นข้อๆนะค่ะ
1 เนื้อเรื่อง ธรรมดามาก ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ได้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี สมเหตุสมผลในตัวของหนังเอง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หรือเหตุผลของตัวละครเอง การกระทำของตัวร้ายเค้าก็มีเหตุจูงใจอยู่ เพียงแต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ การเล่าโดยเป็นนามธรรมให้ตัวร้ายมาพูดว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ซึ่งนั้นทำให้ยังไม่ค่อยรู้สึกคล้อยตามเท่าไหร่ (แต่สำหรับ จขกท สัมผัสได้จากนักแสดงนะว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ทำให้เราเชื่อและคล้อยตาม)
2 ตัวละคร หนังจะให้ความสำคัญกับตัวละครหมอเป็นอย่างมาก จนทำให้ตัวละครอื่นๆ ขาดมิติไป แต่ก็ใช่ว่าหนังจะละเลยตัวละครอื่นๆนะค่ะ ทุกตัวมีบทบาทของตัวเอง มีสิ่งที่จะให้ทำ อย่างตัวนางเอกคริสติน ก็ไม่ได้ใส่มาแค่ให้ต้องมีนางเอก แต่มีส่วนช่วยหมออยู่ไม่น้อยทีเดียว หรืออย่าง บารอน มอโด ที่ภาคนี้เหมือนจะไม่มีบทบาทอะไรเลย แต่หนังก็ได้ปูทางเดินไว้สำหรับตัวละครนี้แล้ว(crตัวที่2) ต่อมาก็จะขอพูดถึงตัวหมอกันบ้าง ที่ตอนแรกเป็นคนโอหัง หลงตัวเอง และหนังใส่เหตุการณ์ต่างๆเพื่อให้ตัวละครมีการพัฒนาขึ้น[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งเหล่านี้มันเป็นการหล่อหลอมให้หมอได้กลับมาคิดว่าตัวเองก็พลาดได้ และนั่นก็ทำให้หมอลดความโอหังตรงนั้นได้นั่นเอง
3 การดำเนินเรื่อง ถึงแม้เนื้อเรื่องจะสูตรสำเร็จ แต่เราก็สนุกได้จากคาแร็กเตอของหมอ ที่ดูแล้วจะตกหลุมรักได้ไม่อยากเหมือนที่เราเคยตกหลุมรักโทนี่ สตาร์ค บอกเลยการแสดงของพระเอกเอาอยู่มาก ดูแล้วเพลิน สนุก น่ารัก น่าเอ็นดู นอกจากนี้เราจะได้สนุกกับฉากแอ็คชั่นใหม่ๆที่แหวกแนว ในมิติต่างๆ อลังการไปกับงาวิชวลที่บอกเลยว่า เจ๊งโครตๆ และมุขมากมายที่คุณหมอขยันปล่อยจัง (เป็นมุขจิกกัดตามประสาคนอวดดีคล้ายโทนี่ แต่เรารู้สึกว่ามันชอฟกว่า นุ่มกว่า จิกกัดแบบผู้ดี) หรือแม้จะเป็นแค่การพูดคุยการของตัวละครก็ทำให้ดูสนุกได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4 ข้อคิดดีๆที่เป็นคำสอนตามแนวปรัชญาตะวันออกที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัวในแต่ละสถานการณ์
5 ธีมของนั้นที่เล่าถึง กาลเวลา ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่ว่าเวลาพรากทุกสิ่งไปจากเรา ทั้งชีวิตของเรา(เอเชี่ยนวัน) คนรักของเรา (ไคซีเรียส เหตุผลที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และหนังก็ยังคงเล่นธีมนี้ไปจนจบโดยการ ใช้ กาลเวลานี่แหละเป็นตัวปิดเกมทั้งหมด [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หนังเรื่องนี้มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ อาจด้วยเวลาที่จำกัดทำให้เล่าเรื่องรวบรัดไปบ้าง บางครั้งเรายังไม่ทันได้อินหรือซึมซับอะไรเลยก็ ตัดไปซะแล้ว ซึ่งตรงนี้ทำให้อาจไม่รู้สึกแคร์ตัวละครซักเท่าไหร่ (เหตุผลของตัวร้าย) ที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้อที่1
สรุป เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูในโรงแน่นอน รับรองไม่ผิดหวัง ไม่เสียดายเงิน สำหรับใครที่ไม่อินกับเนื้อเรื่องก็ไปเสพวิชวลงามๆ ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ
พูดคุยฉากที่ชอบ เอาจริงคือชอบทุกฉากเริ่มจากตอนที่หมอมาฝึกเวทย์ แต่ฉากที่ชอบที่สุดเป็นฉากที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอบคุณนะค่ะที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจมีพิมผิดบ้าง เรียบเรียงไม่ดีบ้าง ก็ขอโทษด้วยนะค่ะ เพิ่งรีวิวเป็นครั้งแรกถ้าไม่ดียังไงก็ติชมได้ค่ะ
ปล. อยากชวนคุยใครมีความคิดเห็นยังไงมาแชร์กัน ชอบไม่ชอบฉากไหนว่ามาเลยค่ะ รออ่านอยู่นะ