27 ต.ค.59 รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ได้เชิญสมาคมโรงสีข้าวไทย มาหารือถึงแนวโน้มผลผลิตข้าวที่กำลังจะออกสู่ตลาดใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ที่จะมีปริมาณค่อนข้างมาก เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ให้ขายข้าวเปลือกในราคาต่ำ เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะโรงสีทั่วประเทศมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่อยู่แล้ว รวมทั้งรัฐบาลมีมาตรการเข้าไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจากมาตรการต่างๆที่จะช่วยเหลือชาวนา และมาตรการช่วยเหลือโรงสีที่เข้าร่วมโครงการพยุงราคาข้าวเปลือก ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนหน้านี้ จะเป็นมาตรการที่ช่วยลดผลกระทบจากปริมาณข้าวเปลือกในฤดูกาลใหม่ ที่จะมีปริมาณออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

รายงานข่าว ระบุว่า ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรบางพื้นที่ว่าขายข้าวเปลือกไม่ได้ราคาดีในช่วงนี้ และเท่าที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่พื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม เกษตรกรจะเร่งเก็บเกี่ยวข้าว เพราะเกรงปัญหาข้าวเน่าเสียทั้งหมด จึงยอมเก็บเกี่ยวข้าวในนา ซึ่งมีความชื้นสูงเกินกว่า 30% ทำให้ราคารับซื้อจากโรงสีเหลือเพียงตันละ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น แต่หากเป็นข้าวเปลือกที่มีความชื้น 15-20% ราคารับซื้อเฉลี่ยตันละ 7,000-8,000 บาท และเป็นราคาตลาดขณะนี้

ขณะที่จากการตรวจสอบวงการค้าข้าว พบว่า ราคาซื้อขายข้าวล่วงหน้า เดือน ธ.ค.59 ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ส่งออกข้าวซื้อข้าวสารหอมมะลิกับผู้ประกอบการโรงสีตันละ 15,800 บาท หรือกิโลกรัมละ 15.80 บาท เมื่อทอนเป็นราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ จะอยู่ที่ตันละ 8,000 บาทเศษ เนื่องจากราคาส่งออกข้าวหอมมะลิที่ซื้อขายล่วงหน้านั้น ต่ำกว่าตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นราคาต่ำสุดมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจากตลาดเกิดภาวะตื่นตระหนก จากผลผลิตข้าวที่เพิ่มมากขึ้นเกือบทุกประเทศ ทำให้ตั้งราคาขายต่ำ

http://www.thairath.co.th/content/766372