ต้องบอกเลยว่า การเขียนบทความครั้งนี้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่ต้องใช้ความกล้ามากที่สุดในชีวิต
เพราะเป็นการเผยตัวตนด้านมืดจากอดีตเป็นครั้งแรกในที่สาธารณะ แต่ว่า ความรู้สึกได้เปลี่ยนไป จากความกลัวที่เคยมีเต็มหัวใจ
เป็นความกล้า และรักที่จะแสดงให้โลกรู้ว่า "หากไม่มีโลกมืดในวันนั้น ก็ไม่มีเราในวันนี้" เช่นกัน
เหมือนอย่างที่เขาบอกไว้ว่า เราจะเห็นดวงดาว เฉพาะในวันที่มืดมน เท่านั้น
หากไม่อยู่ในนรก จะรู้ได้ยังไงว่าสวรรค์คืออะไร
นั่นคือสิ่งที่แนนอยากจะบอกกับทุกคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้
แนนเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาจากครอบครัวฐานะปานกลางถึงยากจน
เราไม่มีเงินเหมือนคนอื่นเขา ที่จะไปโรงเรียนแบบไม่คิดอะไรก็ได้
แนนต้องทำงานหนักกับแม่และน้อง เพราะพ่อที่เสียไป
ตื่นมาขายของเช้ามืดตี 3 ทุกวัน และไปโรงเรียน
ทำให้ในตัวเองมีความทะเยอทะยาน และต้องการได้ดีอยู่เสมอ
เพราะอยากให้แม่สบาย ครอบครัวสบาย
ช่วงวัยรุ่นแนนตั้งใจเรียนมากสอบได้ที่ 1 ได้ทุนทุกครั้งที่มีเข้ามา
แต่ด้วยปมในใจ จากครอบครัว จากพ่อแม่ (ก่อนพ่อเสียชีวิตจากเราไป)
ครอบครัวเราเลี้ยงมาด้วยความรุนแรงพอสมควร
พ่อติดเหล้า และมีปัญหากับแม่ทุกวัน
แนนจำได้ติดตาครั้งหนึ่ง...แนนจะเห็นแม่หลบอยู่ใต้เตียงบ้าง กำแพงบ้านบ้าง หลังบ้านบ้าง
ในโอ่งบ้าง โอ......สารพัดจะหามาที่ซ่อน นึกว่าแม่เล่นอะไร แต่แม่ก็จะบอกว่า "ห้ามบอกพ่อนะ ว่าแม่อยู่นี่"
แต่ไม่ทันไร พ่อเหมือนจะรู้ตลอดว่าแม่หลบอยู่ที่ไหน (สงสัยหากันบ่อย)
หาเจอได้เมื่อไหร่ ก็ลงไม้ลงมือกับแม่ทุกที เพราะเขาเมา และ อารมณ์รุนแรงเสมอ
และเรากับน้องก็เจอลูกหลงทุกครั้ง
ไปโรงเรียนเป็นจ้ำๆเขียวๆ ก็ต้องบอกครูว่า "หนูเล่นซนเอง" ไม่อยากให้ครูถาม
จริงๆแล้วพ่อแนนเป็นคนที่ฉลาดมาก ต้องบอกว่าการรักเรียนของแนนก็มาจากเขาด้วย
เขาสอนในมุมมองที่อยู่บนหลักความเป็นจริง (จนเกินไป)
เขาจะไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่การทำความดีบางอย่างก็ตาม
เขาจะมีทฤษฎีการใช้ชีวิตแปลกๆ เหมือนจะใช่ แต่ก็ไม่ถูกต้อง ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกตอนนั้น แนนเด็กมาก
แต่แนนก็รักเขาเสมอ เพราะดูเหมือนเขาจะร้ายกับคนอื่นไปทั่ว แต่กับแนนเขาหวงและห่วงมาก
จนไม่กล้าจะพาเพื่อน หรือผู้ชายเข้าบ้านเลยทีเดียว
ผ่านไปสักระยะ แนนคิดว่า แม่คงทนไม่ไหวแล้ว ต้องขอแยกทางและหย่ากับพ่อ
เราก็เหมือนบ้านแตก ต้องเลือกว่าใครจะอยู่กับใคร
แม่เลือกที่จะเลี้ยงแนน และน้องก็อยากอยู่กับพ่อ
เราเลยต้องแยกทางกัน แนนกับน้องก็ได้แยกกันตั้งแต่ตอนนั้น
เราเล่นด้วยกันตลอด พอถึงเวลาที่ต้องแยก น้ำตาเราไหลทุกวัน
สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์ มีแต่จดหมาย เราก็เขียนหากัน กว่าจะได้รับจดหมายแต่ละครั้ง รอแล้วววรออีก เปิดตู้จดหมายทุกวัน
รู้เลยว่า "สมัยนี้" ทุกอย่างมันเร็วมาก ไม่มีระยะเวลาให้คิดถึงกันเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน "คุณค่าของการรอคอย" มันมีเยอะมาก
แต่ตอนนี้ "คนไม่ค่อยเห็นค่าของเวลาและการรอคอย"
ใจร้อนกันมากขึ้น เพราะเคยได้อะไรกันง่ายๆ ไม่ชอบอะไรก็ทิ้งง่ายๆ #แฟนก็เช่นกัน
แนนจำได้ว่า แนนชอบขอแม่ว่า "แนนขอไปนอนกับน้องได้มั้ย" สุดสัปดาห์ก็ได้
แม่จะหันมาค้อนและบอกว่า "จะไปหาพ่อละสิ" แนนก็จะทำหน้าหงอยและตอบเสียงสูงงงง ป๊าววววว!!!! คิดถึงน้อง
แม่ก็จะบอกว่า "ถ้าจะไปอยู่กับพ่อก็ไปเลยนะ" "ใช่สิ อยู่กับแม่มันต้องทำงาน อยู่กับพ่อสบายใช่มั้ยละ"
โอ้ แม่เจ้า....ใครเข้าฝันนางเนี่ย ถึงจินตนาการได้ถึงประมาณนั้น แต่ด้วยว่าเราเข้าใจเค้า เค้าน้อยใจตามประสาหัวอกแม่
เราก็กอดเค้าและบอกว่า "รักแม่ที่สุดล่ะ ไปไม่นานน้าา"
แนนจำได้เลยว่า คืนแรก แนนไปนอนกับพ่อ พ่อให้เราสองคนนอนบนแขนทั้งสองข้างเค้า
โดยไม่บ่นสักคำ และเขาก็จะบอกว่า "พ่อรักลูกนะ" "พ่อไม่อยากแยกกับแม่เลย" "พ่ออยากให้แม่กลับมา"
แนนรู้เลยว่า พ่อรักแม่มากขนาดไหน แนนจะแอบเห็นเขาน้ำตาซึมตลอดเวลาพูด แต่พอแนนจ้องดีดี เขาก็จะทำเป็นหน้าเข้ม
แล้วบอกว่า "ไปเล่นไป พ่อจะทำงาน" พ่อเป็นคนแสดงออกไม่เป็น แนนจะชอบผูกเชือกรองเท้าทหารให้เค้าก่อนออกไปที่ทำงาน
ขัดร้องเท้าให้เค้าดำมันวาวเลย และทำกับข้าวให้ เพราะเวลาแนนไม่อยู่ "พ่อจะได้คิดถึงแนนบ้าง"
คืนหนึ่ง แนนตื่นมา แนนพบว่า พ่อหายไป
เหลือแต่น้องกับแนนบนเตียง ในใจคิดว่า "พ่อไปไหนวะ??" นั่งคิด นอนคิด
แต่เหมือนมีเสียงบางอย่างที่บอกในหัวแนนว่า
"ลองออกไปดูข้างนอก ลองเดินไป" และนี่ก็คือ ....จุดเริ่มต้น....ของเสียงเล็กๆที่แนนมีในหัว
เป็น...จุดเริ่มต้น...ของการพาแนนเดินทางไปทั่วโลก พาแนนผจญภัย ทั้งในโลกของแสงสว่าง และโลกอันมืดมิดทรมาน
ที่แนนจะเริ่มบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟัง และเป็นที่มาของ "เสียงเล็กๆ" ที่ได้พาแนนเลิกเหล้าและยาเสพติดที่แสนจะเลิกยากมากมาย
ตอนนั้น แนนไม่รู้หรอกว่า "เสียงนั้น" เรียกว่าอะไร แต่แนน "เชื่อ" และตามเสียงนั้นไป
แนนเดินออกไปนอกบ้านชุดนอน...เดินตามถนนไป ตอนนั้นน่าจะ ตี2 ได้ มีแต่ไฟข้างทาง
แต่โชคดีที่เป็นค่ายทหาร เลยไม่น่ากลัว (คิดเองว่างั้น) ตอนนั้นคิดแค่ว่า จะต้องหาพ่อให้เจอ
เดินไปสักระยะเหนื่อยได้อยู่ ก็เห็นป้อมยามทหาร เราก็เลยวิ่ง 400 ม. วิ่งเร็วเลย
ดีใจตอนนั้น คิดว่าน่าจะได้เบาะแสอะไรสักอย่าง
วิ่งถึงป้อมยามแบบหอบมาก ถามไม่เป็นศัพท์ เพราะตอนนั้นที่วิ่งเพราะมันมืดและกลัวผี กลัวไปหมด
แต่ต้องวิ่งต่อเพราะเป็นห่วงพ่อ
ถามพี่ยามทหาร เค้าก็บอกว่าเห็นพ่อหนู ขับรถออกไปด้านนอก เลี้ยวซ้าย แค่นั้น.....ห๊าาาา อ่าว วิ่งมาตั้งไกล
คิดว่าน่าจะได้คำตอบ อะไรมากกว่านี้ ได้แค่ว่า....เลี้ยวซ้าย!
ในใจคิดว่าเอาไงต่อ มาถึงขั้นนี้แล้ว น้ำตาไหล ร้องไห้โฮ
ห่วงน้อง ตื่นมาไม่เจอใครทำไง แต่ก็ห่วงพ่อ กลัวพ่อเป็นอะไร
นั่งริมถนนสักพักรอน้ำตาแห้ง แล้วบอกในใจตัวเองว่า
ขอให้เสียงเล็กๆเมื่อกี๊ บอกอีกที ว่าพ่ออยู่ไหน แนนจะขอเดินไปอีกสักระยะ
เลยตัดสินใจเดินเลี้ยวซ้าย ตามที่พี่ยามบอก เดินไปเรื่อยๆ แต่เหมือนมีอะไรให้หยุด
และมองไปที่แสงสี ด้านขวาของถนน
เป็นร้านเล็กๆ เหมือนจะมีดนตรี เอะใจ คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ.....แหม่ ผู้อ่านตามมาถึงตรงนี้พอจะเดาออกใช่มั้ยคะ
ไม่ต้องมีเสียงเล็กๆในหัวอีกแล้ว ค่อนข้างมั่นใจ พ่อเราต้องไปอยู่แถวนั้นแน่นอน
แล้วก็จ้ำอ้าวๆๆๆๆ เดินดุ่ม เข้าไปในร้าน เด็กอายุ 12 ปี เดินหาพ่อ ณ ตอนนั้น ทุกคนในร้านก็ตกใจ
เห็นหัวตะคุ่มๆ เหมือนหัวพ่อเราเลย เดินเข้าไปนั่งลง ฮึบ! ไม่พูดไม่จา ยกแก้วเหล้าพ่อขึ้นมาดื่ม เอื๊อกๆๆๆ หมดแก้ว
ไม่ใช่อะไร เหนื่อยยยย!!!! เดินมาเป็นกิโล
นั่นถือได้ว่า "เป็นการลิ้มรสชาติของสุราเป็นครั้งแรกและรู้สึกดีด้วยสิ"
หันมามองพ่อนั่งรายล้อมด้วยนักร้องสาวสวย พ่อทำหน้าจิ้มลิ้ม เหมือนเด็กโดนจับได้ ว่าออกมาทำอะไร
แนนเลยบอกนักร้องทุกคนที่นั่งข้างพ่อว่า "หมดเวลาค่ะ" "หมวดสุเรนทร์ (ชื่อพ่อตอนนั้น ชอบเรียกเค้าแบบนี้ เค้าชอบ) ต้องกลับบ้านแล้ว! ลูกต้องไปโรงเรียน เด็กเสริฟ เก็บโต๊ะ เช็คบิล!!!!"
แล้วบอกพ่อว่า "ปะ พ่อกลับบ้าน" พ่อก็เดินตามแบบเชื่อฟัง (สงสัยท่าจะกรึ่ม)
กลับถึงบ้านน้องก็ร้องหา ไปไหนกัน พ่อก็ล้มตัวนอนด้วยความเมา ส่วนแนนก็เหนื่อยมาก นอนหลับไปตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย
แนนไม่รู้เลยว่าหลังจาก3 ปี นับจากนั้น พ่อแนนได้จากโลกนี้ และแนนเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้ไปหาพ่อที่โรงพยาบาลเพราะติดเข้าค่ายที่โรงเรียน
ออกจากค่ายมาตอนเย็น กะว่าตอนเช้าจะรีบตื่นไปดูพ่อ แต่ตอนเที่ยงคืน แม่ก็มากระซิบที่หูว่า "พ่อไปแล้ว ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว"
แนนร้องไห้หน้าโรงศพพ่ออยู่ทั้งคืน เพราะแนนรู้ว่า ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
จะไม่มีพ่อ ที่คอยมาซุ่มรอหน้าโรงเรียน แบบแอบๆ ใส่ชุดดำพลางตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
(พ่อชอบทำตัวเป็นสายลับ พ่อบอกว่าเค้าเป็นสายลับ มาปกติแบบพ่อคนอื่นไม่ได้)
จะไม่มีคนที่แนนคอยขัดร้องเท้า เช็ดรองเท้าอีกต่อไป
จะไม่มีคนคอยหวงลูกจากผู้ชายที่เข้ามาจีบอีกแล้ว
แล้วชีวิตแนนก็เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากพ่อเสีย
เริ่มเป็นเด็กมีปัญหา หนีออกจากบ้าน คบเพื่อนไม่ดี ติดเหล้า และเข้าสู่วงการยาเสพติดอย่างจริงจัง
ตอนนั้นแนนเอ็นติดมหาลัยเชียงใหม่ ได้สมัครเป็นนักร้องนำอยู่วงดนตรีร้านชื่อดังร้านหนึ่ง
และการเดินทางชีวิตแนนได้เปลี่ยนไป....จากเด็กนักเรียนทุน ประธานนักเรียน ประกวดอะไรชนะมาหมด
กลับมาตายและตกนรกทั้งเป็นจากที่เราเรียกว่า เหล้าสุรา ยาเสพติด
หรือแนนเรียกเขาว่า "ยาความสุขชั่วคราว" แต่ค่าตอบแทนความสุขชั่วคราวนั้น มันมากมายเหลือเกิน
หวังว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ยังคงอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ
แล้วแนนจะมาเล่าให้ฟังว่า ความมืดมนเหมือนตกนรก ความเศร้า โรคซึมเศร้า
ปัญหาอาการติดต่างๆมันเป็นอย่างไร
เช่น ติดเหล้า / ติดยา / ติดรัก / ติด SEX / ติดคนตามใจ / ติดเพื่อน / ติดดราม่า / ติดทุกข์
ทุกอย่างที่บอกข้างต้นมันมีที่มา และแนนก็ได้ผ่านอาการติดทุกอย่างมาหมด
แต่เราจะสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้น และกลับมามีความสุขอีกครั้งได้ยังไง
ไม่ต้องพึ่งหมอ หรือการรักษา ที่ไหน แค่ตัวเราเองเท่านั้น ใครสนใจ
ติดตามตอนต่อไปค่ะ.......
ด้วยรัก แนน-สุธิดา
จากนักร้องวงร๊อคติดเหล้าติดยา มาสู่เส้นทางสร้างแรงบันดาลใจผู้คน
เพราะเป็นการเผยตัวตนด้านมืดจากอดีตเป็นครั้งแรกในที่สาธารณะ แต่ว่า ความรู้สึกได้เปลี่ยนไป จากความกลัวที่เคยมีเต็มหัวใจ
เป็นความกล้า และรักที่จะแสดงให้โลกรู้ว่า "หากไม่มีโลกมืดในวันนั้น ก็ไม่มีเราในวันนี้" เช่นกัน
เหมือนอย่างที่เขาบอกไว้ว่า เราจะเห็นดวงดาว เฉพาะในวันที่มืดมน เท่านั้น
หากไม่อยู่ในนรก จะรู้ได้ยังไงว่าสวรรค์คืออะไร
นั่นคือสิ่งที่แนนอยากจะบอกกับทุกคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้
แนนเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาจากครอบครัวฐานะปานกลางถึงยากจน
เราไม่มีเงินเหมือนคนอื่นเขา ที่จะไปโรงเรียนแบบไม่คิดอะไรก็ได้
แนนต้องทำงานหนักกับแม่และน้อง เพราะพ่อที่เสียไป
ตื่นมาขายของเช้ามืดตี 3 ทุกวัน และไปโรงเรียน
ทำให้ในตัวเองมีความทะเยอทะยาน และต้องการได้ดีอยู่เสมอ
เพราะอยากให้แม่สบาย ครอบครัวสบาย
ช่วงวัยรุ่นแนนตั้งใจเรียนมากสอบได้ที่ 1 ได้ทุนทุกครั้งที่มีเข้ามา
แต่ด้วยปมในใจ จากครอบครัว จากพ่อแม่ (ก่อนพ่อเสียชีวิตจากเราไป)
ครอบครัวเราเลี้ยงมาด้วยความรุนแรงพอสมควร
พ่อติดเหล้า และมีปัญหากับแม่ทุกวัน
แนนจำได้ติดตาครั้งหนึ่ง...แนนจะเห็นแม่หลบอยู่ใต้เตียงบ้าง กำแพงบ้านบ้าง หลังบ้านบ้าง
ในโอ่งบ้าง โอ......สารพัดจะหามาที่ซ่อน นึกว่าแม่เล่นอะไร แต่แม่ก็จะบอกว่า "ห้ามบอกพ่อนะ ว่าแม่อยู่นี่"
แต่ไม่ทันไร พ่อเหมือนจะรู้ตลอดว่าแม่หลบอยู่ที่ไหน (สงสัยหากันบ่อย)
หาเจอได้เมื่อไหร่ ก็ลงไม้ลงมือกับแม่ทุกที เพราะเขาเมา และ อารมณ์รุนแรงเสมอ
และเรากับน้องก็เจอลูกหลงทุกครั้ง
ไปโรงเรียนเป็นจ้ำๆเขียวๆ ก็ต้องบอกครูว่า "หนูเล่นซนเอง" ไม่อยากให้ครูถาม
จริงๆแล้วพ่อแนนเป็นคนที่ฉลาดมาก ต้องบอกว่าการรักเรียนของแนนก็มาจากเขาด้วย
เขาสอนในมุมมองที่อยู่บนหลักความเป็นจริง (จนเกินไป)
เขาจะไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่การทำความดีบางอย่างก็ตาม
เขาจะมีทฤษฎีการใช้ชีวิตแปลกๆ เหมือนจะใช่ แต่ก็ไม่ถูกต้อง ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกตอนนั้น แนนเด็กมาก
แต่แนนก็รักเขาเสมอ เพราะดูเหมือนเขาจะร้ายกับคนอื่นไปทั่ว แต่กับแนนเขาหวงและห่วงมาก
จนไม่กล้าจะพาเพื่อน หรือผู้ชายเข้าบ้านเลยทีเดียว
ผ่านไปสักระยะ แนนคิดว่า แม่คงทนไม่ไหวแล้ว ต้องขอแยกทางและหย่ากับพ่อ
เราก็เหมือนบ้านแตก ต้องเลือกว่าใครจะอยู่กับใคร
แม่เลือกที่จะเลี้ยงแนน และน้องก็อยากอยู่กับพ่อ
เราเลยต้องแยกทางกัน แนนกับน้องก็ได้แยกกันตั้งแต่ตอนนั้น
เราเล่นด้วยกันตลอด พอถึงเวลาที่ต้องแยก น้ำตาเราไหลทุกวัน
สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์ มีแต่จดหมาย เราก็เขียนหากัน กว่าจะได้รับจดหมายแต่ละครั้ง รอแล้วววรออีก เปิดตู้จดหมายทุกวัน
รู้เลยว่า "สมัยนี้" ทุกอย่างมันเร็วมาก ไม่มีระยะเวลาให้คิดถึงกันเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน "คุณค่าของการรอคอย" มันมีเยอะมาก
แต่ตอนนี้ "คนไม่ค่อยเห็นค่าของเวลาและการรอคอย"
ใจร้อนกันมากขึ้น เพราะเคยได้อะไรกันง่ายๆ ไม่ชอบอะไรก็ทิ้งง่ายๆ #แฟนก็เช่นกัน
แนนจำได้ว่า แนนชอบขอแม่ว่า "แนนขอไปนอนกับน้องได้มั้ย" สุดสัปดาห์ก็ได้
แม่จะหันมาค้อนและบอกว่า "จะไปหาพ่อละสิ" แนนก็จะทำหน้าหงอยและตอบเสียงสูงงงง ป๊าววววว!!!! คิดถึงน้อง
แม่ก็จะบอกว่า "ถ้าจะไปอยู่กับพ่อก็ไปเลยนะ" "ใช่สิ อยู่กับแม่มันต้องทำงาน อยู่กับพ่อสบายใช่มั้ยละ"
โอ้ แม่เจ้า....ใครเข้าฝันนางเนี่ย ถึงจินตนาการได้ถึงประมาณนั้น แต่ด้วยว่าเราเข้าใจเค้า เค้าน้อยใจตามประสาหัวอกแม่
เราก็กอดเค้าและบอกว่า "รักแม่ที่สุดล่ะ ไปไม่นานน้าา"
แนนจำได้เลยว่า คืนแรก แนนไปนอนกับพ่อ พ่อให้เราสองคนนอนบนแขนทั้งสองข้างเค้า
โดยไม่บ่นสักคำ และเขาก็จะบอกว่า "พ่อรักลูกนะ" "พ่อไม่อยากแยกกับแม่เลย" "พ่ออยากให้แม่กลับมา"
แนนรู้เลยว่า พ่อรักแม่มากขนาดไหน แนนจะแอบเห็นเขาน้ำตาซึมตลอดเวลาพูด แต่พอแนนจ้องดีดี เขาก็จะทำเป็นหน้าเข้ม
แล้วบอกว่า "ไปเล่นไป พ่อจะทำงาน" พ่อเป็นคนแสดงออกไม่เป็น แนนจะชอบผูกเชือกรองเท้าทหารให้เค้าก่อนออกไปที่ทำงาน
ขัดร้องเท้าให้เค้าดำมันวาวเลย และทำกับข้าวให้ เพราะเวลาแนนไม่อยู่ "พ่อจะได้คิดถึงแนนบ้าง"
คืนหนึ่ง แนนตื่นมา แนนพบว่า พ่อหายไป
เหลือแต่น้องกับแนนบนเตียง ในใจคิดว่า "พ่อไปไหนวะ??" นั่งคิด นอนคิด
แต่เหมือนมีเสียงบางอย่างที่บอกในหัวแนนว่า
"ลองออกไปดูข้างนอก ลองเดินไป" และนี่ก็คือ ....จุดเริ่มต้น....ของเสียงเล็กๆที่แนนมีในหัว
เป็น...จุดเริ่มต้น...ของการพาแนนเดินทางไปทั่วโลก พาแนนผจญภัย ทั้งในโลกของแสงสว่าง และโลกอันมืดมิดทรมาน
ที่แนนจะเริ่มบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟัง และเป็นที่มาของ "เสียงเล็กๆ" ที่ได้พาแนนเลิกเหล้าและยาเสพติดที่แสนจะเลิกยากมากมาย
ตอนนั้น แนนไม่รู้หรอกว่า "เสียงนั้น" เรียกว่าอะไร แต่แนน "เชื่อ" และตามเสียงนั้นไป
แนนเดินออกไปนอกบ้านชุดนอน...เดินตามถนนไป ตอนนั้นน่าจะ ตี2 ได้ มีแต่ไฟข้างทาง
แต่โชคดีที่เป็นค่ายทหาร เลยไม่น่ากลัว (คิดเองว่างั้น) ตอนนั้นคิดแค่ว่า จะต้องหาพ่อให้เจอ
เดินไปสักระยะเหนื่อยได้อยู่ ก็เห็นป้อมยามทหาร เราก็เลยวิ่ง 400 ม. วิ่งเร็วเลย
ดีใจตอนนั้น คิดว่าน่าจะได้เบาะแสอะไรสักอย่าง
วิ่งถึงป้อมยามแบบหอบมาก ถามไม่เป็นศัพท์ เพราะตอนนั้นที่วิ่งเพราะมันมืดและกลัวผี กลัวไปหมด
แต่ต้องวิ่งต่อเพราะเป็นห่วงพ่อ
ถามพี่ยามทหาร เค้าก็บอกว่าเห็นพ่อหนู ขับรถออกไปด้านนอก เลี้ยวซ้าย แค่นั้น.....ห๊าาาา อ่าว วิ่งมาตั้งไกล
คิดว่าน่าจะได้คำตอบ อะไรมากกว่านี้ ได้แค่ว่า....เลี้ยวซ้าย!
ในใจคิดว่าเอาไงต่อ มาถึงขั้นนี้แล้ว น้ำตาไหล ร้องไห้โฮ
ห่วงน้อง ตื่นมาไม่เจอใครทำไง แต่ก็ห่วงพ่อ กลัวพ่อเป็นอะไร
นั่งริมถนนสักพักรอน้ำตาแห้ง แล้วบอกในใจตัวเองว่า
ขอให้เสียงเล็กๆเมื่อกี๊ บอกอีกที ว่าพ่ออยู่ไหน แนนจะขอเดินไปอีกสักระยะ
เลยตัดสินใจเดินเลี้ยวซ้าย ตามที่พี่ยามบอก เดินไปเรื่อยๆ แต่เหมือนมีอะไรให้หยุด
และมองไปที่แสงสี ด้านขวาของถนน
เป็นร้านเล็กๆ เหมือนจะมีดนตรี เอะใจ คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ.....แหม่ ผู้อ่านตามมาถึงตรงนี้พอจะเดาออกใช่มั้ยคะ
ไม่ต้องมีเสียงเล็กๆในหัวอีกแล้ว ค่อนข้างมั่นใจ พ่อเราต้องไปอยู่แถวนั้นแน่นอน
แล้วก็จ้ำอ้าวๆๆๆๆ เดินดุ่ม เข้าไปในร้าน เด็กอายุ 12 ปี เดินหาพ่อ ณ ตอนนั้น ทุกคนในร้านก็ตกใจ
เห็นหัวตะคุ่มๆ เหมือนหัวพ่อเราเลย เดินเข้าไปนั่งลง ฮึบ! ไม่พูดไม่จา ยกแก้วเหล้าพ่อขึ้นมาดื่ม เอื๊อกๆๆๆ หมดแก้ว
ไม่ใช่อะไร เหนื่อยยยย!!!! เดินมาเป็นกิโล
นั่นถือได้ว่า "เป็นการลิ้มรสชาติของสุราเป็นครั้งแรกและรู้สึกดีด้วยสิ"
หันมามองพ่อนั่งรายล้อมด้วยนักร้องสาวสวย พ่อทำหน้าจิ้มลิ้ม เหมือนเด็กโดนจับได้ ว่าออกมาทำอะไร
แนนเลยบอกนักร้องทุกคนที่นั่งข้างพ่อว่า "หมดเวลาค่ะ" "หมวดสุเรนทร์ (ชื่อพ่อตอนนั้น ชอบเรียกเค้าแบบนี้ เค้าชอบ) ต้องกลับบ้านแล้ว! ลูกต้องไปโรงเรียน เด็กเสริฟ เก็บโต๊ะ เช็คบิล!!!!"
แล้วบอกพ่อว่า "ปะ พ่อกลับบ้าน" พ่อก็เดินตามแบบเชื่อฟัง (สงสัยท่าจะกรึ่ม)
กลับถึงบ้านน้องก็ร้องหา ไปไหนกัน พ่อก็ล้มตัวนอนด้วยความเมา ส่วนแนนก็เหนื่อยมาก นอนหลับไปตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย
แนนไม่รู้เลยว่าหลังจาก3 ปี นับจากนั้น พ่อแนนได้จากโลกนี้ และแนนเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้ไปหาพ่อที่โรงพยาบาลเพราะติดเข้าค่ายที่โรงเรียน
ออกจากค่ายมาตอนเย็น กะว่าตอนเช้าจะรีบตื่นไปดูพ่อ แต่ตอนเที่ยงคืน แม่ก็มากระซิบที่หูว่า "พ่อไปแล้ว ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว"
แนนร้องไห้หน้าโรงศพพ่ออยู่ทั้งคืน เพราะแนนรู้ว่า ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
จะไม่มีพ่อ ที่คอยมาซุ่มรอหน้าโรงเรียน แบบแอบๆ ใส่ชุดดำพลางตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
(พ่อชอบทำตัวเป็นสายลับ พ่อบอกว่าเค้าเป็นสายลับ มาปกติแบบพ่อคนอื่นไม่ได้)
จะไม่มีคนที่แนนคอยขัดร้องเท้า เช็ดรองเท้าอีกต่อไป
จะไม่มีคนคอยหวงลูกจากผู้ชายที่เข้ามาจีบอีกแล้ว
แล้วชีวิตแนนก็เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากพ่อเสีย
เริ่มเป็นเด็กมีปัญหา หนีออกจากบ้าน คบเพื่อนไม่ดี ติดเหล้า และเข้าสู่วงการยาเสพติดอย่างจริงจัง
ตอนนั้นแนนเอ็นติดมหาลัยเชียงใหม่ ได้สมัครเป็นนักร้องนำอยู่วงดนตรีร้านชื่อดังร้านหนึ่ง
และการเดินทางชีวิตแนนได้เปลี่ยนไป....จากเด็กนักเรียนทุน ประธานนักเรียน ประกวดอะไรชนะมาหมด
กลับมาตายและตกนรกทั้งเป็นจากที่เราเรียกว่า เหล้าสุรา ยาเสพติด
หรือแนนเรียกเขาว่า "ยาความสุขชั่วคราว" แต่ค่าตอบแทนความสุขชั่วคราวนั้น มันมากมายเหลือเกิน
หวังว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ยังคงอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ
แล้วแนนจะมาเล่าให้ฟังว่า ความมืดมนเหมือนตกนรก ความเศร้า โรคซึมเศร้า
ปัญหาอาการติดต่างๆมันเป็นอย่างไร
เช่น ติดเหล้า / ติดยา / ติดรัก / ติด SEX / ติดคนตามใจ / ติดเพื่อน / ติดดราม่า / ติดทุกข์
ทุกอย่างที่บอกข้างต้นมันมีที่มา และแนนก็ได้ผ่านอาการติดทุกอย่างมาหมด
แต่เราจะสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้น และกลับมามีความสุขอีกครั้งได้ยังไง
ไม่ต้องพึ่งหมอ หรือการรักษา ที่ไหน แค่ตัวเราเองเท่านั้น ใครสนใจ
ติดตามตอนต่อไปค่ะ.......
ด้วยรัก แนน-สุธิดา