เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย กล่าวว่า สืบเนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 58/2559 เพื่อให้คนพิการที่เป็นผู้ประกันตนได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลจากกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และทางสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ออกประกาศมารองรับให้ผู้พิการ ที่เป็นผู้ประกันตนต้องโอนสิทธิไปใช้บัตรทอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2559 ซึ่งทางสมาคมเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม ควรให้ผู้พิการมีสิทธิในการเลือกใช้สิทธิรักษาสุขภาพฯ ว่าจะเลือกสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง หรือสิทธิประกันสังคม โดยปัจจุบันผู้พิการในประกันสังคมมีกว่าหมื่นคน ควรจะมีการสอบถามพวกเขาก่อนหรือไม่ เพราะเมื่อมีการจ่ายเงินสมทบ แสดงว่าคนส่วนหนึ่งก็ต้องการใช้สิทธิประกันสังคม
“ทางสมาคมอยู่ระหว่างประสานเพื่อขอหารือกับ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานกรรมการประกันสังคม ขอให้ทบทวนเรื่องนี้ เนื่องจากตามเจตนารมณ์ของคำสั่ง คสช. เชื่อว่าต้องการให้มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในการรับบริการทางการแพทย์ได้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม เพราะจะติดเรื่องการเดินทางสำหรับผู้พิการ แต่กลายเป็นว่า สปส.กลับให้โอนสิทธิไปบัตรทอง ซึ่งไม่ใช่ทางออก โดยทางที่ดีที่สุด สปส.ควรให้ผู้พิการเข้ารับบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และให้ทางโรงพยาบาลมาเบิกจ่ายกับทาง สปส.เอง และไม่ใช่ว่าให้ไปอยู่ในสิทธิบัตรทองเลย” นายพัฒน์ธนชัยกล่าว
นายกสมาคมกล่าวอีกว่า จริงๆ ในเรื่องของคนพิการที่เป็นผู้ประกันตน เดิมมีการร้องเรียนเรื่องการไม่สะดวกในการรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิที่อาจอยู่ไกล หรือการไปโรงพยาบาลอื่นๆ ได้ แต่ต้องสำรองจ่าย รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์อื่นๆ อย่างการใช้กายอุปกรณ์ เช่น ขาเทียม รถเข็น โดย สปส.จะให้วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท แต่จะมีเงื่อนไขว่าพิการก่อนหรือหลังเข้าประกันสังคม ก็จะมีการลดวงเงินลงตามระเบียบ ในเรื่องนี้น่าจะนำทั้งสิทธิบัตรทองและประกันสังคมมาเปรียบเทียบว่า สิทธิไหนดีก็ควรให้ผู้พิการยังจะดีเสียกว่า
ด้าน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องของผู้พิการที่อยู่ในประกันสังคมนั้น ตนจะเรียกหารือร่วมกันกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) แต่เข้าใจว่าผู้พิการส่วนใหญ่อยากอยู่ในบัตรทองมากกว่า เพราะมองว่าได้สิทธิมากกว่า ซึ่งตรงนี้ได้มอบหมายให้ สปส.ไปพิจารณาสิทธิประโยชน์ของผู้พิการเพิ่มแล้ว
JJNY : ผู้พิการกว่าหมื่นโอด! สปส.โอนสิทธิอยู่บัตรทอง ขอปลัดแรงงานช่วยเหลือ
“ทางสมาคมอยู่ระหว่างประสานเพื่อขอหารือกับ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานกรรมการประกันสังคม ขอให้ทบทวนเรื่องนี้ เนื่องจากตามเจตนารมณ์ของคำสั่ง คสช. เชื่อว่าต้องการให้มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในการรับบริการทางการแพทย์ได้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม เพราะจะติดเรื่องการเดินทางสำหรับผู้พิการ แต่กลายเป็นว่า สปส.กลับให้โอนสิทธิไปบัตรทอง ซึ่งไม่ใช่ทางออก โดยทางที่ดีที่สุด สปส.ควรให้ผู้พิการเข้ารับบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และให้ทางโรงพยาบาลมาเบิกจ่ายกับทาง สปส.เอง และไม่ใช่ว่าให้ไปอยู่ในสิทธิบัตรทองเลย” นายพัฒน์ธนชัยกล่าว
นายกสมาคมกล่าวอีกว่า จริงๆ ในเรื่องของคนพิการที่เป็นผู้ประกันตน เดิมมีการร้องเรียนเรื่องการไม่สะดวกในการรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิที่อาจอยู่ไกล หรือการไปโรงพยาบาลอื่นๆ ได้ แต่ต้องสำรองจ่าย รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์อื่นๆ อย่างการใช้กายอุปกรณ์ เช่น ขาเทียม รถเข็น โดย สปส.จะให้วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท แต่จะมีเงื่อนไขว่าพิการก่อนหรือหลังเข้าประกันสังคม ก็จะมีการลดวงเงินลงตามระเบียบ ในเรื่องนี้น่าจะนำทั้งสิทธิบัตรทองและประกันสังคมมาเปรียบเทียบว่า สิทธิไหนดีก็ควรให้ผู้พิการยังจะดีเสียกว่า
ด้าน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องของผู้พิการที่อยู่ในประกันสังคมนั้น ตนจะเรียกหารือร่วมกันกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) แต่เข้าใจว่าผู้พิการส่วนใหญ่อยากอยู่ในบัตรทองมากกว่า เพราะมองว่าได้สิทธิมากกว่า ซึ่งตรงนี้ได้มอบหมายให้ สปส.ไปพิจารณาสิทธิประโยชน์ของผู้พิการเพิ่มแล้ว