บันทึกความทรงจำอีกครั้ง
วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
วันนี้ครบ ๙ วันที่พระองค์จากพวกเราไปแล้ว เลยมีความตั้งใจที่จะไปฟังงานพี่ธีธรรมสวดพระอภิธรรมที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง เป็นความตั้งใจก่อนที่เขาจะนัดร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอีก
พอบ่ายเห็นจำนวนผู้คนที่ไปร้องเพลง ก็ยังคิดอยู่ว่าจะไปดีไหม อีกทั้งรู้สึกไม่ค่อยสบาย เลิกงานกลับบ้าน ฝนก็ตกหนักเป็นช่วงๆ จนถึงบ้าน กินข้าวเสร็จ ก็ถามสามีไปกันดีไหม สามีบอกไปสิ เราจึงออกเดินทาง ไปจอดรถที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า นั่งรถไปแยกอรุณอมรินทร์ และถนนก็ปิด เราต้องลงเดินจากแยกอรุณอมรินทร์จนถึงสนามหลวง
ระหว่างทางที่เราเดิน เราพบแง่มุมงามๆ มุมของการมีน้ำใจ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเสียสละ เห็นอก เห็นใจ และที่สำคัญเราเห็นความรักที่พวกเราประชาชนตัวเล็กๆมีต่อพระองค์ท่าน ผ่านถนนตลอดสายจากแยกอรุณอมรินทร์ถึงสนามหลวง
สิ่งเหล่านี้แสดงออกโดยผ่านจิตอาสา, มอร์เตอร์ไซค์รับ-ส่งฟรี, กลุ่มคนที่มาแจกน้ำ ข้าว ขนม, กลุ่มคนที่ช่วยกันถือถุงดำเก็บขยะ, กลุ่มคนที่เดินแจกยาทากันยุงให้คนที่รอร้องเพลง, คนที่เอาเทียนมาแจก, ประชาสัมพันธ์ที่ตามหากระเป๋าให้คนที่ออกจากที่นั่งแล้วกลับที่นั่งไม่ถูก แต่เมื่อประกาศคนที่นั่งแถวนั้นก็ให้สัญญาณจนน้องเจอที่และกระเป๋าที่ฝากไว้
จริงค่ะ ... อาจจะดูโวกเวกโวยวาย ไม่สำรวม แต่สำหรับเรา กิริยาเหล่านั้นมันเป็นเพียงการแสดงออกภายนอก แต่เหนือสิ่งอื่นใดเรากลับมองเห็นข้างในจิตใจ และได้กลิ่น "หอมความดี" ค่ะ
อาจจะมีคนบอกว่า ทำตามกระแส ทำสร้างภาพเอาหน้า แต่คุณเชื่อเรื่องความดีไหมคะ กลิ่น"หอมความดี" มันจะดึงดูดให้คนเราอยากทำดีไปเรื่อยๆ เริ่มต้นอาจเป็นกระแส หรืออะไรก็ตาม แต่เราเชื่อ สุดท้ายความดีมันจะซึมซับเข้าไปในใจเข้าเองค่ะ แต่สำหรับตัวเรา เราไม่เชื่อเรื่องทำดีสร้างกระแสค่ะ เราเชื่อว่าเพราะเรามีศูนย์รวมจิตใจเดียวกันต่างหาก
เวลาแบบนี้ เราว่าทุกคนรักพระองค์ อยากจะทำอะไรดีๆเป็นพระราชกุศลให้พระองค์บ้าง แม้เป็นเพียงเสี้ยวเล็กน้อยก็ตาม
เราเองก็มีเหมือนกันที่รู้สึกไม่ดี เช่น คนเยอะมากแต่ถ่ายรูปกันไม่ยอมเดิน แต่ความคิดเราต้องเปลี่ยนไปเลยค่ะ เมื่อได้ยินเสียงของคนแก่คนนึงเขาพูดกับญาติเขา เขาบอกว่า "ให้เขาถ่ายกันไปเถอะ อย่าไปว่าเขาเลย งานแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ใครๆก็อยากมีส่วนร่วม อยากเก็บภาพความทรงจำทั้งนั้น"
เห็นไหมคะ ถ้าเราพลิกการคิด เราจะเจอแง่มุมงามๆซ่อนอยู่มากมาย
ส่วนเรื่องการแสดงความเสียใจ เราเองได้ไปทั้งวันที่ ๑๔ ตุลา และ ๒๒ ตุลา ยอมรับค่ะ บรรยากาศเปลี่ยนไป วันที่ ๑๔ ตุลา อารมณ์เศร้าโศก อยู่ในความสงบ แต่ ๒๒ ตุลา ดูคลายความเศร้า อย่าคิดมากเลยค่ะ เป็นธรรมดาของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วันแรกๆเราย่อมยังอยู่ในภาวะเศร้าโศกเห็นชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านมาเราย่อมต้องดีขึ้น แต่เราก็จะแปรเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลังบวกและลุกขึ้นร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ละมือทำอะไรๆให้พระองค์ดังที่กล่าวมาข้างต้น
แต่เชื่อเถอะ และเราก็เชื่อสุดใจ ทุกคนยังทุกข์และเศร้ากับการจากไปของพระองค์อย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นเราคงไม่เห็นภาพประวัติศาสตร์ที่คนมาร่วมกันมากมาย ไม่หวั่นแม้แดดที่ร้อนเปรี้ยง หรือสายฝนที่ตกลงมา
สุดท้ายเราชอบคำพูดของคุณปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผอ.ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก ที่ออกรายการเดินหน้าประเทศไทยวันที่ ๒๒ ตุลาคม ที่บอกว่า "พระเจ้าอยู่หัวไม่มีวันจากเราไปไหน ถ้าเราทำตามที่พระเจ้าอยู่หัวสอนอย่างจริงจัง พระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ในกายเรา ในใจเรา ในเลือดเนื้อเรา ยิ่งเราทำตามคำสอนท่านมาก ท่านก็ยิ่งอยู่ใกล้เรา และเวลาเราทำตามคำสอนของพระองค์ท่านให้เราแหงนไปมองฟ้า เราจะเห็นรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ท่าน"
"แม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน ลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อฝากไว้"
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นจนหาที่สุดไม่ได้ ข้าพระ
บันทึกความทรงจำ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
วันนี้ครบ ๙ วันที่พระองค์จากพวกเราไปแล้ว เลยมีความตั้งใจที่จะไปฟังงานพี่ธีธรรมสวดพระอภิธรรมที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง เป็นความตั้งใจก่อนที่เขาจะนัดร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอีก
พอบ่ายเห็นจำนวนผู้คนที่ไปร้องเพลง ก็ยังคิดอยู่ว่าจะไปดีไหม อีกทั้งรู้สึกไม่ค่อยสบาย เลิกงานกลับบ้าน ฝนก็ตกหนักเป็นช่วงๆ จนถึงบ้าน กินข้าวเสร็จ ก็ถามสามีไปกันดีไหม สามีบอกไปสิ เราจึงออกเดินทาง ไปจอดรถที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า นั่งรถไปแยกอรุณอมรินทร์ และถนนก็ปิด เราต้องลงเดินจากแยกอรุณอมรินทร์จนถึงสนามหลวง
ระหว่างทางที่เราเดิน เราพบแง่มุมงามๆ มุมของการมีน้ำใจ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเสียสละ เห็นอก เห็นใจ และที่สำคัญเราเห็นความรักที่พวกเราประชาชนตัวเล็กๆมีต่อพระองค์ท่าน ผ่านถนนตลอดสายจากแยกอรุณอมรินทร์ถึงสนามหลวง
สิ่งเหล่านี้แสดงออกโดยผ่านจิตอาสา, มอร์เตอร์ไซค์รับ-ส่งฟรี, กลุ่มคนที่มาแจกน้ำ ข้าว ขนม, กลุ่มคนที่ช่วยกันถือถุงดำเก็บขยะ, กลุ่มคนที่เดินแจกยาทากันยุงให้คนที่รอร้องเพลง, คนที่เอาเทียนมาแจก, ประชาสัมพันธ์ที่ตามหากระเป๋าให้คนที่ออกจากที่นั่งแล้วกลับที่นั่งไม่ถูก แต่เมื่อประกาศคนที่นั่งแถวนั้นก็ให้สัญญาณจนน้องเจอที่และกระเป๋าที่ฝากไว้
จริงค่ะ ... อาจจะดูโวกเวกโวยวาย ไม่สำรวม แต่สำหรับเรา กิริยาเหล่านั้นมันเป็นเพียงการแสดงออกภายนอก แต่เหนือสิ่งอื่นใดเรากลับมองเห็นข้างในจิตใจ และได้กลิ่น "หอมความดี" ค่ะ
อาจจะมีคนบอกว่า ทำตามกระแส ทำสร้างภาพเอาหน้า แต่คุณเชื่อเรื่องความดีไหมคะ กลิ่น"หอมความดี" มันจะดึงดูดให้คนเราอยากทำดีไปเรื่อยๆ เริ่มต้นอาจเป็นกระแส หรืออะไรก็ตาม แต่เราเชื่อ สุดท้ายความดีมันจะซึมซับเข้าไปในใจเข้าเองค่ะ แต่สำหรับตัวเรา เราไม่เชื่อเรื่องทำดีสร้างกระแสค่ะ เราเชื่อว่าเพราะเรามีศูนย์รวมจิตใจเดียวกันต่างหาก
เวลาแบบนี้ เราว่าทุกคนรักพระองค์ อยากจะทำอะไรดีๆเป็นพระราชกุศลให้พระองค์บ้าง แม้เป็นเพียงเสี้ยวเล็กน้อยก็ตาม
เราเองก็มีเหมือนกันที่รู้สึกไม่ดี เช่น คนเยอะมากแต่ถ่ายรูปกันไม่ยอมเดิน แต่ความคิดเราต้องเปลี่ยนไปเลยค่ะ เมื่อได้ยินเสียงของคนแก่คนนึงเขาพูดกับญาติเขา เขาบอกว่า "ให้เขาถ่ายกันไปเถอะ อย่าไปว่าเขาเลย งานแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ใครๆก็อยากมีส่วนร่วม อยากเก็บภาพความทรงจำทั้งนั้น"
เห็นไหมคะ ถ้าเราพลิกการคิด เราจะเจอแง่มุมงามๆซ่อนอยู่มากมาย
ส่วนเรื่องการแสดงความเสียใจ เราเองได้ไปทั้งวันที่ ๑๔ ตุลา และ ๒๒ ตุลา ยอมรับค่ะ บรรยากาศเปลี่ยนไป วันที่ ๑๔ ตุลา อารมณ์เศร้าโศก อยู่ในความสงบ แต่ ๒๒ ตุลา ดูคลายความเศร้า อย่าคิดมากเลยค่ะ เป็นธรรมดาของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วันแรกๆเราย่อมยังอยู่ในภาวะเศร้าโศกเห็นชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านมาเราย่อมต้องดีขึ้น แต่เราก็จะแปรเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลังบวกและลุกขึ้นร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ละมือทำอะไรๆให้พระองค์ดังที่กล่าวมาข้างต้น
แต่เชื่อเถอะ และเราก็เชื่อสุดใจ ทุกคนยังทุกข์และเศร้ากับการจากไปของพระองค์อย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นเราคงไม่เห็นภาพประวัติศาสตร์ที่คนมาร่วมกันมากมาย ไม่หวั่นแม้แดดที่ร้อนเปรี้ยง หรือสายฝนที่ตกลงมา
สุดท้ายเราชอบคำพูดของคุณปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผอ.ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก ที่ออกรายการเดินหน้าประเทศไทยวันที่ ๒๒ ตุลาคม ที่บอกว่า "พระเจ้าอยู่หัวไม่มีวันจากเราไปไหน ถ้าเราทำตามที่พระเจ้าอยู่หัวสอนอย่างจริงจัง พระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ในกายเรา ในใจเรา ในเลือดเนื้อเรา ยิ่งเราทำตามคำสอนท่านมาก ท่านก็ยิ่งอยู่ใกล้เรา และเวลาเราทำตามคำสอนของพระองค์ท่านให้เราแหงนไปมองฟ้า เราจะเห็นรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ท่าน"
"แม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน ลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อฝากไว้"
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นจนหาที่สุดไม่ได้ ข้าพระ