Oasis : Supersonic [รีวิวจากคนที่ไม่รู้จักวง oasis]

ปุจฉา  :  Oasis คืออะไร ?
วิสัชนา :  แหล่งน้ำกลางทะเลทรายที่พระเอกนางเอกนิยายแนวรักแท้ชีคเถื่อนจะหลงเข้าไปค้างคืนอยู่ด้วยกัน  ทะเลาะกัน  ลงอาบน้ำใสๆ ในบ่อ  โดนสาหร่ายพันขาแล้วร้องกรี๊ดกอดกันและได้กันในที่สุดค่ะ

นั่นคือคำจำกัดความของ Oasis  ก่อนที่เพื่อนสนิทจะโทรมาหาฉันตอนเที่ยงๆ  
"เฮ้ยไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อย"
"เออได้  เรื่องไรอะ"
"&*(^^&#$% ซิส ๖๗ู฿฿+฿ นิค"  
"อ๋อ  เออๆ  เค"  

เราไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะตีตั๋วไปดูอะไรในโรง  จนกระทั่งห้าโมงเย็นเวลานัด ถือตั๋วไว้ในมือ  แฟนโทรมาถามว่าดูหนังเรื่องอะไร  จึงหันไปถามเพื่อนอีกที  แล้วพิมพ์ตอบแฟนว่า  มาดูหนังสารคดีชีวประวัติวงโอเอซิส (วงยิ้มมาจากทะเลทราบซาฮาร่าเปล่าวะ <-- นึกในใจ)



ฉันไม่รู้จักวงโอเอซิส
หนังสารคดีเล่าเรื่องผู้ชายเมายากลุ่มหนึ่ง  ที่เริ่มร้องเพลงร็อคแอนด์โรลเมื่อตอนอายุเท่าฉัน ยี่สิบเอ็ด  เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นที่เป็นศิลปิน  เล่นดนตรี  ก้าวเดินจากศูนย์สู่การเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก  การทะเลาะเบาะแว้ง  การเสพยา  การทำงานอย่างคร่ำเคร่ง  ชีวิตที่ถูกนักข่าวกอสสิบติดตาม  การที่ดนตรีเข้าสู่โลกธุรกิจ  และการจบมัน

จบด้วยคอนเสิร์ตอันเป็นตำนานที่เน็บเวิร์ธซึ่งอัดคนเต็มเพียบหลายเเสนคน  

ฉันได้อะไรเมื่อเสียงเพลง The Masterplan  จบลง
เธอจะเลวแค่ไหนก็ได้  แต่ต้องประสบความสำเร็จ
จะชั่วแค่ไหนก็ได้  ขอให้อยู่ในระดับที่ครองใจคน
ถ้าคุณติดยา  ทะเลาเบาะแว้ง  แต่ไม่มีเงิน  คุณคือคนกากๆ  คนหนึ่ง  แต่ถ้าคุณมีงานมีเงินแล้วติดยา  เที่ยวหัวราน้ำ  คุณก็แค่คนที่นิสัยเสียไปบ้าง

สรุปความได้ว่า  ต้องยิ่งใหญ่
แล้วทำยังไงถึงจะยิ่งใหญ่ได้  หนังเรื่องนี้เริ่มจากจงหลงใหลในบางสิ่ง  ใช้มันเพื่อให้หายใจต่อไปได้  แล้วค่อยๆ หาทางให้คนอื่นได้ยินสิ่งที่เรารัก  และทำต่อไป  อย่าสนใจอะไรทั้งสิ้น  ฟังแค่เสียงในสมองและหัวใจก็พอแล้ว  แม้แต่เสียงคนที่รักคุณก็อาจเป็นหายนะได้  คนซึ่งเจ็บปวด  แตกแยก  ไม่มีทางมีที่ยืนในสังคมตามระบบ  เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง  ยืนให้สูงให้เด่นแล้วเรียกเพื่อนเข้ามา  เมื่อเรียกเพื่อนเข้ามาหมดแล้วก็จงสร้างเพื่อนใหม่

ไม่มีหรอก  ที่ยืนของคนที่คิดต่าง
ต้องสร้างเองใหม่หมดว่ะ

ฉันดูหนังแล้วก็พบว่า  สงสัยตัวเองยังหลงไม่พอ  มันเป็นหนังที่ดีสำหรับศิลปินนะ  เมื่อคุณออกมาคุณจะหายเหนื่อย  คุณจะมีพลังไปยืนแล้วล้มใหม่  คุณจะฟังเสียงวิจารณ์ที่คอยตีกรอบให้ตัวเองอยู่กับความกลมกลืนน้อยลง  คุณจะไม่เอาแต่นั่งรอ  พระเจ้าทดสอบ  ให้บทเรียน และมอบของขวัญเมื่อเราพยายามเดินไม่ใช่เมื่อเรานอน

ล้มก็ไม่เป็นไร
ก็ยืนใหม่ว่ะ  ง่ายๆ  คิดไรมาก



ศิลปิน  คุณจะได้พลังบวกจากหนัง  เริ่มจากเสียงกรอกหูว่ากูเจ๋งที่สุดในโลกตั้วแต่ดูไปได้สิบห้านาทียันสามวันถัดมา  คุณเป็นวงที่เจ๋งที่สุดในโลกหรอ  อ๋อ  ใช่  พวกเรายิ้มสุดยอด ยิ้มๆ  อยู่แล้ว  ถ้าคุณทำเต็มที่แล้วอย่าถล่มตัวเลย  คำชมเป็นสิ่งที่ควรได้รับ  อย่าอายที่จะบอกว่าคุณเก่ง  คุณห่วย  คุณพัฒนามาไกลหรือไม่พัฒนาเลย  คุณต้องยอมรับตัวเอง

คุณจะพบว่าจุดอิ่มตัวไม่มีจริง  คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่จนกว่าคุณจะใกล้ตาย  ดังนั้นอย่าพอใจกับสิ่งที่ทำไปแล้ว   อัลบั้มของพวกเขาตั้งแต่ Definitely Maybe, What's the Story  มาจนถึง Dig Out Your Soul   ปี 1994 ถึง 2008  จะเป็นอย่างไรถ้าโนลนักแต่งเพลงพอใจในงานตัวเองแล้วบอกกับทุกคนว่า เฮ้  เราเก็บเงิน 87 ล้านปอนด์ใส่รถปอร์เช่กลับไปนั่งเก้าอี้โยกจิบชากันที่แมนเชสเตอร์บ้านเกิดเถอะ   คุณคงไม่ได้ฟังเพลงดีๆ  ไม่มีคอนเสิร์ตที่เนปเวิร์ธ

คอนเสิร์ตเนปเวิร์ธ
คืออะไรวะ
ความจริงคือฉันไม่รู้จักคอนเสิร์ตนั่นพอๆ  กับที่ไม่รู้จักโอเอซิส
แต่ฉันรู้จักเพลงของเขา  แทบทุกเพลงที่ดังออกมา  ฉันร้องได้  ฉันขนลุก  คอนเสิตร์เนปเวิร์ธนั่นกลายเป็นที่จดจำของฉันในฐานะ "รวมตัวของคนที่มากที่สุดก่อนยุคอินเทอร์เน็ต"  งานหนึ่ง  หลายแสนนะคิดดูสิ  คนหลายแสนคน  เพื่อนบอกฉันว่าที่จริงคนที่ต้องการไปงานวันนั้นอยู่ที่หลักล้าน  แต่สถานที่รองรับไม่ไหว



อย่าพอใจกับสิ่งที่มีอยู่  ถ้ารู้ว่าทำได้จงไปต่อ

กลับมาที่ฉากจูบของสองพี่น้องเลียมและโนล (นักร้องนำและมือกีตาร์  นักแต่งเพลง  ที่ความจำเป็นบังคับให้ต้องมาร้องนำเพราะนักร้องนำเดิมเสียงพัง + นิสัยขึ้นๆ ลงๆ (จากเวที) เกินไป)

หนังทำให้เราอยากกอดนักดนตรี
พวกเขาบอกเล่าเรื่องของสองพี่น้อง เลียมและโนล กัลลาเกอร์  ตั้งแต่ความรุนแรงในวัยเด็ก  ความกดดัน  นิสัย  ซึ่งคนที่เคยเจออะไรแย่ๆ  คล้ายกันไปดู  จะได้พลังกลับมา  ฉันแนะนำให้คนป่วยโรคซึมเศร้าไปดูนะ



"อย่าให้เรื่องในอดีตมันมีผลอะไรกับคุณ  มันไร้สาระ  ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องที่พ่อทุบตีผมหรอ  ผมคงต้องขอบคุณนะ  การทุบตีของเขาอาจมอบพรสวรรค์ด้านดนตรีให้ผมก็ได้"

"ตอนเด็กๆ  ผมถูกใครที่ไหนไม่รู้ทุบหัวด้วยค้อน  ทำให้ผมได้ใบรับรองแพทย์ให้ไม่ต้องเรียนคณิตศาสตร์  หลังจากนั้นผมก็เริ่มร้องเพลง  ผมว่าไอ้คนนั้นยิ้มต้องทุบดนตรีใส่หัวผมแน่ๆ  นี่  ถ้าคุณฟังอยู่นะมือค้อน  ขอบคุณ"




มันจริงนะ  อดีต  หรือสิ่งที่คนอื่นทำร้ายคุณไว้นะ  มันทำลายคุณไม่ได้
สิ่งที่ทำได้มีแค่ตัวคุณเอง
ไม่มีใครจะล้มวงโอเอซิสได้นอกจากคนของโอเอซิส
เรื่องมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ

ไม่มีประสบการณ์ใดไร้ความหมายสำหรับศิลปิน  พวกเราใช้มันผลิตงานได้เสมอ  นั่นคงเป็นอะไรเบสิคที่สุดที่หนังจะบอก

ฉันเดินออกมาจากโรง  พร้อมความรู้ความเข้าใจเรื่องของดนตรีมากขึ้น  แม้ว่าการมิกซ์เสียงจะเป็นอะไรเกินหยั่งถึง  แต่ก็ไม่ต่างกับฟังศัพท์เทคนิควิศวะตอนดู Deepwater Horison  สักเท่าไหร่  ฉันชอบนะ  ด้วยความเป็นสารคดีที่ดูเพลิน  ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนข้างๆ อยู่ตลอด  ได้รับพลังบวกจากหนัง  และได้ฟังประวัติของวงต่อจากตอนจบในหนังจากคนรอบตัวตลอดทางตั้งแต่เดินออกจากโรงจนกระจายกันไปในห้าง

แม้ว่ามันจะเน้นมาให้ชาวสาวก oasis ดู  แต่สำหรับฉัน คนแปลกหน้าที่ไม่เข้าใจเสียงหัวเราะบางฉากบางตอน  ฉันชอบพลังที่ได้จากการติดตามชีวประวัติของวงนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่