ยุค90น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของชาวเมืองแมนเชสเตอร์ เพราะเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมฟุตบอลประจำเมือง และ Oasis วงดนตรีที่มีสมาชิกเป็นหนุ่มๆจากเมืองนี้ แม้ทั้งสองแบรนด์จะสร้างชื่อเสียงอย่างมากให้ประเทศอังกฤษ แต่การนำมาเปรียบเทียบกันคงไม่ถูกใจ เลียม กับ โนล แน่ๆ เพราะสองคนนี้เป็นแฟนตัวยงของแมนเชสเตอร์ซิตี้ทีมคู่รักคู่แค้นแมนฯยู ซึ่งอันที่จริงสถานะของทีมฟุตบอลสองทีมนี้ก็คล้ายๆกับสองพี่น้องคู่กัดตัวแสบแห่งตระกูลกัลลาเกอร์ คนหนึ่งก็สุดจะเพี้ยน อีกคนก็โครตหยิ่ง เพียงแต่สองคนนี้ดันชอบทีมเดียวกัน และอยู่วงดนตรีวงเดียวกัน
Oasis Supersonic คือภาพยนตร์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของวงโอเอซิสช่วงปี1991ที่พวกเขาแสดงโชว์ครั้งแรกในชั้นใต้ดินของคลับบอร์ดวอล์ค จนถึงปี 1994 ยุคทองของพวกเขากับการได้แสดงต่อหน้าแฟนเพลงกว่า250,000คนที่เน็บเวิร์ธ ผลงานของ แมท ไวท์ครอส ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสจาก Spike Island , Sex & Drugs & Rock & Roll , Moving to Mars และ The Shock Doctrine ควบคุมงานสร้างโดย อาซิฟ คาพาเดีย ผู้กำกับ และ เจมส์ เกย์ รีส โปรดิวเซอร์ จาก Amy หนังสารคดียอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ 2016
หนังเล่าเรื่องราวผ่านฟุตเทจเก่าๆที่ไม่เคยถูกเผยแพร่ของวงร็อกชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ พาคนดูไปทำความรู้จักกับ เลียม และ โนลกัลลาเกอร์ แบบเจาะลึก ผ่านการบอกเล่าของทั้งคู่และคนที่เกี่ยวข้องกับวง พร้อมเฝ้าดูความเป็นไปของ Oasis อีกหนึ่งวงในตำนานของโลกที่ยังมีลมหายใจ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของกลุ่มเด็กเหลือขอจนถึงจุดสูงสุดอย่างการเป็นร็อกสตาร์ระดับโลก เบื้องหลังความสำเร็จอันเหลือเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าพอผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์มาแล้วพวกเขาย่อมค่อยๆร่วงหล่นลง
แมท ถ่ายทอดความอหังการ ความอัจฉริยะ ความบ้าบิ่น ความเก่งกาจ ความหยาบคาย ความทะเยอทะยาน ความกวน และความเท่ห์ของวงร็อคแห่งยุคสมัยออกมาได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์ ขณะที่ เลียม กับ โนล ก็จัดเต็มทุกความรู้สึกแบบไม่มีกั๊ก แม้พวกเขาจะทำตัวน่าหมั่นไส้แค่ไหนก็ตามแต่คุณก็เกลียดพวกเขาไม่ลงหรอก เนื่องจากหนังยังถ่ายทอดหลายมุมที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ในตัวทั้งสอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มที่วิ่งไล่ตามความฝันและใช้เพลงร็อกระบายความข้นแค้น ความอัดอั้นตันใจในชีวิต พร้อมเยียวยาความเจ็บปวดของตนเองด้วยการสร้างความเจ็บปวดให้คนรอบข้างไม่ว่าจะทางวาจาหรือทางการกระทำ
ในฐานะแฟนคลับของวง Oasis ตลอด2ชั่วโมงกว่าๆคือประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งในการชมภาพยนตร์ หลายฉากเราอดที่จะฮัมเพลงหรือขยับเท้าตามจังหวะดนตรีที่คุ้นเคยไม่ได้ ผู้กำกับร้อยเรียงซิงเกิ้ลต่างๆออกมาได้เข้ากับช่วงชีวิตของวง Oasis มากๆ เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ดีใน Amy ทว่ารสชาติของ Oasis Supersonic มีความจัดจ้านแบบเพลงร็อกเมื่อเทียบกับ Amy ที่ออกไปทางหม่นเศร้าแบบแจ๊ส รวมถึงยังให้ความรู้สึกที่ต่างจากการชมเทปบันทึกคอนเสิร์ตเก่าๆของวงอย่าง Oasis There and Then และ Oasis: Live by the Sea ซึ่งเน้นสื่อให้เห็นถึงแต่ด้านความยิ่งใหญ่ของวง
ชอบที่หนังไม่ได้เล่ายืดเยื้อมาถึงการแยกวงในปี 2009 ที่ เลียม กับคณะเปลี่ยนชื่อวงมาเป็น Beady Eye ส่วน โนล หนีไปออกอัลบั้มเดี่ยวแบบอะคูสติก บางส่วนของหนังมีอารมณ์หวนไห้ถึงประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรมดนตรีช่วงหนึ่งคล้ายๆ All Things Must Pass ในยุคก่อนการมาถึงของอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนยังนิยมซื้อเทป ซีดี และแผ่นเสียงของศิลปินต่างๆมาฟังหรือเก็บสะสม ชื่นชอบในการไปดูโชว์สดๆตามไนท์คลับ เทศกาลดนตรี คอนเสิร์ตใหญ่ รวมถึงยังปลาบปลื้มกับการได้ลายเซ็นต์หรือได้ใกล้ชิดศิลปิน
Oasis Supersonic ไม่ได้ตัดสินถูกผิดหรือชี้นำให้เชื่อคำพูดของใคร หนังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ใช้วิจารณญาณเต็มที่ ซึ่งส่วนตัวเมื่อดูจบความคิดที่มีต่อ Oasis ก็ยังคงเหมือนเดิม ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบใครมากกว่ากันระหว่าง โนล กับ เลียม เช่นเดียวกับแฟนเพลงหลายคนที่เลือกไม่ได้ว่ารักเพลง Don't Look Back In Anger หรือ Wonderwall มากกว่า เพราะทั้งสองคนและทั้งสองเพลงถูกลิขิตมาให้เป็นองค์ประกอบสุดลงตัวของวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งอังกฤษนับจากเดอะบีเทิลส์ (ตำแหน่งนี้สองพี่น้องเขาพูดเองนะ)
คะแนน 8.5/10
โดย นกไซเบอร์
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ปล.ชีวิตช่วงหนึ่งในสมัยเรียนจบใหม่ๆเคยคลุกอยู่ในบอร์ด thaimightsay บอร์ดคนรักโอเอซิสเมืองไทย ใครเคยเล่นบอร์ดนี้แสดงตัวได้ครับ
ส่วนตัวเคยดู Oasis แสดงสดครั้งนึงเมื่อ 10ปีที่แล้ว งาน 100 Rock ที่เมืองทองธานี ยังจำจนถึงทุกวันนี้
ของสะสมผมมีแต่ซีดีอัลบั้มต่างๆ
รีวิวหนัง : Oasis Supersonic พี่น้อง วงดนตรี และเพลงร็อก
ยุค90น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของชาวเมืองแมนเชสเตอร์ เพราะเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมฟุตบอลประจำเมือง และ Oasis วงดนตรีที่มีสมาชิกเป็นหนุ่มๆจากเมืองนี้ แม้ทั้งสองแบรนด์จะสร้างชื่อเสียงอย่างมากให้ประเทศอังกฤษ แต่การนำมาเปรียบเทียบกันคงไม่ถูกใจ เลียม กับ โนล แน่ๆ เพราะสองคนนี้เป็นแฟนตัวยงของแมนเชสเตอร์ซิตี้ทีมคู่รักคู่แค้นแมนฯยู ซึ่งอันที่จริงสถานะของทีมฟุตบอลสองทีมนี้ก็คล้ายๆกับสองพี่น้องคู่กัดตัวแสบแห่งตระกูลกัลลาเกอร์ คนหนึ่งก็สุดจะเพี้ยน อีกคนก็โครตหยิ่ง เพียงแต่สองคนนี้ดันชอบทีมเดียวกัน และอยู่วงดนตรีวงเดียวกัน
Oasis Supersonic คือภาพยนตร์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของวงโอเอซิสช่วงปี1991ที่พวกเขาแสดงโชว์ครั้งแรกในชั้นใต้ดินของคลับบอร์ดวอล์ค จนถึงปี 1994 ยุคทองของพวกเขากับการได้แสดงต่อหน้าแฟนเพลงกว่า250,000คนที่เน็บเวิร์ธ ผลงานของ แมท ไวท์ครอส ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสจาก Spike Island , Sex & Drugs & Rock & Roll , Moving to Mars และ The Shock Doctrine ควบคุมงานสร้างโดย อาซิฟ คาพาเดีย ผู้กำกับ และ เจมส์ เกย์ รีส โปรดิวเซอร์ จาก Amy หนังสารคดียอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ 2016
หนังเล่าเรื่องราวผ่านฟุตเทจเก่าๆที่ไม่เคยถูกเผยแพร่ของวงร็อกชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ พาคนดูไปทำความรู้จักกับ เลียม และ โนลกัลลาเกอร์ แบบเจาะลึก ผ่านการบอกเล่าของทั้งคู่และคนที่เกี่ยวข้องกับวง พร้อมเฝ้าดูความเป็นไปของ Oasis อีกหนึ่งวงในตำนานของโลกที่ยังมีลมหายใจ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของกลุ่มเด็กเหลือขอจนถึงจุดสูงสุดอย่างการเป็นร็อกสตาร์ระดับโลก เบื้องหลังความสำเร็จอันเหลือเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าพอผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์มาแล้วพวกเขาย่อมค่อยๆร่วงหล่นลง
แมท ถ่ายทอดความอหังการ ความอัจฉริยะ ความบ้าบิ่น ความเก่งกาจ ความหยาบคาย ความทะเยอทะยาน ความกวน และความเท่ห์ของวงร็อคแห่งยุคสมัยออกมาได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์ ขณะที่ เลียม กับ โนล ก็จัดเต็มทุกความรู้สึกแบบไม่มีกั๊ก แม้พวกเขาจะทำตัวน่าหมั่นไส้แค่ไหนก็ตามแต่คุณก็เกลียดพวกเขาไม่ลงหรอก เนื่องจากหนังยังถ่ายทอดหลายมุมที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ในตัวทั้งสอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มที่วิ่งไล่ตามความฝันและใช้เพลงร็อกระบายความข้นแค้น ความอัดอั้นตันใจในชีวิต พร้อมเยียวยาความเจ็บปวดของตนเองด้วยการสร้างความเจ็บปวดให้คนรอบข้างไม่ว่าจะทางวาจาหรือทางการกระทำ
ในฐานะแฟนคลับของวง Oasis ตลอด2ชั่วโมงกว่าๆคือประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งในการชมภาพยนตร์ หลายฉากเราอดที่จะฮัมเพลงหรือขยับเท้าตามจังหวะดนตรีที่คุ้นเคยไม่ได้ ผู้กำกับร้อยเรียงซิงเกิ้ลต่างๆออกมาได้เข้ากับช่วงชีวิตของวง Oasis มากๆ เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ดีใน Amy ทว่ารสชาติของ Oasis Supersonic มีความจัดจ้านแบบเพลงร็อกเมื่อเทียบกับ Amy ที่ออกไปทางหม่นเศร้าแบบแจ๊ส รวมถึงยังให้ความรู้สึกที่ต่างจากการชมเทปบันทึกคอนเสิร์ตเก่าๆของวงอย่าง Oasis There and Then และ Oasis: Live by the Sea ซึ่งเน้นสื่อให้เห็นถึงแต่ด้านความยิ่งใหญ่ของวง
ชอบที่หนังไม่ได้เล่ายืดเยื้อมาถึงการแยกวงในปี 2009 ที่ เลียม กับคณะเปลี่ยนชื่อวงมาเป็น Beady Eye ส่วน โนล หนีไปออกอัลบั้มเดี่ยวแบบอะคูสติก บางส่วนของหนังมีอารมณ์หวนไห้ถึงประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรมดนตรีช่วงหนึ่งคล้ายๆ All Things Must Pass ในยุคก่อนการมาถึงของอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนยังนิยมซื้อเทป ซีดี และแผ่นเสียงของศิลปินต่างๆมาฟังหรือเก็บสะสม ชื่นชอบในการไปดูโชว์สดๆตามไนท์คลับ เทศกาลดนตรี คอนเสิร์ตใหญ่ รวมถึงยังปลาบปลื้มกับการได้ลายเซ็นต์หรือได้ใกล้ชิดศิลปิน
Oasis Supersonic ไม่ได้ตัดสินถูกผิดหรือชี้นำให้เชื่อคำพูดของใคร หนังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ใช้วิจารณญาณเต็มที่ ซึ่งส่วนตัวเมื่อดูจบความคิดที่มีต่อ Oasis ก็ยังคงเหมือนเดิม ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบใครมากกว่ากันระหว่าง โนล กับ เลียม เช่นเดียวกับแฟนเพลงหลายคนที่เลือกไม่ได้ว่ารักเพลง Don't Look Back In Anger หรือ Wonderwall มากกว่า เพราะทั้งสองคนและทั้งสองเพลงถูกลิขิตมาให้เป็นองค์ประกอบสุดลงตัวของวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งอังกฤษนับจากเดอะบีเทิลส์ (ตำแหน่งนี้สองพี่น้องเขาพูดเองนะ)
คะแนน 8.5/10
โดย นกไซเบอร์ https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ปล.ชีวิตช่วงหนึ่งในสมัยเรียนจบใหม่ๆเคยคลุกอยู่ในบอร์ด thaimightsay บอร์ดคนรักโอเอซิสเมืองไทย ใครเคยเล่นบอร์ดนี้แสดงตัวได้ครับ
ส่วนตัวเคยดู Oasis แสดงสดครั้งนึงเมื่อ 10ปีที่แล้ว งาน 100 Rock ที่เมืองทองธานี ยังจำจนถึงทุกวันนี้
ของสะสมผมมีแต่ซีดีอัลบั้มต่างๆ