ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ เขียนเบื้องหลังที่มาของบทเพลง "สดุดีมหาราชา"
บทเพลง "สดุดีมหาราชา" เป็นบทเพลง ประจำชาติของปวงชนชาวไทยมานานแล้ว ในงานต่างๆ มักจะมีการนำร้องหมู่ ซึ่งคนไทยทุกเพศ ทุกวัย ล้วนแต่ขับร้องกันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีภาษาที่เรียบง่าย สัมผัสคำและเนื้อหาที่งดงาม
ชรินทร์ นันทนาคร
ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ ได้เขียนถึงเบื้องหลังที่มาของเพลงนี้ ในหนังสือที่ระลึกการจากไปของ ครูสมาน กาญจนผลิน ผู้คิดทำนองและเรียบเรียงดนตรีเพลงนี้ โดย คมชัดลึก ได้คัดลอกมาบางส่วน
" ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ. 2507 ผมมีโอกาสขึ้นไปดูสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่บ้านป่าแป๋ ที่มีน้ำพุร้อนสวยที่สุดที่เชียงใหม่ เห็นแม้วขนของเต็มกระบุงขึ้นดอยมาที่ขอบกระบุงมี ธง ภ.ป.ร.ผืนน้อยเสียบอยู่ ถามดูได้ความว่าซื้อมาจากในเมือง อันละ 8 บาทจะเอาไปติดบูชาที่ประตูบ้านในวันสำคัญของเจ้าพ่อหลวง ผมมองตามธงผืนนั้น ไกลออกไปในระหว่างหุบเขา และจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ ผมนึกชื่อขึ้นมาได้ชื่อหนึ่งว่า "สดุดีมหาราชา" เก็บชื่อ และคิดว่าจะทำอะไรอยู่ 2 ปี จึงได้ไปพบผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง ซึ่งผมนับถือเสมือน "พ่อ" ท่านคือ พระยาศรีวิศาลวาจา
กราบเรียนถามท่านว่า ถ้าเราจะแต่งเพลงรักและบูชาพระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีของเรา โดยใช้ถ้อยคำธรรมดาง่ายๆ แบบชาวบ้าน จะเป็นการมิบังควรหรือเปล่า ท่านบอกเป็นความคิดที่ดีมาก รีบไปทำได้เลย "
สมาน กาญจนผลิน
" นักประพันธ์เพลงที่ฝีมือดี มีมากมายในบ้านเรา แต่ผู้ที่จะมาสร้างทำนองเพลงอันสำคัญนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก "น้าหมาน" หรือ คุณ สมาน กาญจนผลิน เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่าน เคยบันทึกเสียงเพลงด้วยกันมา ผมทราบดีว่าคนคนนี้ "
อัจฉริยะ " "
สุรัฐ พุกกะเวส
" ปัญหาอยู่ที่เนื้อร้อง ผมตรงไปพบ คุณ สุรัฐ พุกกะเวส นักประพันธ์เพลงอาวุโส และช่วงนั้นท่านเป็นนายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงด้วย ท่านขอเวลา 2 วัน ถึงเวลาไปรับเนื้อเพลงปรากฏว่ายาวมาก ถ้อยคำส่วนใหญ่จะเป็นราชาศัพท์ ไม่ตรงกับใจที่หวังไว้ ถึงอย่างไร ก็ถือว่าได้เริ่มต้นกันแล้ว "
ชาลี อินทรวิจิตร
" คิดอยู่อีกนานว่าจะทำอย่างไร เผอิญได้พบกับคุณ ชาลี อินทรวิจิตร ในร้านอาหาร "สีทันดร" ผมระบายความในใจและสิ่งที่อยากจะได้ให้เขาฟัง บอกชื่อเพลงให้เขาไปว่า "สดุดีมหาราชา" รุ่งขึ้นรับชาลีที่บ้านหลังศาลเจ้าแซ่ซิ้ม ธนบุรี ตี 5 ครึ่งบึ่งไปบ้านน้าหมานในซอยข้างวัดเทพธิดาราม...
พอเริ่มแต่งเพลง ชาลีเริ่มเกร็ง เนื้อร้องต้องมาก่อน เอาง่ายๆ แบบชาวบ้านแต่ประทับใจผมบอก ชาลีเถียง ....นั่นแหละยากแล้ว ชาลีก็ถามผมขึ้นมาลอยๆว่า "เออ ชรินทร์ ถ้าเผอิญในหลวงท่านมาในซอยนี้ แล้วเราไปเจอพระองค์ท่านเราจะทำยังไง" ผมก็บอกไปว่า "เราคงต้องนั่ง หรือคุกเข่าพนมมือ...ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า....แล้วเรามีอะไรก็กราบบังคมทูลพระองค์ท่าน" ชาลีรีบเขียนในกระดาษ
....ขอเดชะองค์พระประมุขภูมิพล มิ่งขวัญปวงชนประชาชาติไทย....
" เหมือนลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง แล้วก็พาความวิตกกังวลที่สุมอยู่ในหัวใจผมมานานหายไปในพริบตา ผมดึงเนื้อเพลงบรรทัดนั้นส่งให้น้าหมาน ท่านพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนไล่เสียง ไม่นานเลย แล้วทำนองเพลงก็หลั่งไหลมา ครั้งเดียวก็ดีเยี่ยม เป็นทำนองที่เราท่านทั้งหลายร้องสดุดีมหาราชาจากวันนั้นถึงวันนี้
ได้บรรทัดแรกมา เราสามคนก็หายจากอาการเกร็ง...ฟ้าดินเป็นใจเราแล้ว
ก็แต่งต่อจนจบท่อน "สดุดีมหาราชา...สดุดีมหาราชินี" แล้วชาลีก็พูดขึ้นอีกว่า...ต่อไปนี้เป็นท่อนจบความไพราะทั้งหลายทั้งปวง จะต้องมารวมกันอยู่ที่ตรงนี้....และนี่คือเนื้อเพลง... "...อ่าองค์พระสยมบรมราชันย์ขวัญหล้า..."
น้าหมานอ่านเนื้อแล้วไล่คีย์เปียโน...บอกว่าทำนองจะขาดไป 2 ห้อง ต้องทำสะพานดนตรีลงมารับกับคำร้องท่อนสุดท้าย ...อ่าองค์พระสยม...แล้วท่านก็ดีดให้ฟัง
อีกครั้ง อัจฉริยะชนคนธรรมดาสำแดงฤทธิ์ทางดนตรี ดีดทีเดียวก็ไพเราะจับใจ ท่านผู้อ่านลองร้องดูเถอะครับ...
"...อ่าองค์พระสยมบรมราชันย์ขวัญหล้า เปล่งบุญญาสมสง่าบารมี ผองข้าพระพุทธเจ้า น้อมเกล้าขออัญชุลี สดุดีมหาราชา สดุดีมหาราชินี..."
เนื้อเพลง..."สดุดีมหาราชา"
ขอเดชะองค์พระประมุขภูมิพล มิ่งขวัญ ปวงชนประชาชาติไทย
มหาราช ขัตติย ภูวไนย ดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชา
ขอเดชะองค์สมเด็จพระราชินี คู่บุญ บารมีจักรีเกริกฟ้า
องค์สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มหาราชา ข้าพระพุทธเจ้าขอสดุดี
อ่าองค์พระสยมบรมราชันขวัญหล้า เปล่งบุญญาสมสง่าบารมี
ผองข้าพระพุทธเจ้า น้อมเกล้าขออัญชุลี สดุดีมหาราชา สดุดีมหาราชินี
ที่มา : Kom Chad Luek / MSN Thailand >>
Link
เปิดที่มา..." สดุดีมหาราชา " บทเพลงที่คนไทยทุกคนร้องได้
บทเพลง "สดุดีมหาราชา" เป็นบทเพลง ประจำชาติของปวงชนชาวไทยมานานแล้ว ในงานต่างๆ มักจะมีการนำร้องหมู่ ซึ่งคนไทยทุกเพศ ทุกวัย ล้วนแต่ขับร้องกันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีภาษาที่เรียบง่าย สัมผัสคำและเนื้อหาที่งดงาม
ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ ได้เขียนถึงเบื้องหลังที่มาของเพลงนี้ ในหนังสือที่ระลึกการจากไปของ ครูสมาน กาญจนผลิน ผู้คิดทำนองและเรียบเรียงดนตรีเพลงนี้ โดย คมชัดลึก ได้คัดลอกมาบางส่วน
" ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ. 2507 ผมมีโอกาสขึ้นไปดูสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่บ้านป่าแป๋ ที่มีน้ำพุร้อนสวยที่สุดที่เชียงใหม่ เห็นแม้วขนของเต็มกระบุงขึ้นดอยมาที่ขอบกระบุงมี ธง ภ.ป.ร.ผืนน้อยเสียบอยู่ ถามดูได้ความว่าซื้อมาจากในเมือง อันละ 8 บาทจะเอาไปติดบูชาที่ประตูบ้านในวันสำคัญของเจ้าพ่อหลวง ผมมองตามธงผืนนั้น ไกลออกไปในระหว่างหุบเขา และจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ ผมนึกชื่อขึ้นมาได้ชื่อหนึ่งว่า "สดุดีมหาราชา" เก็บชื่อ และคิดว่าจะทำอะไรอยู่ 2 ปี จึงได้ไปพบผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง ซึ่งผมนับถือเสมือน "พ่อ" ท่านคือ พระยาศรีวิศาลวาจา
กราบเรียนถามท่านว่า ถ้าเราจะแต่งเพลงรักและบูชาพระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีของเรา โดยใช้ถ้อยคำธรรมดาง่ายๆ แบบชาวบ้าน จะเป็นการมิบังควรหรือเปล่า ท่านบอกเป็นความคิดที่ดีมาก รีบไปทำได้เลย "
" นักประพันธ์เพลงที่ฝีมือดี มีมากมายในบ้านเรา แต่ผู้ที่จะมาสร้างทำนองเพลงอันสำคัญนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก "น้าหมาน" หรือ คุณ สมาน กาญจนผลิน เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่าน เคยบันทึกเสียงเพลงด้วยกันมา ผมทราบดีว่าคนคนนี้ " อัจฉริยะ " "
" ปัญหาอยู่ที่เนื้อร้อง ผมตรงไปพบ คุณ สุรัฐ พุกกะเวส นักประพันธ์เพลงอาวุโส และช่วงนั้นท่านเป็นนายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงด้วย ท่านขอเวลา 2 วัน ถึงเวลาไปรับเนื้อเพลงปรากฏว่ายาวมาก ถ้อยคำส่วนใหญ่จะเป็นราชาศัพท์ ไม่ตรงกับใจที่หวังไว้ ถึงอย่างไร ก็ถือว่าได้เริ่มต้นกันแล้ว "
" คิดอยู่อีกนานว่าจะทำอย่างไร เผอิญได้พบกับคุณ ชาลี อินทรวิจิตร ในร้านอาหาร "สีทันดร" ผมระบายความในใจและสิ่งที่อยากจะได้ให้เขาฟัง บอกชื่อเพลงให้เขาไปว่า "สดุดีมหาราชา" รุ่งขึ้นรับชาลีที่บ้านหลังศาลเจ้าแซ่ซิ้ม ธนบุรี ตี 5 ครึ่งบึ่งไปบ้านน้าหมานในซอยข้างวัดเทพธิดาราม...
พอเริ่มแต่งเพลง ชาลีเริ่มเกร็ง เนื้อร้องต้องมาก่อน เอาง่ายๆ แบบชาวบ้านแต่ประทับใจผมบอก ชาลีเถียง ....นั่นแหละยากแล้ว ชาลีก็ถามผมขึ้นมาลอยๆว่า "เออ ชรินทร์ ถ้าเผอิญในหลวงท่านมาในซอยนี้ แล้วเราไปเจอพระองค์ท่านเราจะทำยังไง" ผมก็บอกไปว่า "เราคงต้องนั่ง หรือคุกเข่าพนมมือ...ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า....แล้วเรามีอะไรก็กราบบังคมทูลพระองค์ท่าน" ชาลีรีบเขียนในกระดาษ
....ขอเดชะองค์พระประมุขภูมิพล มิ่งขวัญปวงชนประชาชาติไทย....
" เหมือนลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง แล้วก็พาความวิตกกังวลที่สุมอยู่ในหัวใจผมมานานหายไปในพริบตา ผมดึงเนื้อเพลงบรรทัดนั้นส่งให้น้าหมาน ท่านพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนไล่เสียง ไม่นานเลย แล้วทำนองเพลงก็หลั่งไหลมา ครั้งเดียวก็ดีเยี่ยม เป็นทำนองที่เราท่านทั้งหลายร้องสดุดีมหาราชาจากวันนั้นถึงวันนี้
ได้บรรทัดแรกมา เราสามคนก็หายจากอาการเกร็ง...ฟ้าดินเป็นใจเราแล้ว
ก็แต่งต่อจนจบท่อน "สดุดีมหาราชา...สดุดีมหาราชินี" แล้วชาลีก็พูดขึ้นอีกว่า...ต่อไปนี้เป็นท่อนจบความไพราะทั้งหลายทั้งปวง จะต้องมารวมกันอยู่ที่ตรงนี้....และนี่คือเนื้อเพลง... "...อ่าองค์พระสยมบรมราชันย์ขวัญหล้า..."
น้าหมานอ่านเนื้อแล้วไล่คีย์เปียโน...บอกว่าทำนองจะขาดไป 2 ห้อง ต้องทำสะพานดนตรีลงมารับกับคำร้องท่อนสุดท้าย ...อ่าองค์พระสยม...แล้วท่านก็ดีดให้ฟัง
อีกครั้ง อัจฉริยะชนคนธรรมดาสำแดงฤทธิ์ทางดนตรี ดีดทีเดียวก็ไพเราะจับใจ ท่านผู้อ่านลองร้องดูเถอะครับ...
"...อ่าองค์พระสยมบรมราชันย์ขวัญหล้า เปล่งบุญญาสมสง่าบารมี ผองข้าพระพุทธเจ้า น้อมเกล้าขออัญชุลี สดุดีมหาราชา สดุดีมหาราชินี..."
ขอเดชะองค์พระประมุขภูมิพล มิ่งขวัญ ปวงชนประชาชาติไทย
มหาราช ขัตติย ภูวไนย ดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชา
ขอเดชะองค์สมเด็จพระราชินี คู่บุญ บารมีจักรีเกริกฟ้า
องค์สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มหาราชา ข้าพระพุทธเจ้าขอสดุดี
อ่าองค์พระสยมบรมราชันขวัญหล้า เปล่งบุญญาสมสง่าบารมี
ผองข้าพระพุทธเจ้า น้อมเกล้าขออัญชุลี สดุดีมหาราชา สดุดีมหาราชินี
ที่มา : Kom Chad Luek / MSN Thailand >> Link