รีวิวสำหรับใครที่เจอบูธรับสมัครเข้าแคมป์IYF พวกเขามาอีกแล้วจร้า!!....ที่จะชอบมีคนต่างชาติมาพูดอะไรงงๆใส่ จังหวะงงก็เอาเราเข้าไปนั่งฟังในบูธ อารมณ์แบบทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
จขกท. อยากมาแชร์ว่าแคมป์IYFเป็นยังไง จากที่เราไปเข้าแคมป์มาครั้งหนึ่งค่ะ คือแรกสุดเราโดนลากมาที่บูธIYFของนาง นี่ก็เห็นเป็นคนเกาหลีแล้วแบบยอมเสียค่าสมัครไปร้อยหนึ่งเพราะใจไม่แข็งพอต่อโครงหน้าแบบนี้ ก็อ้ะ...ยอม แต่ที่สนใจอย่างคือนางบอกว่ามูลนิธินางไปต่างประเทศได้ เรียนภาษาฟรี แบบเฮ้ย! จริงอ่อวะ? ไปทำไร? เหตุใดถึงฟรี? นี่ก็ตาโต ก็โอเค...ลงชื่อไปนำร่องไปก่อนเลย แต่จริงๆคือกะจะไปสืบหาข้อมูลทีหลังเองอ่ะแหละ
แคมป์วันที่ 28 ถึง 30 มกรานะถ้าจำไม่ผิด จัดที่ธรรมศาสตร์ พอไปถึงปุ๊บก็ต้องลงทะเบียนซึ่งมันค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร เป็นแคมป์ที่คนเยอะมว๊ากกกกกก ไม่รู้เข้าค่ายหรือแจกข้าวสารฟรี พอลงทะเบียนเสร็จแล้วเราก็ได้ไอเท็มมา 3 อย่าง คือ
1.ป้ายคล้องคอ (เป็นกระดาษแข็งผูกเชือกสีขาว พร้อมชื่อกลุ่มที่เราอยู่)
2.เสื้อสีชมพูปักโลโก้IYF (อันนี้เสื้อสำหรับเข้าแคมป์)
3.ไบเบิล เป็นเล่มสีน้ำเงินเล็กๆ (อันนี้งงๆแต่ก็รับมา)
พอเข้าไปห้องประชุมส่วนใหญ่ก็คนไทยทั้งนั้นนะ จะเจอต่างชาติก็มีบ้าง ที่เยอะสุดก็คนเกาหลีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตาฟ มีคนฟิลิปปินส์ คนอินเดีย คนจีน แล้วก็พวกเพื่อนบ้านแถบอาเซียนเรา
เริ่มด้วยการแสดงบนเวที มีวงดนตรี ออกแนวออเคสต้า+วงร้องเพลงประสานเสียง มารู้ทีหลังว่าทุกคนเป็นเด็กม.ปลายจากโรงเรียนดนตรีของเกาหลี คือบั่บเก่งมากอ่ะ สมัยม.ปลายนี่ยังเล่นเป่าขลุ่ยด้วยจมูกกับเพื่อนอยู่เลย เพลงอะไรมั่งไม่รู้นะรู้แต่น้องเกาของพี่ร้องเพลงได้หล่อ ออร่า ดั้งพุ่งมาก(เอิ่ม?) เพราะมากดูเพลินๆดี แล้วก็มีเต้นวัฒนธรรมของหลายๆประเทศที่ชุดการแสดงก็อลังการดี ส่วนตัวชอบรำพัดเกาหลีอ่ะ จ๋วยยๆ การแสดงนี่อยากให้ลองไปนั่งดู คือดีจริงๆค่ะ
มีละคร เป็นเหมือนเรื่องเล่าของคนที่เคยไปเป็นอาสาสมัครว่าไปเจออะไรมาบ้าง แล้วชีวิตพลิกผันเปลี่ยนไปยังไง ได้อะไรกลับมาเป็นละคร Feel Good ธรรมดาๆชุดหนึ่ง แต่นักแสดงเล่นได้อารมณ์จริง ขนาดอยู่ไกลยังสัมผัสได้ ซึ่งสามารถเรียกน้ำตาได้พอควรเลย แต่มองไปแล้วแบบ เอ๊ะ! พี่สตาฟโต๊ะลงทะเบียนนี่หว่า มาเล่นเป็นนางเอกเฉยเลยยย คนคุมเครื่องเสียงเมื่อเช้าก็แสดงด้วย สรุปคือนักแสดงทั้งหมดก็คือสตาฟนี่แหล่ะ5555 ตลกอ่ะชอบ
แต่ทีเด็ดสุดที่เราอยากจะเน้นเลย! ร่ำลือกันทุกเว็บทุกรีวิว ทุกคอมเม้น ซึ่งทุกคนที่ไปแคมป์นี้ต้องเจอ คือ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พูดง่ายๆคือบอสสุด ใหญ่สุด เป็นคนเกาหลีอายุมากพอสมควร เขาจะออกมาบรรยายนานมากกกกกกประมาณชั่วโมง หน้าจอก็จะขึ้นเนื้อหาที่มาจากไบเบิ้ล นี่ก็จริงๆเตรียมใจมาแล้วส่วนหนึ่ง แรกๆก็ฟังบ้างงีบบ้าง หลังๆนี่หลับลึกฝันเป็นเรื่องเป็นราว เราสังเกตว่าจะมีคำที่IYFพูดบ่อยมากในแคมป์ ไม่ว่าจะตอนบรรยายหรือทำกิจกรรม พูดง่ายๆคือทุกๆกิจกรรมจะมีคำว่า “จิตใจ” ตลอด คือพูดทั้งแคมป์ พูดวนซ้ำไปมาเหมือนพยายามจะเน้น เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลับจะได้เข้าใจว่าตกลงIYFนี่ต้องการอะไรกันแน่อ่า? สรุปคือมันไม่ใช่ศาสนาซะทีเดียว เหมือนๆจะมีการเอาจิตวิทยา จิตใจมนุษย์ เรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์อะไรทำนองนั้นเข้ามาด้วย มีเหตุผลที่มาที่ไป ถึงจะมีเปิดไบเบิ้ลบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดถึงศาสนาชวนเชื่ออะไรเลยนะ เอาจริงๆส่วนตัวเราไม่ได้อะไรกับเรื่องศาสนาอยู่แล้วด้วยแหล่ะ แต่ที่เราสนใจคือน่าจะเป็นวิธีคิดของเขามากกว่า คืออารมณ์ประมาณว่า “แปลกแต่จริง” ทำนองนี้จริงๆนะ เรามองว่ามันเป็นแค่มุมมองอีกมุมหนึ่งที่ต้องเปิดใจก่อนฟังมากๆ(เน้นว่ามากๆ) ซึ่งพอฟังดูแล้วบางทีเราก็เผลอพูด เออว่ะ ทำไมเราคิดไม่ได้วะ? ออกมาด้วย555 คือสรุปแล้วต้องเปิดใจเยอะมากอ่ะในส่วนนี้ ฟังไปฟังมากลับชอบด้วยนะ (แต่ขอติงเรื่องแอร์ในห้องประชุม คือ หนาวมากกกกก หนาวขี้มูกแข็ง นี่แทบจะหยิบก้อนนิ่วให้สตาฟดูเพราะถูกห้ามไม่ให้ไปฉี่ระหว่างบรรยาย อันนี้เกินไปนะบางที)
ก่อนจะปล่อยให้ไปพักผ่อนจะได้เจอเพื่อนร่วมกลุ่มซึ่งแคมป์นี้จับกลุ่มแยกชายหญิงด้วยค่ะ จะมีพี่หัวหน้ากลุ่มสตาฟมาสรุปที่ฟังบรรยาย เรายอมรับว่าเรื่องบางอย่างที่นางพูดเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ฟังๆไป นางก็มาเล่าประสบการณ์อาสาสมัครนู่นนี่ให้ฟังตลกๆ คือนางเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีนี่นั่งขำกันจนปวดฉี่ ดูเป็นมิตรทุกคนดูแฮปปี้ดูสนิทกันเร็วมากกกก วันก่อนจะกลับมีเพื่อนในกลุ่มพูดความในใจตัวเองออกมาแบบน้ำตาไหลพรากๆ เหมือนอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับครอบครัว ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีคนพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลยอ่ะ คนอื่นๆก็เริ่มพูด ปลอบใจให้กำลังใจจนตอนนี้กลายเป็นเพื่อนที่ติดต่อกันมาจนถึงตอนนี้เฉยเลย คือมันแปลกมากอ่ะ ถึงมีบางช่วงที่ฟังๆแล้วเผลอหลับ แต่บรรยากาศรวมๆแล้วมันโอเคกว่าที่คิด
มีกิจกรรมนอกห้องประชุมด้วยนะ มีให้เล่นเกมเข้าฐาน(คนคุมเกมเป็นคนเกาหลีนะเออ) มีบูธจากบริษัทดังๆจากข้างนอก ก็สนุกๆเบาๆยามบ่าย หลังจากที่นั่งฟังบรรยายมาตลอดทั้งวันจนตูดด้าน กิจกรรมพวกแหละที่จะช่วยให้คลายกล้ามเนื้อก้นได้บ้างอะไรบ้าง
สรุปโดยรวมนะคะ ค่าย3วัน 2คืนนี่ตื่นพร้อมพระเลยบ่องตง ตื่นเช้ามาก เพลียขอบตา กว่าจะเม้าส์เสร็จกว่าจะได้นอนนี่โรยราเป็นหมีขาดไผ่ แต่ที่อดทนไปได้จนจบเพราะอยากดูการแสดง(โอปป้าคือขุมพลังของหนู) คือทั้งค่ายนี่ประทับใจการแสดงมากจริงๆอันนี้คอนเฟิร์ม ในส่วนของอาหารก็ถือว่า โอเคสำหรับเรา ไม่ได้อร่อยหรูเลิศลอยแม่ช้อยนางรำระบำดวงดาวแต่ก็ไม่ได้แย่จนกินไม่ได้(อันนี้ไม่รู้นะเพราะจขกท.เป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว)
ห้องน้ำของโรงยิมก็ต้องต่อแถวยาวเป็นกำแพงเบอร์ลิน ถึงจะมีทิชชู่ให้แต่ดูจากจำนวนประชากรแล้วแนะนำให้พกทิชชู่ไปเองนะแจ๊ะ มาเข้าค่ายก็ต้องมีการตรากตรำเป็นเรื่องธรรมดา ก็นะอารมณ์เข้าค่ายคนเยอะอ่ะ เห็นสตาฟคนหนึ่งที่มาคุมห้องพักแบบไปตรงไหนก็เจอนางอ่ะ นางวิ่งทั่วทั้งแคมป์เลย555 แปปๆไปตักอาหาร อ่าวเดี๋ยวมาเจอนางเล่นละคร ตอนเย็นก็เจอที่ห้องพัก มารู้ก่อนกลับว่านางเองมีการมีงานทำนะแต่มาเป็นสตาฟที่แคมป์เพราะอยากช่วย นี่เห็นละก็คิดว่าเรื่องความสบายนี่ข้ามได้ก็ข้ามไปเหอะ เห็นใจนาง นางดูเหนื่อย
สรุป: เต็ม 5 ดาว เราให้ ค่ายWorld Camp นี่ (4.3 ดาว) คือต้องยอมรับว่า คนเข้าร่วมเยอะทำให้การจัดการค่ายค่อนข้างไม่เป็นระบบ วุ่นวาย แต่ก็สนุกดีสำหรับเรา เราว่าคุ้มสำหรับการไปร่วมแคมป์นี้ เห็นIYFนางโดนติงมาเยอะนะ แต่นางก็พยายามปรับเท่าที่จะปรับได้นะจากที่เห็น ก็สู้ๆแล้วกันค่ะเป็นกำลังใจให้
ที่มาเขียนนี่เป็นครั้งแรกที่มารีวิวด้วยถ้าผิดพลาดอะไรยังไงต้องข้ออภัยทุกคนด้วยนะคะ พอดีไปเจอบูธIYFมารับสมัครที่ม.เลยอยากแชร์ประสบการณ์เข้าแคมป์มาเผื่อใครอยากจะศึกษาก่อนจะตัดสินใจไปแคมป์เหมือนเรา ส่วนตัวแล้วไม่ได้แอนตี้อะไร เอาจริงๆคือชอบด้วยซ้ำ เราก็ยังอยากลองไปเป็นอาสาสมัครที่ญี่ปุ่นดูเหมือนกัน หวังว่าใครที่จะไปค่ายนี้ ที่สมัครไปแล้วก็ลองไปเจอด้วยตัวเองดู อย่างน้อยถ้าได้อ่านกระทู้ของเราก็น่าจะได้เตรียมตัวก่อนไปค่ายนี้ถูก ขอให้ไปอย่างสนุกและมองโลกในแง่ดีนะคะ
[CR] รีวิว World camp 2016 iyf
จขกท. อยากมาแชร์ว่าแคมป์IYFเป็นยังไง จากที่เราไปเข้าแคมป์มาครั้งหนึ่งค่ะ คือแรกสุดเราโดนลากมาที่บูธIYFของนาง นี่ก็เห็นเป็นคนเกาหลีแล้วแบบยอมเสียค่าสมัครไปร้อยหนึ่งเพราะใจไม่แข็งพอต่อโครงหน้าแบบนี้ ก็อ้ะ...ยอม แต่ที่สนใจอย่างคือนางบอกว่ามูลนิธินางไปต่างประเทศได้ เรียนภาษาฟรี แบบเฮ้ย! จริงอ่อวะ? ไปทำไร? เหตุใดถึงฟรี? นี่ก็ตาโต ก็โอเค...ลงชื่อไปนำร่องไปก่อนเลย แต่จริงๆคือกะจะไปสืบหาข้อมูลทีหลังเองอ่ะแหละ
แคมป์วันที่ 28 ถึง 30 มกรานะถ้าจำไม่ผิด จัดที่ธรรมศาสตร์ พอไปถึงปุ๊บก็ต้องลงทะเบียนซึ่งมันค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร เป็นแคมป์ที่คนเยอะมว๊ากกกกกก ไม่รู้เข้าค่ายหรือแจกข้าวสารฟรี พอลงทะเบียนเสร็จแล้วเราก็ได้ไอเท็มมา 3 อย่าง คือ
1.ป้ายคล้องคอ (เป็นกระดาษแข็งผูกเชือกสีขาว พร้อมชื่อกลุ่มที่เราอยู่)
2.เสื้อสีชมพูปักโลโก้IYF (อันนี้เสื้อสำหรับเข้าแคมป์)
3.ไบเบิล เป็นเล่มสีน้ำเงินเล็กๆ (อันนี้งงๆแต่ก็รับมา)
พอเข้าไปห้องประชุมส่วนใหญ่ก็คนไทยทั้งนั้นนะ จะเจอต่างชาติก็มีบ้าง ที่เยอะสุดก็คนเกาหลีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตาฟ มีคนฟิลิปปินส์ คนอินเดีย คนจีน แล้วก็พวกเพื่อนบ้านแถบอาเซียนเรา
เริ่มด้วยการแสดงบนเวที มีวงดนตรี ออกแนวออเคสต้า+วงร้องเพลงประสานเสียง มารู้ทีหลังว่าทุกคนเป็นเด็กม.ปลายจากโรงเรียนดนตรีของเกาหลี คือบั่บเก่งมากอ่ะ สมัยม.ปลายนี่ยังเล่นเป่าขลุ่ยด้วยจมูกกับเพื่อนอยู่เลย เพลงอะไรมั่งไม่รู้นะรู้แต่น้องเกาของพี่ร้องเพลงได้หล่อ ออร่า ดั้งพุ่งมาก(เอิ่ม?) เพราะมากดูเพลินๆดี แล้วก็มีเต้นวัฒนธรรมของหลายๆประเทศที่ชุดการแสดงก็อลังการดี ส่วนตัวชอบรำพัดเกาหลีอ่ะ จ๋วยยๆ การแสดงนี่อยากให้ลองไปนั่งดู คือดีจริงๆค่ะ
มีละคร เป็นเหมือนเรื่องเล่าของคนที่เคยไปเป็นอาสาสมัครว่าไปเจออะไรมาบ้าง แล้วชีวิตพลิกผันเปลี่ยนไปยังไง ได้อะไรกลับมาเป็นละคร Feel Good ธรรมดาๆชุดหนึ่ง แต่นักแสดงเล่นได้อารมณ์จริง ขนาดอยู่ไกลยังสัมผัสได้ ซึ่งสามารถเรียกน้ำตาได้พอควรเลย แต่มองไปแล้วแบบ เอ๊ะ! พี่สตาฟโต๊ะลงทะเบียนนี่หว่า มาเล่นเป็นนางเอกเฉยเลยยย คนคุมเครื่องเสียงเมื่อเช้าก็แสดงด้วย สรุปคือนักแสดงทั้งหมดก็คือสตาฟนี่แหล่ะ5555 ตลกอ่ะชอบ
แต่ทีเด็ดสุดที่เราอยากจะเน้นเลย! ร่ำลือกันทุกเว็บทุกรีวิว ทุกคอมเม้น ซึ่งทุกคนที่ไปแคมป์นี้ต้องเจอ คือ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พูดง่ายๆคือบอสสุด ใหญ่สุด เป็นคนเกาหลีอายุมากพอสมควร เขาจะออกมาบรรยายนานมากกกกกกประมาณชั่วโมง หน้าจอก็จะขึ้นเนื้อหาที่มาจากไบเบิ้ล นี่ก็จริงๆเตรียมใจมาแล้วส่วนหนึ่ง แรกๆก็ฟังบ้างงีบบ้าง หลังๆนี่หลับลึกฝันเป็นเรื่องเป็นราว เราสังเกตว่าจะมีคำที่IYFพูดบ่อยมากในแคมป์ ไม่ว่าจะตอนบรรยายหรือทำกิจกรรม พูดง่ายๆคือทุกๆกิจกรรมจะมีคำว่า “จิตใจ” ตลอด คือพูดทั้งแคมป์ พูดวนซ้ำไปมาเหมือนพยายามจะเน้น เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลับจะได้เข้าใจว่าตกลงIYFนี่ต้องการอะไรกันแน่อ่า? สรุปคือมันไม่ใช่ศาสนาซะทีเดียว เหมือนๆจะมีการเอาจิตวิทยา จิตใจมนุษย์ เรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์อะไรทำนองนั้นเข้ามาด้วย มีเหตุผลที่มาที่ไป ถึงจะมีเปิดไบเบิ้ลบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดถึงศาสนาชวนเชื่ออะไรเลยนะ เอาจริงๆส่วนตัวเราไม่ได้อะไรกับเรื่องศาสนาอยู่แล้วด้วยแหล่ะ แต่ที่เราสนใจคือน่าจะเป็นวิธีคิดของเขามากกว่า คืออารมณ์ประมาณว่า “แปลกแต่จริง” ทำนองนี้จริงๆนะ เรามองว่ามันเป็นแค่มุมมองอีกมุมหนึ่งที่ต้องเปิดใจก่อนฟังมากๆ(เน้นว่ามากๆ) ซึ่งพอฟังดูแล้วบางทีเราก็เผลอพูด เออว่ะ ทำไมเราคิดไม่ได้วะ? ออกมาด้วย555 คือสรุปแล้วต้องเปิดใจเยอะมากอ่ะในส่วนนี้ ฟังไปฟังมากลับชอบด้วยนะ (แต่ขอติงเรื่องแอร์ในห้องประชุม คือ หนาวมากกกกก หนาวขี้มูกแข็ง นี่แทบจะหยิบก้อนนิ่วให้สตาฟดูเพราะถูกห้ามไม่ให้ไปฉี่ระหว่างบรรยาย อันนี้เกินไปนะบางที)
ก่อนจะปล่อยให้ไปพักผ่อนจะได้เจอเพื่อนร่วมกลุ่มซึ่งแคมป์นี้จับกลุ่มแยกชายหญิงด้วยค่ะ จะมีพี่หัวหน้ากลุ่มสตาฟมาสรุปที่ฟังบรรยาย เรายอมรับว่าเรื่องบางอย่างที่นางพูดเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ฟังๆไป นางก็มาเล่าประสบการณ์อาสาสมัครนู่นนี่ให้ฟังตลกๆ คือนางเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีนี่นั่งขำกันจนปวดฉี่ ดูเป็นมิตรทุกคนดูแฮปปี้ดูสนิทกันเร็วมากกกก วันก่อนจะกลับมีเพื่อนในกลุ่มพูดความในใจตัวเองออกมาแบบน้ำตาไหลพรากๆ เหมือนอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับครอบครัว ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีคนพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลยอ่ะ คนอื่นๆก็เริ่มพูด ปลอบใจให้กำลังใจจนตอนนี้กลายเป็นเพื่อนที่ติดต่อกันมาจนถึงตอนนี้เฉยเลย คือมันแปลกมากอ่ะ ถึงมีบางช่วงที่ฟังๆแล้วเผลอหลับ แต่บรรยากาศรวมๆแล้วมันโอเคกว่าที่คิด
มีกิจกรรมนอกห้องประชุมด้วยนะ มีให้เล่นเกมเข้าฐาน(คนคุมเกมเป็นคนเกาหลีนะเออ) มีบูธจากบริษัทดังๆจากข้างนอก ก็สนุกๆเบาๆยามบ่าย หลังจากที่นั่งฟังบรรยายมาตลอดทั้งวันจนตูดด้าน กิจกรรมพวกแหละที่จะช่วยให้คลายกล้ามเนื้อก้นได้บ้างอะไรบ้าง
สรุปโดยรวมนะคะ ค่าย3วัน 2คืนนี่ตื่นพร้อมพระเลยบ่องตง ตื่นเช้ามาก เพลียขอบตา กว่าจะเม้าส์เสร็จกว่าจะได้นอนนี่โรยราเป็นหมีขาดไผ่ แต่ที่อดทนไปได้จนจบเพราะอยากดูการแสดง(โอปป้าคือขุมพลังของหนู) คือทั้งค่ายนี่ประทับใจการแสดงมากจริงๆอันนี้คอนเฟิร์ม ในส่วนของอาหารก็ถือว่า โอเคสำหรับเรา ไม่ได้อร่อยหรูเลิศลอยแม่ช้อยนางรำระบำดวงดาวแต่ก็ไม่ได้แย่จนกินไม่ได้(อันนี้ไม่รู้นะเพราะจขกท.เป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว)
ห้องน้ำของโรงยิมก็ต้องต่อแถวยาวเป็นกำแพงเบอร์ลิน ถึงจะมีทิชชู่ให้แต่ดูจากจำนวนประชากรแล้วแนะนำให้พกทิชชู่ไปเองนะแจ๊ะ มาเข้าค่ายก็ต้องมีการตรากตรำเป็นเรื่องธรรมดา ก็นะอารมณ์เข้าค่ายคนเยอะอ่ะ เห็นสตาฟคนหนึ่งที่มาคุมห้องพักแบบไปตรงไหนก็เจอนางอ่ะ นางวิ่งทั่วทั้งแคมป์เลย555 แปปๆไปตักอาหาร อ่าวเดี๋ยวมาเจอนางเล่นละคร ตอนเย็นก็เจอที่ห้องพัก มารู้ก่อนกลับว่านางเองมีการมีงานทำนะแต่มาเป็นสตาฟที่แคมป์เพราะอยากช่วย นี่เห็นละก็คิดว่าเรื่องความสบายนี่ข้ามได้ก็ข้ามไปเหอะ เห็นใจนาง นางดูเหนื่อย
สรุป: เต็ม 5 ดาว เราให้ ค่ายWorld Camp นี่ (4.3 ดาว) คือต้องยอมรับว่า คนเข้าร่วมเยอะทำให้การจัดการค่ายค่อนข้างไม่เป็นระบบ วุ่นวาย แต่ก็สนุกดีสำหรับเรา เราว่าคุ้มสำหรับการไปร่วมแคมป์นี้ เห็นIYFนางโดนติงมาเยอะนะ แต่นางก็พยายามปรับเท่าที่จะปรับได้นะจากที่เห็น ก็สู้ๆแล้วกันค่ะเป็นกำลังใจให้
ที่มาเขียนนี่เป็นครั้งแรกที่มารีวิวด้วยถ้าผิดพลาดอะไรยังไงต้องข้ออภัยทุกคนด้วยนะคะ พอดีไปเจอบูธIYFมารับสมัครที่ม.เลยอยากแชร์ประสบการณ์เข้าแคมป์มาเผื่อใครอยากจะศึกษาก่อนจะตัดสินใจไปแคมป์เหมือนเรา ส่วนตัวแล้วไม่ได้แอนตี้อะไร เอาจริงๆคือชอบด้วยซ้ำ เราก็ยังอยากลองไปเป็นอาสาสมัครที่ญี่ปุ่นดูเหมือนกัน หวังว่าใครที่จะไปค่ายนี้ ที่สมัครไปแล้วก็ลองไปเจอด้วยตัวเองดู อย่างน้อยถ้าได้อ่านกระทู้ของเราก็น่าจะได้เตรียมตัวก่อนไปค่ายนี้ถูก ขอให้ไปอย่างสนุกและมองโลกในแง่ดีนะคะ