สวัสดีครับทุกท่าน อยากเล่าแชร์ประสบการณ์การเป็น Panic ของผมนะครับ
ออกตัวก่อนครับตอนนั้นผมเป็นคนน้ำหนักค่อนข้างเยอะ 97 ก.ก. สูง 165 ตอนนั้นเหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่เคยขาดปาก มารู้สึกตัวอีกทีหน้ามืดจะวูบๆไปหลายครั้ง ขั้นแรกเลยคงคิดว่า บุหรี่นี้แหละตัวการ เลยเลิกสูบบุหรี่แบบหักดิบหยุดไปดื้อๆเลยครับ ไหนๆก็หยุดแล้ว เหล้า เบียร์ก็เลยหยุดตามไปด้วย เลยหันมาออกกำลังกายโดยการวิ่ง ช่วงนั้นเคยตั้งกระทู้ถามเรื่องการวิ่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/35491595
จริงๆทุกคนที่เห็นผมในช่วงนั้นต้องคิดว่ายังไงร้อยทั้งร้อยผมดีขึ้นแน่ๆ ทั้งคนรอบข้างผม แม่ เมีย เพื่อนฝูง พี่น้องที่ทำงาน ทุกคน รวมทั้งตัวผมเองด้วยผมคิดว่ายังไงมันต้องดีขึ้นแน่นอน แต่ผิดถนัดครับ การที่ผมออกไปวิ่งแทบจะทุกวัน วันละ 30-40 นาที งด บุหรี่ เหล้า เบียร์ กลับกลายเป็นว่าผมสุขภาพย้ำแย่ขึ้นซะดื้อๆอย่างนั้น
นั่งทำงานหน้าคอมฯที่ทำงาน อยู่ๆก็รู้สึกวูบ หน้ามืด มองหน้าจอแล้วตาลาย แขน+ขา ไม่มีแรง ใจสั่นระรัว ปวดท้ายทอย คิดในใจเฮ้ย!!กูเป็นไรวะ เลยลุกจากโต๊ะเดินไปห้องครัวหาอะไรหวานๆกินเผื่อจะดีขึ้น ช่วงระหว่างที่เดินเริ่มมีอาการวูบวาบ หน้ามืด จะล้ม แต่ก็ไม่ล้ม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดินไปก็คิดไปเป็นอะไรวะ ได้แต่คิดว่าสงสัยเป็นผลพวงมาจากเลิกบุหรี่ โอเคทำใจดูดมานานติดมานานคงเป็นผลข้างเคียงแน่นอนแต่นี้ก็หยุดมาประมาณ 2 เดือนกว่าแล้วยังมีผลข้างเคียงอีกหรอคิดอย่างนั้นมาตลอด
อาการหน้ามืด แขน+ขาชา ใจสั่นเริ่มเป็นเยอะขึ้นและอาการเกิดบ่อยขึ้น โดยที่ตัวผมเองเริ่มวิตกกังวลว่าเกิดขึ้นจากอะไร เป็นๆหายๆแบบนี้ มีครั้งนึงขับรถไปทำบุญกับครอบครัวขับไปสักพักอาการกำเริบ รู้สึกมึน งง แขน+ขา ชา ใจสั่น จอดรถทิ้งลงข้างทางเลยครับ งงกันทั้งบ้านว่าผมเป็นอะไรผมบอกไม่ไหวแล้ว เหมือนจะตาย ทุกคนบนรถงงกันหมด แฟนผมเลยบอกให้ไปนอนพักเดวจะขับเอง ผมก็โอเคนอนพัก สักพักอาการก็ดีขึ้น ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดไรขึ้นกับร่างกายของเรา ในใจคิดอย่างเดียวเลยว่าโรคหัวใจแน่นอน เพราะญาติผมทั้ง ปู่ ย่า ตา ยาย ของผม เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ครบเลย
มีอยู่วันนึงยืนอาบน้ำอยู่ตอนเช้า อาการกำเริบอีกครั้ง มึนงง หายใจไม่ทั่วท้อง ใจสั่น แขน+ขาชา ไม่มีแรง พยายามฝืนอาบน้ำให้เสร็จ ตะโกนเรียกแฟนหอบลูกให้รีบสตาร์ทรถไป ร.พ. โดยด่วนเพราะรอบนี้รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอาการมาเยอะ พอไปถึง ร.พ. (เป็นโรงพยาบาลเอกชล) กลับไม่เกิดอาการซะงั้น ทั้งๆที่ตอนอยู่บนรถ ใจแทบจะขาด หน้าชา มือชา ขาสั่น ใจสั่น ได้พบกับคุณหมอด้านอายุรกรรม คุณหมอท่านก็สอบถามตรวจเช็คตามอาการ ผมก็เล่าอาการที่เป็นให้ท่านฟัง คุณหมอมีตรวจวัดความดันก็ปกติ จับผมไปวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า ผลออกมาก็ปกติ คุณหมอเลยสรุปให้ผมเป็นโรคออฟฟิตซินโดรม รับประเภทยาคลายกล้ามเนื้อมากิน
หลังจากกลับมาจาก ร.พ. รอบนี้กินยาคลายกลามเนื้อไปก็คงคิดว่าน่าจะเกี่ยวเพราะเราทำงานนั่งหน้าคอมฯตลอดเวลาน่าจะมีส่วน แต่ๆๆๆ อาการเดิมกลับมากำเริบอีกครับ ผมยังคงมีอาการ มึนงง หน้ามืด ใจสั่น ปวดหัว ปวดท้ายทอย แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อาการเดิมๆแบบที่เคยเป็น แต่ในใจก็ภาวนาว่ามันคงไม่เป็นอะไรคิดไปต่างๆนาๆ
มันทรมานมากๆครับ โดยเฉพาะตอนที่อาการกำเริบช่วงเวลาก่อนนอนเคลิ้มๆจะหลับ อยู่ดีๆใจสั่นเหมือนจะตาย หายใจไม่สะดวก เจ็บแน่นๆบริเวณหน้าอก มวลท้องปั่นป่วนไปหมด พออาการดีขึ้นผมก็เฝ้าแต่คิดว่าอาการจะเกิดอีกเมื่อไหร่ เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน จนทนไม่ไหวเลยไปหาหมออีกครั้ง
คราวนี้ผมเลือกที่จะไปหาหมอโรคหัวใจโดยตรง เป็นคลินิกเกี่ยวกับโรคหัวใจ คุณหมอก็ตรวจ จับผมตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าอีกครั้ง ผลออกมาก็ปกติ ทุกอย่างปกติ ความดันปกติ ผมเองก็สงสัยว่า เฮ้ยยย!!! ตกลงเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอบอกว่ากล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ คุณหมอเลยให้ยาเหมือนเดิมครับ ยาคลายกล้ามเนื้อแล้วก็บำรุงเลือดไปเลี้ยงสมอง
คนรอบข้างผมเริ่มวิตกไปตามๆกันว่าผมเป็นอะไร ผมหมดกับการรักษาค่ายาไปค่อนข้างเยอะพอสมควร การทำงานผมประสิทธิภาพเริ่มลดลงเรื่อยๆ ผิดพลาดบ่อยขึ้น อีกทั้งกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไหร่ทั้งอยู่ที่ทำงาน ทั้งอยู่ที่บ้าน ทั้งเวลากินข้าว อาบน้ำ นอน ในสมองคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไหร่กลัวอาการกำเริบ มีครั้งนึงไปวิ่งที่สวนสาธารณะ วิ่งไปสักพักใจสั่นเหมือนจะตายหายใจไม่ออก กลัวขึ้นมาดื้อๆอย่างนั้น คิดไปต่อว่าตายไม่ได้กูตายไม่ได้ ตรงนี้ไม่มีคนรู้จัก ใครจะพาไป ร.พ. ตายไม่ได้ จะมาตายคาสวนสาธารณะไม่ได้ คิดอยู่อย่างนั้น จนต้องกลับบ้านไม่วงไม่วิ่งมันแล้ววันนั้น
ยิ่งเปิดดูในกูเกิ้ล ดูไปเรื่อยๆยิ่งเครียด กลัวเป็นนู้น นี้ นั้น กลัวไปหมด เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็กลัว ตอนนี้ในสมองคิดแต่เรื่องกลัวตาย กลัวไปหมด กลัวอาการกำเริบด้วย คิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน จนหัวแทบระเบิด จนดูไปดูมาเจอโรคนึง คล้ายๆกับที่เราเป็น นั้นคือโรค Panic อืมมมมมมม.......... หรือว่าเราจะเป็นโรคนี้วะ เลยปรึกษากับคนในบ้าน ทั้ง แม่ ทั้ง แฟน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นคนวันละโรควันละหมอ หรือเรียกง่ายๆว่าไอ้คนร้อยหมอ ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เพราะคนในบ้านตอนนี้ต่างคิดว่าผมเป็นพวกวิตกกังวลคิดไปเอง
ผมเลยตัดสินใจไปพบจิตเวชเป็นคลินิกเอกชลแห่งหนึ่ง หลังจากได้ไปพบคุณหมอก็เล่าเรื่องราวต่างๆมากมายและอาการที่เกิดกับตัวเองให้คุณหมอฟัง
สรุป ผมเป็นโรคแพนิคจริงๆด้วย เป็นแพนิคที่อาการก่อเกิดมาจากการที่ผมหักดิบเลิกสูบบุหรี่ เหล้าเบียร์ กลัวความตายนั้นเอง จริงๆคุณหมอขยายความมาเป็นภาษาอังกฤษอาการหรือชนิดของโรคแพนิคที่ผมเป็นแต่ผมจำไม่ได้ คุณหมอจ่ายยามาให้ 3 ตัว กินก่อนนอน 2 ตัว อย่างละ 1 เม็ด และตอนเช้า 1 ตัว ครึ่งเม็ด (ไม่ขอบอกชนิดของยานะครับไปพบแพทย์ดีที่สุด) ให้ลองไปทานก่อน 2 สัปดาห์ (ราคายาค่อนข้างแพงพอสมควรครับ)
หลังจากได้ยามาทาน เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ จากที่ผมเป็นคนที่คิดอยู่ในหัวสมองอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะเกิดตอนไหน กลับไม่คิด อาการหายไปเฉยๆซะอย่างนั้น แต่ก็จะมีบ้างที่อาการกำเริบ แต่มาแค่นิดหน่อยครับไม่หนักเหมือนตอนไม่ทานยาและก็ไม่เป็นระยะเวลานานเหมือนที่เคยเป็น บางวันไม่เกิดอาการเลย แต่จะมีผลจากยาที่ผมอาจจะต้องทนคือ ง่วงนอนนิดหน่อยตอนกลางวันในช่วงสองอาทิตย์แรก แต่รวมๆแล้วดีขึ้นเยอะมากๆ
ตอนนี้ทานยามาได้เดือนกว่าๆละครับ อาการดีขึ้นเยอะมาก อาการแทบไม่กำเริบ คุณหมอเรียกแฟนไปคุยไปปรับทัศนคติให้เข้าใจเรามากขึ้น ตอนนี้ชีวิตแฮบปี้ดีขึ้นครับ ไปวิ่งไปออกกำลังกายได้ปกติเหมือนเดิมแล้วไม่กลัวตายคาสวนสาธารณะอีกแล้ว ผลพวงดีขึ้นมาอีกคือผมสามารถเลิก บุหรี่ เหล้า เบียร์ อีกทั้งชา กาแฟ อะไรที่จะก่อให้เกิดแพนิค ผมเลิกหมดตอนนี้ น้ำหนักลดลงไป 6 ก.ก. วิ่งได้ระยะไกลมากกว่าเดิมขึ้น แต่คุณหมอบอกว่าต้องทานยาต่อไปอีกต่อเนื่องถึง 6 เดือน และยืนยันว่าผมจะหายขาดจากโรคนี้แน่นอน
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นโรคนี้อยู่นะครับ เข้าใจจริงๆครับว่ามันทรมานมากแค่ไหนไอ้โรคนี้ ความคิดคิดวนจนสมองแทบจะระเบิด สู้ๆนะครับ หายแน่นอนครับถ้ารักษาถูกวิธี
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ อาจจะยาวไปสักหน่อยขอบคุณครับ
เมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรค Panic
ออกตัวก่อนครับตอนนั้นผมเป็นคนน้ำหนักค่อนข้างเยอะ 97 ก.ก. สูง 165 ตอนนั้นเหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่เคยขาดปาก มารู้สึกตัวอีกทีหน้ามืดจะวูบๆไปหลายครั้ง ขั้นแรกเลยคงคิดว่า บุหรี่นี้แหละตัวการ เลยเลิกสูบบุหรี่แบบหักดิบหยุดไปดื้อๆเลยครับ ไหนๆก็หยุดแล้ว เหล้า เบียร์ก็เลยหยุดตามไปด้วย เลยหันมาออกกำลังกายโดยการวิ่ง ช่วงนั้นเคยตั้งกระทู้ถามเรื่องการวิ่ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จริงๆทุกคนที่เห็นผมในช่วงนั้นต้องคิดว่ายังไงร้อยทั้งร้อยผมดีขึ้นแน่ๆ ทั้งคนรอบข้างผม แม่ เมีย เพื่อนฝูง พี่น้องที่ทำงาน ทุกคน รวมทั้งตัวผมเองด้วยผมคิดว่ายังไงมันต้องดีขึ้นแน่นอน แต่ผิดถนัดครับ การที่ผมออกไปวิ่งแทบจะทุกวัน วันละ 30-40 นาที งด บุหรี่ เหล้า เบียร์ กลับกลายเป็นว่าผมสุขภาพย้ำแย่ขึ้นซะดื้อๆอย่างนั้น
นั่งทำงานหน้าคอมฯที่ทำงาน อยู่ๆก็รู้สึกวูบ หน้ามืด มองหน้าจอแล้วตาลาย แขน+ขา ไม่มีแรง ใจสั่นระรัว ปวดท้ายทอย คิดในใจเฮ้ย!!กูเป็นไรวะ เลยลุกจากโต๊ะเดินไปห้องครัวหาอะไรหวานๆกินเผื่อจะดีขึ้น ช่วงระหว่างที่เดินเริ่มมีอาการวูบวาบ หน้ามืด จะล้ม แต่ก็ไม่ล้ม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดินไปก็คิดไปเป็นอะไรวะ ได้แต่คิดว่าสงสัยเป็นผลพวงมาจากเลิกบุหรี่ โอเคทำใจดูดมานานติดมานานคงเป็นผลข้างเคียงแน่นอนแต่นี้ก็หยุดมาประมาณ 2 เดือนกว่าแล้วยังมีผลข้างเคียงอีกหรอคิดอย่างนั้นมาตลอด
อาการหน้ามืด แขน+ขาชา ใจสั่นเริ่มเป็นเยอะขึ้นและอาการเกิดบ่อยขึ้น โดยที่ตัวผมเองเริ่มวิตกกังวลว่าเกิดขึ้นจากอะไร เป็นๆหายๆแบบนี้ มีครั้งนึงขับรถไปทำบุญกับครอบครัวขับไปสักพักอาการกำเริบ รู้สึกมึน งง แขน+ขา ชา ใจสั่น จอดรถทิ้งลงข้างทางเลยครับ งงกันทั้งบ้านว่าผมเป็นอะไรผมบอกไม่ไหวแล้ว เหมือนจะตาย ทุกคนบนรถงงกันหมด แฟนผมเลยบอกให้ไปนอนพักเดวจะขับเอง ผมก็โอเคนอนพัก สักพักอาการก็ดีขึ้น ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดไรขึ้นกับร่างกายของเรา ในใจคิดอย่างเดียวเลยว่าโรคหัวใจแน่นอน เพราะญาติผมทั้ง ปู่ ย่า ตา ยาย ของผม เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ครบเลย
มีอยู่วันนึงยืนอาบน้ำอยู่ตอนเช้า อาการกำเริบอีกครั้ง มึนงง หายใจไม่ทั่วท้อง ใจสั่น แขน+ขาชา ไม่มีแรง พยายามฝืนอาบน้ำให้เสร็จ ตะโกนเรียกแฟนหอบลูกให้รีบสตาร์ทรถไป ร.พ. โดยด่วนเพราะรอบนี้รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอาการมาเยอะ พอไปถึง ร.พ. (เป็นโรงพยาบาลเอกชล) กลับไม่เกิดอาการซะงั้น ทั้งๆที่ตอนอยู่บนรถ ใจแทบจะขาด หน้าชา มือชา ขาสั่น ใจสั่น ได้พบกับคุณหมอด้านอายุรกรรม คุณหมอท่านก็สอบถามตรวจเช็คตามอาการ ผมก็เล่าอาการที่เป็นให้ท่านฟัง คุณหมอมีตรวจวัดความดันก็ปกติ จับผมไปวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า ผลออกมาก็ปกติ คุณหมอเลยสรุปให้ผมเป็นโรคออฟฟิตซินโดรม รับประเภทยาคลายกล้ามเนื้อมากิน
หลังจากกลับมาจาก ร.พ. รอบนี้กินยาคลายกลามเนื้อไปก็คงคิดว่าน่าจะเกี่ยวเพราะเราทำงานนั่งหน้าคอมฯตลอดเวลาน่าจะมีส่วน แต่ๆๆๆ อาการเดิมกลับมากำเริบอีกครับ ผมยังคงมีอาการ มึนงง หน้ามืด ใจสั่น ปวดหัว ปวดท้ายทอย แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อาการเดิมๆแบบที่เคยเป็น แต่ในใจก็ภาวนาว่ามันคงไม่เป็นอะไรคิดไปต่างๆนาๆ
มันทรมานมากๆครับ โดยเฉพาะตอนที่อาการกำเริบช่วงเวลาก่อนนอนเคลิ้มๆจะหลับ อยู่ดีๆใจสั่นเหมือนจะตาย หายใจไม่สะดวก เจ็บแน่นๆบริเวณหน้าอก มวลท้องปั่นป่วนไปหมด พออาการดีขึ้นผมก็เฝ้าแต่คิดว่าอาการจะเกิดอีกเมื่อไหร่ เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน จนทนไม่ไหวเลยไปหาหมออีกครั้ง
คราวนี้ผมเลือกที่จะไปหาหมอโรคหัวใจโดยตรง เป็นคลินิกเกี่ยวกับโรคหัวใจ คุณหมอก็ตรวจ จับผมตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าอีกครั้ง ผลออกมาก็ปกติ ทุกอย่างปกติ ความดันปกติ ผมเองก็สงสัยว่า เฮ้ยยย!!! ตกลงเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอบอกว่ากล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ คุณหมอเลยให้ยาเหมือนเดิมครับ ยาคลายกล้ามเนื้อแล้วก็บำรุงเลือดไปเลี้ยงสมอง
คนรอบข้างผมเริ่มวิตกไปตามๆกันว่าผมเป็นอะไร ผมหมดกับการรักษาค่ายาไปค่อนข้างเยอะพอสมควร การทำงานผมประสิทธิภาพเริ่มลดลงเรื่อยๆ ผิดพลาดบ่อยขึ้น อีกทั้งกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไหร่ทั้งอยู่ที่ทำงาน ทั้งอยู่ที่บ้าน ทั้งเวลากินข้าว อาบน้ำ นอน ในสมองคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไหร่กลัวอาการกำเริบ มีครั้งนึงไปวิ่งที่สวนสาธารณะ วิ่งไปสักพักใจสั่นเหมือนจะตายหายใจไม่ออก กลัวขึ้นมาดื้อๆอย่างนั้น คิดไปต่อว่าตายไม่ได้กูตายไม่ได้ ตรงนี้ไม่มีคนรู้จัก ใครจะพาไป ร.พ. ตายไม่ได้ จะมาตายคาสวนสาธารณะไม่ได้ คิดอยู่อย่างนั้น จนต้องกลับบ้านไม่วงไม่วิ่งมันแล้ววันนั้น
ยิ่งเปิดดูในกูเกิ้ล ดูไปเรื่อยๆยิ่งเครียด กลัวเป็นนู้น นี้ นั้น กลัวไปหมด เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็กลัว ตอนนี้ในสมองคิดแต่เรื่องกลัวตาย กลัวไปหมด กลัวอาการกำเริบด้วย คิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน จนหัวแทบระเบิด จนดูไปดูมาเจอโรคนึง คล้ายๆกับที่เราเป็น นั้นคือโรค Panic อืมมมมมมม.......... หรือว่าเราจะเป็นโรคนี้วะ เลยปรึกษากับคนในบ้าน ทั้ง แม่ ทั้ง แฟน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นคนวันละโรควันละหมอ หรือเรียกง่ายๆว่าไอ้คนร้อยหมอ ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เพราะคนในบ้านตอนนี้ต่างคิดว่าผมเป็นพวกวิตกกังวลคิดไปเอง
ผมเลยตัดสินใจไปพบจิตเวชเป็นคลินิกเอกชลแห่งหนึ่ง หลังจากได้ไปพบคุณหมอก็เล่าเรื่องราวต่างๆมากมายและอาการที่เกิดกับตัวเองให้คุณหมอฟัง
สรุป ผมเป็นโรคแพนิคจริงๆด้วย เป็นแพนิคที่อาการก่อเกิดมาจากการที่ผมหักดิบเลิกสูบบุหรี่ เหล้าเบียร์ กลัวความตายนั้นเอง จริงๆคุณหมอขยายความมาเป็นภาษาอังกฤษอาการหรือชนิดของโรคแพนิคที่ผมเป็นแต่ผมจำไม่ได้ คุณหมอจ่ายยามาให้ 3 ตัว กินก่อนนอน 2 ตัว อย่างละ 1 เม็ด และตอนเช้า 1 ตัว ครึ่งเม็ด (ไม่ขอบอกชนิดของยานะครับไปพบแพทย์ดีที่สุด) ให้ลองไปทานก่อน 2 สัปดาห์ (ราคายาค่อนข้างแพงพอสมควรครับ)
หลังจากได้ยามาทาน เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ จากที่ผมเป็นคนที่คิดอยู่ในหัวสมองอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะเกิดตอนไหน กลับไม่คิด อาการหายไปเฉยๆซะอย่างนั้น แต่ก็จะมีบ้างที่อาการกำเริบ แต่มาแค่นิดหน่อยครับไม่หนักเหมือนตอนไม่ทานยาและก็ไม่เป็นระยะเวลานานเหมือนที่เคยเป็น บางวันไม่เกิดอาการเลย แต่จะมีผลจากยาที่ผมอาจจะต้องทนคือ ง่วงนอนนิดหน่อยตอนกลางวันในช่วงสองอาทิตย์แรก แต่รวมๆแล้วดีขึ้นเยอะมากๆ
ตอนนี้ทานยามาได้เดือนกว่าๆละครับ อาการดีขึ้นเยอะมาก อาการแทบไม่กำเริบ คุณหมอเรียกแฟนไปคุยไปปรับทัศนคติให้เข้าใจเรามากขึ้น ตอนนี้ชีวิตแฮบปี้ดีขึ้นครับ ไปวิ่งไปออกกำลังกายได้ปกติเหมือนเดิมแล้วไม่กลัวตายคาสวนสาธารณะอีกแล้ว ผลพวงดีขึ้นมาอีกคือผมสามารถเลิก บุหรี่ เหล้า เบียร์ อีกทั้งชา กาแฟ อะไรที่จะก่อให้เกิดแพนิค ผมเลิกหมดตอนนี้ น้ำหนักลดลงไป 6 ก.ก. วิ่งได้ระยะไกลมากกว่าเดิมขึ้น แต่คุณหมอบอกว่าต้องทานยาต่อไปอีกต่อเนื่องถึง 6 เดือน และยืนยันว่าผมจะหายขาดจากโรคนี้แน่นอน
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นโรคนี้อยู่นะครับ เข้าใจจริงๆครับว่ามันทรมานมากแค่ไหนไอ้โรคนี้ ความคิดคิดวนจนสมองแทบจะระเบิด สู้ๆนะครับ หายแน่นอนครับถ้ารักษาถูกวิธี
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ อาจจะยาวไปสักหน่อยขอบคุณครับ