เมื่อ 3 วันก่อน เพิ่งได้ยินหลานสาวตัวน้อยวัย 6 ขวบ และเกือบจะ 8 ขวบ พูดพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้คือ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
เพราะหลานสาวถูกเลี้ยงโดยไม่ให้ดูโทรทัศน์มาตั้งแต่เกิด ไม่ให้ดูสื่อไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือบันเทิงใดๆทั้งสิ้น จึงได้รีบอัดวีดีโอเอาไว้
สิ่งที่พวกเขาพูดได้มาจากการพูดคุยกันกับพ่อแม่ และการสอนตั้งแต่เล็กๆให้พยายามจดจำในหลวงของพวกเขา อย่างแรกที่พวกเขาทำได้ก็คือการท่องจำ
แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่พวกเขาได้มีโอกาสซึมซับการเป็นประขาขนของพระองค์น้อยปีเหลือเกิน จึงได้แนะนำพ่อแม่ของหลานสาวไปว่า
ข่วง 30 วันนี้เปิดโทรทัศน์ตลอดเวลาให้พวกเขานั่งดู เพราะโอกาสอย่างนี้ไม่มีทางเกิดอีกแล้ว ที่รายการโทรทัศน์จะไม่มีสื่อบันเทิงใดๆ ไม่มีโฆษณายั่วยุใดๆ ไม่มีภาพยนตร์หรือละครรุนแรงใดๆ มีแต่พระราชประวัติของพระองค์ พระราชกรณียกิจของพระองค์ มีแต่ข่าวสรรเสริญพระองค์ มีแต่ข่าวการแสดงความอาลัยพระองค์จากคนรุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าของพวกเขาทั้งประเทศ
ให้พวกเขาดูให้มากที่สุด ภาพเก่าๆ แปลก ยิ่งดึงดูดความสนใจเค้า ให้เค้าได้ซึมซึบ ซึมซับอะไรบ้างเหรอ
สำหรับความคิดของพ่อแม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกในยุคสังคมก้มหน้า ยุคแห่งความกล้าในการแสดงออก ยุคที่ความสำเร็จวัดด้วยระดับการศึกษาและอำนาจหน้าที่การงาน ให้เปลี่ยนกลับไปสู่ยุคที่ลูกสามารถยืนด้วยชีวิตสามัญ ที่สามารถดำเนินอยู่ได้โดยมีสติ มีความสุขที่แท้จริง เอาตัวรอดจากความทุกข์ทั้งหลาย เด็กๆของพวกเขาจะได้ซึมซับแน่นอน
ฉันคงไม่พูดถึงพระอัจฉริยภาพและโครงการในแนวพระราชดำริต่างๆมากมายของพระองค์ที่พวกเราได้ประจักษ์ เพราะเด็กๆคงไม่เข้าใจจากการดูในโทรทัศน์ แต่พวกเขาจะเข้าใจการดำรงจริยวัตรของพระองค์ การปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรมราชา ได้เห็นหลักทศพิธราขธรรมจากทุกสารคดีของพระองค์ พวกเขาจะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ...
มีความเพียร ในการเดินป่า ข้ามแม่น้ำ ย่ำเลน ขับรถติดหล่ม นั่งเรือ นั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อแน่วแน่ ในการเข้าไปให้ถึงในถิ่นธุรกันดารที่พวกเด็กคงไม่เคยเห็นมาก่อน
มีการให้ทาน เห็นท่านสละราชทรัพย์ สร้าง มูลนิธิราชประชาสมาสัย, มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ทุนพระราขทานต่างๆ มอบสื่งดำรงชีพกับประชาชนที่ขาดแคลน
มีการเสียสละ เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ คิดค้นโครงการต่าง เพื่อช่วยยกระดับชีวิตประชาชน
มีความอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้สูงค่าทางจิตที่สุดคือผู้ก้มลงมาหาผู้คนทุกๆคนได้ พระองค์ไม่ยืนค้ำหัวราษฎร์ถ้าต้องยืนนาน ทรงนั่งหรือโน้มตัวลงมาคุยกับประชาชน
มีความไม่โกรธ ทุกความไม่สบายกาย เมื่ออยู่ในที่ทุรกันดาร ทุกอุปสรรคที่พระองค์ประสพ พระองค์ไม่เคยหงุดหงิดหรือโกรธ ไม่มีอะไรทำร้ายอารมณ์ของพระองค์ได้
มีความอดทน เราสามารถเห็นภาพชินตาขณะทรงงานท่ามกลางแดดเผา ห้องทำงานของพระองค์อยู่ทุกที่ใต้ฟ้าเมืองไทย ทรงปาดพระเสโท แต่ก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
มีความไม่เบียดเบียน การเบียดเบียนผู้อื่นน้อยที่สุด ก็คือการใช้จ่ายสิ่งต่างๆอย่างพอดีกับชีวิตมากที่สุด และใช้อย่างคุ้มค่าที่สุดโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
มีความเมตตา บุคคลที่แตกต่างกันทางศาสนา พระองค์ให้การดูแลเท่าเทียมกัน บารมีแห่งความเมตตา ทำให้พระองค์สามารถเจรจาบุคคลที่ต่างความคิดทางการเมืองให้หยุดสู้รบกันได้ เพราะพระเมตตาของพระองค์จึงนำพาชาติผ่านวิกฤตการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้
มีความเที่ยงธรรม ทรงอนุญาตประชาชนไม่สวมเสื้อผ้าก็สามารถพูดคุยกับท่านได้เพราะรับรู้ถึงความจำเป็น ไม่ถือพระองค์ และยังทรงรับเป็นพระสหายอีกด้วย
เด็กที่ไม่มีโอกาสซึมชับคุณธรรมเหล่านี้ผ่านการมองเห็นมากว่า 30 -70 ปีอย่างรุ่นฉัน ในเวลา 30 วันนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเขาได้จดจำพระบุรุษอันเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงค์ธรรมอย่างมากที่สุด การไม่เห็นแก่ตน การละความเป็นตัวตนอย่างชัดเจนที่สุดไม่มากก็น้อย ที่เหลือจากนี้ เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะสานต่อเรื่องราวอื่นของท่านมาเป็นหลักดำเนินชีวิตพวกเขามากน้อยอย่างไรก็สุดแล้วแต่
สำหรับฉัน ฉันดีใจที่ได้เกิดและอยู่ในแผ่นดินของพระองค์ท่าน ได้รักท่านผ่านธรรมะที่ท่านมี เพียงแต่หวังไว้ว่าฉันและผู้อื่นที่เคยได้ซึมชับความทรงธรรมจากท่านจะไม่ลืมง่าย จะจดจำวันมหาวิปโยควันนี้ และตั้งมั่นฝึกจิตปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญรอยตามท่านได้ตลอดชีวิตตนจะหาไม่ เท่านี้ประโยชน์สุขที่พระองค์ท่านหวังไว้กับลูกๆของท่านในปัจจุบัน ก็จะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน แม้พระองค์ท่านจะจากไปพวกเราแล้ว
สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.นพรัตน์
น่าเสียดายสำหรับเด็กเล็กๆในยุคนี้และที่เกิดหลังจากวันสิ้นรัขกาล ที่มีโอกาสซึมซับธรรมราชาน้อยปีเหลือเกิน
เพราะหลานสาวถูกเลี้ยงโดยไม่ให้ดูโทรทัศน์มาตั้งแต่เกิด ไม่ให้ดูสื่อไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือบันเทิงใดๆทั้งสิ้น จึงได้รีบอัดวีดีโอเอาไว้
สิ่งที่พวกเขาพูดได้มาจากการพูดคุยกันกับพ่อแม่ และการสอนตั้งแต่เล็กๆให้พยายามจดจำในหลวงของพวกเขา อย่างแรกที่พวกเขาทำได้ก็คือการท่องจำ
แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่พวกเขาได้มีโอกาสซึมซับการเป็นประขาขนของพระองค์น้อยปีเหลือเกิน จึงได้แนะนำพ่อแม่ของหลานสาวไปว่า
ข่วง 30 วันนี้เปิดโทรทัศน์ตลอดเวลาให้พวกเขานั่งดู เพราะโอกาสอย่างนี้ไม่มีทางเกิดอีกแล้ว ที่รายการโทรทัศน์จะไม่มีสื่อบันเทิงใดๆ ไม่มีโฆษณายั่วยุใดๆ ไม่มีภาพยนตร์หรือละครรุนแรงใดๆ มีแต่พระราชประวัติของพระองค์ พระราชกรณียกิจของพระองค์ มีแต่ข่าวสรรเสริญพระองค์ มีแต่ข่าวการแสดงความอาลัยพระองค์จากคนรุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าของพวกเขาทั้งประเทศ
ให้พวกเขาดูให้มากที่สุด ภาพเก่าๆ แปลก ยิ่งดึงดูดความสนใจเค้า ให้เค้าได้ซึมซึบ ซึมซับอะไรบ้างเหรอ
สำหรับความคิดของพ่อแม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกในยุคสังคมก้มหน้า ยุคแห่งความกล้าในการแสดงออก ยุคที่ความสำเร็จวัดด้วยระดับการศึกษาและอำนาจหน้าที่การงาน ให้เปลี่ยนกลับไปสู่ยุคที่ลูกสามารถยืนด้วยชีวิตสามัญ ที่สามารถดำเนินอยู่ได้โดยมีสติ มีความสุขที่แท้จริง เอาตัวรอดจากความทุกข์ทั้งหลาย เด็กๆของพวกเขาจะได้ซึมซับแน่นอน
ฉันคงไม่พูดถึงพระอัจฉริยภาพและโครงการในแนวพระราชดำริต่างๆมากมายของพระองค์ที่พวกเราได้ประจักษ์ เพราะเด็กๆคงไม่เข้าใจจากการดูในโทรทัศน์ แต่พวกเขาจะเข้าใจการดำรงจริยวัตรของพระองค์ การปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรมราชา ได้เห็นหลักทศพิธราขธรรมจากทุกสารคดีของพระองค์ พวกเขาจะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ...
มีความเพียร ในการเดินป่า ข้ามแม่น้ำ ย่ำเลน ขับรถติดหล่ม นั่งเรือ นั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อแน่วแน่ ในการเข้าไปให้ถึงในถิ่นธุรกันดารที่พวกเด็กคงไม่เคยเห็นมาก่อน
มีการให้ทาน เห็นท่านสละราชทรัพย์ สร้าง มูลนิธิราชประชาสมาสัย, มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ทุนพระราขทานต่างๆ มอบสื่งดำรงชีพกับประชาชนที่ขาดแคลน
มีการเสียสละ เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ คิดค้นโครงการต่าง เพื่อช่วยยกระดับชีวิตประชาชน
มีความอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้สูงค่าทางจิตที่สุดคือผู้ก้มลงมาหาผู้คนทุกๆคนได้ พระองค์ไม่ยืนค้ำหัวราษฎร์ถ้าต้องยืนนาน ทรงนั่งหรือโน้มตัวลงมาคุยกับประชาชน
มีความไม่โกรธ ทุกความไม่สบายกาย เมื่ออยู่ในที่ทุรกันดาร ทุกอุปสรรคที่พระองค์ประสพ พระองค์ไม่เคยหงุดหงิดหรือโกรธ ไม่มีอะไรทำร้ายอารมณ์ของพระองค์ได้
มีความอดทน เราสามารถเห็นภาพชินตาขณะทรงงานท่ามกลางแดดเผา ห้องทำงานของพระองค์อยู่ทุกที่ใต้ฟ้าเมืองไทย ทรงปาดพระเสโท แต่ก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
มีความไม่เบียดเบียน การเบียดเบียนผู้อื่นน้อยที่สุด ก็คือการใช้จ่ายสิ่งต่างๆอย่างพอดีกับชีวิตมากที่สุด และใช้อย่างคุ้มค่าที่สุดโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
มีความเมตตา บุคคลที่แตกต่างกันทางศาสนา พระองค์ให้การดูแลเท่าเทียมกัน บารมีแห่งความเมตตา ทำให้พระองค์สามารถเจรจาบุคคลที่ต่างความคิดทางการเมืองให้หยุดสู้รบกันได้ เพราะพระเมตตาของพระองค์จึงนำพาชาติผ่านวิกฤตการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้
มีความเที่ยงธรรม ทรงอนุญาตประชาชนไม่สวมเสื้อผ้าก็สามารถพูดคุยกับท่านได้เพราะรับรู้ถึงความจำเป็น ไม่ถือพระองค์ และยังทรงรับเป็นพระสหายอีกด้วย
เด็กที่ไม่มีโอกาสซึมชับคุณธรรมเหล่านี้ผ่านการมองเห็นมากว่า 30 -70 ปีอย่างรุ่นฉัน ในเวลา 30 วันนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเขาได้จดจำพระบุรุษอันเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงค์ธรรมอย่างมากที่สุด การไม่เห็นแก่ตน การละความเป็นตัวตนอย่างชัดเจนที่สุดไม่มากก็น้อย ที่เหลือจากนี้ เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะสานต่อเรื่องราวอื่นของท่านมาเป็นหลักดำเนินชีวิตพวกเขามากน้อยอย่างไรก็สุดแล้วแต่
สำหรับฉัน ฉันดีใจที่ได้เกิดและอยู่ในแผ่นดินของพระองค์ท่าน ได้รักท่านผ่านธรรมะที่ท่านมี เพียงแต่หวังไว้ว่าฉันและผู้อื่นที่เคยได้ซึมชับความทรงธรรมจากท่านจะไม่ลืมง่าย จะจดจำวันมหาวิปโยควันนี้ และตั้งมั่นฝึกจิตปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญรอยตามท่านได้ตลอดชีวิตตนจะหาไม่ เท่านี้ประโยชน์สุขที่พระองค์ท่านหวังไว้กับลูกๆของท่านในปัจจุบัน ก็จะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน แม้พระองค์ท่านจะจากไปพวกเราแล้ว
สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.นพรัตน์