ผมคนนึงที่ยังรับไม่ได้กับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าวันที่ท่านสวรรคต(ขออภัยถ้าผมเล่าแล้วใช้ราชาศัพท์ไม่ถูกต้อง)
ตัวผมยังใช้ชีวิตปกติทั่วไปดั่งวัยรุ่นคนหนึ่ง คืนวันที่11 ผมฝันเห็นพระองค์ ผมขอไม่ลงรายละเอียดความฝัน
แต่ผมฝันเห็นพระองค์ท่านจริงๆ ตื่นขึ้นมาผมรู้สึกสับสนไปหมดแทบจะทุกอย่างว่าทำไมผมถึงฝันถึงพระองค์ท่าน
ผมบอกพ่อแม่และยายผม เขาบอกว่ามันเป็นฝันดี แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น
ผมเปิดทีวี เห็นข่าวพอดีว่าท่านทรงประชวรหนัก บวกกับเพื่อในไลน์ส่งแถลงการ์ณฉบับที่38มาพอดี
ผมรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อเห็นพระอาการของพระองค์ รู้สึกน้ำตาตื้นขึ้นมาแปลกๆ เพราะผมเพิ่งฝันเห็นท่าน
แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ฝันดี สายตาพระองค์ท่านในฝันของผม ท่านเลื่อนลอยเอาเสียมากๆ
วันนั้นผมไม่มีสมาธิหรืออย่างไร ผมทำจานแตก รู้สึกกังวลไปหมด ยิ่งมองรูปท่านอยู่ๆก็ยิ่งใจหาย
จนกระทั่งคืนวันที่12
ผมอ่านหนังสือสอบไม่รู้เรื่อง ยิ่งเห็นในทวิตเตอร์ยิ่งตอกย้ำความเศร้า แม้ตอนนั้นพระองค์จะยังอยู่
ผมก็รู้สึกไม่ดีจนน้ำตาผมไหลออกมา
ผมทนไม่ไหว ผมโทรไปร้องไห้ใส่แฟน ช่วงตีสอง ผมโทรไปเล่าความฝันของผม
แฟนผมบอกว่าไม่มีอะไรท่านต้องหาย ท่านจะอยู่ถึง120ปี
ผมก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ร้องโฮออกมาอย่างไม่อายเลย
ผมร้องไห้จนเหนื่อย คล้อยหลับไปตอนช่วงตีสี่
เช้าวันที่13
ไม่มีการแถลงอาการของพระองค์ท่าน ซ้ำยังมีข่าวไม่ดีมากมาย ผมได้แต่คิดว่าเป็นข่าวลือ
ผมไม่ออกไปไหนเลย นั่งอยู่หน้าจอทีวี อยู่หน้ามือถือ อ่านหนังสือบ้างแต่อ่านไม่เข้าหัวไปหมด
ผมกังวลมากๆ
ช่วงตกเย็น ผมพาสุนัขของผมออกไปเดินเล่น ทุกอย่างยังปกติ ทุกคนยังค้าขายยังพูดคุยอย่างสนุกสนาน
คุณยายแถวบ้านผมยังหัวเราะร่าบอก พระองค์ทรงสัญญาไว้แล้ว มันต้องเป็นข่าวดี
ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่าทุกคนกำลังรอฟังข่าวดีจริงๆ แม้ใจผมจะยังกังวล แต่รอยยิ้มของทุกคนทำให้ผมรู้สึก
คลายกังวลลงไปบ้าง
18.40 เย็นวันที่13
ผมปอกผลไม้มานั่งหน้าทีวีกับยายของผม และน้องชาย น้องสาว
พ่อกับแม่ผมยังคงทำงาน ผมนั่งรอหน้าทีวี คนไทยทั้งประเทศรอ
รอ รอ รอ รอ
19.00 น.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต
ใจผมเหมือนแทบสลาย ทุกอย่างเงียบไปหมดหลังจากที่พื้นสีขาวดำนั้นขึ้นมา
ผมได้ยินเสียงยายผมสะอื้น แล้วพูดว่า ทำไม .. ทำไม
ซ้ำไปซ้ำมา น้องชายผมปิดหน้า กุมรูปพระองค์แน่น ตัวผมหัวโล่ง
ว่างเปล่าไปหมดทั้งใจ ทุกเสียงร้องไห้และเสียงสื่อตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝัน
ยายผมหันมากอดผม เท่านั้นผมต้องกลั้นน้ำตาไว้ ปลอบยายผม แม้ผมจะปลอบเขา
ตั้งแต่บ่ายสองแล้ว แต่เมื่ออะไรมันมาเป็นเรื่องจริงและสำคัญ แถลงออกอากาศย่อมไม่มีใครทำใจไหว
ตัวผมที่ร้องไห้มาตั้งแต่เมื่อคืน ผมยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาผมไหลออกมา กอดกับยายกับน้อง
ผมโทรไปหาพ่อกับแม่ผม น้ำเสียงทั้งคู่ต่างผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เรื่องมันผ่านมาแล้วหนึ่งวัน และกำลังจะเริ่มนับเป็นวันที่สอง
แต่ตัวผมยังทำใจไม่ได้ เห็นอะไรก็พาลน้ำตารื้นขึ้นมาหมด
พระองค์ทรงอยู่ในใจคนไทยทุกคน ผมหวังว่า ชาติหน้าเกิดมา
อยากเกิดมาในประเทศที่มีกษัตริย์เป็นพระองค์ท่านอีก
ระหว่างพิมพ์ไปก็ร้องไห้ไป มีใครยังทำใจไม่ได้บ้างมั้ยครับ?
มีใครยังทำใจไม่ได้กับเหตการ์ณที่เกิดขึ้นบ้างครับ.
ตัวผมยังใช้ชีวิตปกติทั่วไปดั่งวัยรุ่นคนหนึ่ง คืนวันที่11 ผมฝันเห็นพระองค์ ผมขอไม่ลงรายละเอียดความฝัน
แต่ผมฝันเห็นพระองค์ท่านจริงๆ ตื่นขึ้นมาผมรู้สึกสับสนไปหมดแทบจะทุกอย่างว่าทำไมผมถึงฝันถึงพระองค์ท่าน
ผมบอกพ่อแม่และยายผม เขาบอกว่ามันเป็นฝันดี แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น
ผมเปิดทีวี เห็นข่าวพอดีว่าท่านทรงประชวรหนัก บวกกับเพื่อในไลน์ส่งแถลงการ์ณฉบับที่38มาพอดี
ผมรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อเห็นพระอาการของพระองค์ รู้สึกน้ำตาตื้นขึ้นมาแปลกๆ เพราะผมเพิ่งฝันเห็นท่าน
แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ฝันดี สายตาพระองค์ท่านในฝันของผม ท่านเลื่อนลอยเอาเสียมากๆ
วันนั้นผมไม่มีสมาธิหรืออย่างไร ผมทำจานแตก รู้สึกกังวลไปหมด ยิ่งมองรูปท่านอยู่ๆก็ยิ่งใจหาย
จนกระทั่งคืนวันที่12
ผมอ่านหนังสือสอบไม่รู้เรื่อง ยิ่งเห็นในทวิตเตอร์ยิ่งตอกย้ำความเศร้า แม้ตอนนั้นพระองค์จะยังอยู่
ผมก็รู้สึกไม่ดีจนน้ำตาผมไหลออกมา
ผมทนไม่ไหว ผมโทรไปร้องไห้ใส่แฟน ช่วงตีสอง ผมโทรไปเล่าความฝันของผม
แฟนผมบอกว่าไม่มีอะไรท่านต้องหาย ท่านจะอยู่ถึง120ปี
ผมก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ร้องโฮออกมาอย่างไม่อายเลย
ผมร้องไห้จนเหนื่อย คล้อยหลับไปตอนช่วงตีสี่
เช้าวันที่13
ไม่มีการแถลงอาการของพระองค์ท่าน ซ้ำยังมีข่าวไม่ดีมากมาย ผมได้แต่คิดว่าเป็นข่าวลือ
ผมไม่ออกไปไหนเลย นั่งอยู่หน้าจอทีวี อยู่หน้ามือถือ อ่านหนังสือบ้างแต่อ่านไม่เข้าหัวไปหมด
ผมกังวลมากๆ
ช่วงตกเย็น ผมพาสุนัขของผมออกไปเดินเล่น ทุกอย่างยังปกติ ทุกคนยังค้าขายยังพูดคุยอย่างสนุกสนาน
คุณยายแถวบ้านผมยังหัวเราะร่าบอก พระองค์ทรงสัญญาไว้แล้ว มันต้องเป็นข่าวดี
ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่าทุกคนกำลังรอฟังข่าวดีจริงๆ แม้ใจผมจะยังกังวล แต่รอยยิ้มของทุกคนทำให้ผมรู้สึก
คลายกังวลลงไปบ้าง
18.40 เย็นวันที่13
ผมปอกผลไม้มานั่งหน้าทีวีกับยายของผม และน้องชาย น้องสาว
พ่อกับแม่ผมยังคงทำงาน ผมนั่งรอหน้าทีวี คนไทยทั้งประเทศรอ
รอ รอ รอ รอ
19.00 น.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต
ใจผมเหมือนแทบสลาย ทุกอย่างเงียบไปหมดหลังจากที่พื้นสีขาวดำนั้นขึ้นมา
ผมได้ยินเสียงยายผมสะอื้น แล้วพูดว่า ทำไม .. ทำไม
ซ้ำไปซ้ำมา น้องชายผมปิดหน้า กุมรูปพระองค์แน่น ตัวผมหัวโล่ง
ว่างเปล่าไปหมดทั้งใจ ทุกเสียงร้องไห้และเสียงสื่อตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝัน
ยายผมหันมากอดผม เท่านั้นผมต้องกลั้นน้ำตาไว้ ปลอบยายผม แม้ผมจะปลอบเขา
ตั้งแต่บ่ายสองแล้ว แต่เมื่ออะไรมันมาเป็นเรื่องจริงและสำคัญ แถลงออกอากาศย่อมไม่มีใครทำใจไหว
ตัวผมที่ร้องไห้มาตั้งแต่เมื่อคืน ผมยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาผมไหลออกมา กอดกับยายกับน้อง
ผมโทรไปหาพ่อกับแม่ผม น้ำเสียงทั้งคู่ต่างผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เรื่องมันผ่านมาแล้วหนึ่งวัน และกำลังจะเริ่มนับเป็นวันที่สอง
แต่ตัวผมยังทำใจไม่ได้ เห็นอะไรก็พาลน้ำตารื้นขึ้นมาหมด
พระองค์ทรงอยู่ในใจคนไทยทุกคน ผมหวังว่า ชาติหน้าเกิดมา
อยากเกิดมาในประเทศที่มีกษัตริย์เป็นพระองค์ท่านอีก
ระหว่างพิมพ์ไปก็ร้องไห้ไป มีใครยังทำใจไม่ได้บ้างมั้ยครับ?