- - - เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่า 'รัก' พระองค์ท่าน - - -

สวัสดีค่ะ เราขออนุญาตเจียดพื้นที่เล็กๆ นี้ตั้งกระทู้สักกระทู้เกี่ยวกับพระองค์ท่านนะคะ
และต้องขออภัยเป็นอย่างสูง หาก Tag ผิดค่ะ  

หัวใจ


ขอย้อนไปถึงในวัยเด็กนะคะ  เราก็เป็นเด็กไทยธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่เติบโตในประเทศไทย ท่ามกลางผู้ใหญ่และสังคมที่มี
ความจงรัก และ ภักดี เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้า แต่ทั้งหมด.... ขอสารภาพว่า เราทำเพราะ
สิ่งแวดล้อมที่พร่ำสอน ด้วยขนบที่ยึดถือปฏิบัติกันมาโดยมิได้ตั้งข้อสังเกตหรือซักถาม


จนกระทั่งโตพอรู้ความ ได้รู้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ผ่านแบบเรียน รายการข่าวโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์
นิตยสาร และคำบอกเล่าต่อกันมา  ความรู้สึกแรกประสาเด็ก คือ ทึ่ง ในพระราชปณิธาน ที่มุ่งมั่น, พระวิริยะอุตสาหะ-
พากเพียรไปเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนของท่าน

แม้ในถิ่นทุรกันดารที่ต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น
แม้ในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ ฝนตก แดดร้อนจัด หรือหนาวเหน็บ
แม้วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ที่ประชาชนของท่านหาความสำราญอยู่บ้าน
และแม้ขณะที่ทรงพระประชวร พระวรกายไม่แข็งแรง หรือกระทั่งพำนักรักษาพระองค์อยู่ในสถานพยาบาล


ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ได้ซึมซับเข้าสู่ความรับรู้ และส่งผ่านไปยังหัวใจเราและคนไทยอีกทั่วประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้วยความสม่ำเสมอและด้วยระยะเวลาเนิ่นนานมาตลอดหลายสิบปี

นี่กระมัง ที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง
รักที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้คนที่ไม่ได้ร่วมในประสบการณ์เดียวกันเข้าใจได้


จนเมื่อเรียนจบเริ่มทำงาน  ช่วงแรกๆ ของการทำงานเราอยู่ในตำแหน่งเล็กๆ ในบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานในไทย
และมีเจ้านายเป็นชาวต่างชาติ ..... ชาติที่ไม่ได้มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเหมือนประเทศเรา

และในวันหนึ่งระหว่างพักหลังทานข้าว นั่งคุยกันสัพเพเหระ เจ้านายต่างชาติถามเราว่า
การมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเป็นความรู้สึกยังไงเหรอ ?
ตอนนั้นเราได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร ใจจริงก็คงเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร - เพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เจ้านายจึงถามให้ง่ายขึ้นว่า แล้วเรารักท่านไหม พระมหากษัตริย์ของเรา ?
เราพยักหน้าและตอบว่า Absolutely
เจ้านายถามต่อ เคยเห็นพระองค์จริงของท่านหรือไม่ ?
  “ ยัง ยังไม่เคยเลย “ เราตอบ

เจ้านายจึงถามคำถามสำคัญ :
แล้วเราจะรัก คนที่เราไม่เคยเห็นแม้แต่ตัวจริงได้อย่างไร ?

ด้วยอะไรก็ตาม...เราตอบไปโดยไม่ต้องคิดเลยว่า  

“I have no idea why I love and how much I love ....... but I'm willing to die for him”


เจ้านายมองหน้าแล้วนิ่งไป ไม่ได้ถามอะไรต่ออีกเลย


และในวันนั้น  คงเป็นครั้งแรกที่เราตระหนักได้ว่า  นี่คือความรัก
รักอย่างปราศจากเงื่อนไขหรือความคลางแคลงใดๆ
รักในสิ่งที่สูงส่งที่สุดของชีวิตและเทิดไว้เหนือหัว
.
.
.
แม้ในวันนี้ ท่านจะเสด็จสู่สวรรคาลัย สู่ดินแดนแสนไกลเกินที่เราจะมีโอกาสให้เห็นพระพักตร์ท่านได้อีก  
แต่ความจงรัก และ ภักดีนั้น จะยังคงอยู่กับเราตราบเท่าที่ลมหายใจเรายังมี


ในวันนี้ เรากำลังร้องไห้ร่วมกัน  
แต่หากน้ำตาเหือดแห้งเมื่อใด
เราหวังเหลือเกินว่า พวกเราชาวไทยจะลุกขึ้นยืน  ตั้งมั่นในความดี และประกอบสัมมาอาชีพ ทำภาระหน้าที่
อย่างสุจริตเต็มความสามารถ เพื่อร่วมกันรักษาประเทศของเรานี้ไปด้วยกัน

เพื่อพิสูจน์คำว่า 'รัก'   ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เป็นรักที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงเพียงไร


รักฉัน มั่นคงดังวาจา
เห็นใจเถิดหนอ
ขอมอบไว้ให้สัญญา
ฉันจะบูชา ชั่วนิจนิรันดร
……. ชั่วนิจนิรันดร



ขอกราบแทบพระบาทน้อมส่งเสด็จพระองค์สู่สวรรคาลัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่