**รีวิวต่อเนื่องจาก http://ppantip.com/topic/35695079 ขับรถเที่ยวเยอรมัน "สะกิดเส้นทางในฝัน München-Tegernsee-Wallgau-Grainau"
ยามอาทิตย์ทอแสง.....ที่อุณหภูมิ 5 องศา ลืมตาตื่นมา ร่างกายก็ต้องการความอบอุ่นทันใด ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมานั้น การรับประทานอาหารทำให้ ร่างการเกิดการเผาผลาญและปลดปล่อยความร้อนออกมา ทำให้อุ่นขึ้น .... แหม่ ว่าไปนั่น !!!
งั้นอย่ามัวรอช้าอยู่ไย ขอไปเชยชมอาหาร Buffet ตอนเช้าที่โรงแรม Eibsee สักหน่อย
คือ เป็นอาหารเช้าตามสไตล์ยุโรปน่ะเนอะ ขนมปังนี่อย่างใหญ่ และหลากหลายมาก (ถามว่ากินเป็นม้ายยย...ช้านตอบเลยว่าม่ายยยย)
ขนมปังทางนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบแข็ง คนบ้านเราไปช่วงแรกๆ คงต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกันอยู่พอสมควรค่ะ ที่กวางเลือกกินวันนั้นนี่ เอ่อ คือเป็นแบบแผ่นสี่เหลี่ยมคล้ายๆบ้านเราแต่แข็งกว่า (คือนึกในใจว่าจะคล้ายที่บ้านเรา) กับแบบ Bretzels ประมาณ Pretzel บ้านเราค่ะ อันนี้อาหย่อยย.....ที่เป็นปลื้ม คือ ชีสสสส มีให้เลือกเยอะมากมาย เรียกกันไม่ถูก ต่างกันตรงไหน ก็ต้องลองชิมกันดู เบคอนไส้กรอก หมูรมควัน แซลมอนรมควัน แล้วแต่จะเลือกสรร และที่บาร์จะมีคนทำพวก Omelet (เลือกส่วนผสมได้) หรือ ไข่ดาวให้ สามารถเดินเข้าไปแจ้งได้เลย มื้อเช้านั้น เรียกได้ว่าพุงปริ ตัวแตก กันไป
พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน....งั้นเรานอนต่อ >> ไม่ได้ !!! ไปเดินชมทะเลสาบ Eibsee ที่ติดกับโรงแรมเลยดีกว่า เดินออกมานอกโรงแรม บรรยากาศช่างดี๊ดี เช้าวันนั้นอุณหภูมิ เป็นเลขตัวเดียวค่ะ ประมาณ 5-8 องศาฯ สบ๊ายยยย อากาศเหมือนบ้านเรา (เหร๊ออ)
น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียวใสปิ๊ง จนมองเห็นท้องทะเลสาบ มองเงยขึ้นไป เห็นฉากหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ อุทานได้คำเดียว....ว้าวววววว !!! ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์
#ภูเขาข้างหลังนั่น เด๋วเจอกานน
ทะเลสาบ Eibsee - เห็นพื้นท้องทะเลสาบนั่นไหม
น้ำในทะเลสาบใส ราวกับกระจก
หลังชักภาพจนพอใจ เราก็เก็บข้าวของเพื่อ checked out ออกจากโรงแรม เตรียมเดินทางต่อ
#สรุปค่าเข้าพักที่ Eibsee hotel เป็นห้องพักเตียงคู่ 1 คืน view ไม่ติดทะเลสาบ จองจาก Booking.com ราคา 118€
Zugspitze, Top of Germany
ภารกิจต่อไป คือ พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน ส่วนใหญ่ผู้ที่มาพักที่ Eibsee hotel จะเตรียมสำหรับพิชิตยอดเขา Zugspitze เนื่องจากสถานีรถรางที่จะขึ้นไปบนยอดเขา อยู่ถัดออกไปนิดเดียว ประมาณ 300 เมตร เห็นจะได้ จึงมีความสะดวกมาก
>>
การซื้อตั๋วรถราง แขกที่พักที่โรงแรม สามารถซื้อที่ Front ของโรงแรมได้เลย หรือจะไปซื้อที่สถานีรถรางก็ได้ค่ะ
ราคาตั๋ว ประมาณ 55€ (Adult) จะได้เป็น Card เหมือนตั๋วรถไฟฟ้าบ้านเราน่ะค่ะ หากขาลงใครนำ card มาคืน จะได้เงินคืนประมาณ 2€ ค่ะ
#TIP : การเตรียมตัวก่อนพิชิตยอดเขา
- บนยอดเขา อุณหภูมิจะติดลบตลอด เสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นไปควรกันความหนาวเย็นได้พอสมควร ใครหนาวง่ายก็ใส่ถุงมือ ผ้าพันคออุ่นๆ ไว้ด้วยก็ดีจ้า
- เห็นอากาศเย็นแบบนั้น แดดแรงมากกกก บอกไว้เลย ดังนั้นอย่าลืมทา Sun block ไปด้วยนะคะ เลดี้ทั้งหลาย
เมื่อไปถึงสถานีรถราง
เค้าจะปล่อยคนเข้าไปยืนรอรถรางเป็นรอบๆ โดยจะจำกัดจำนวนคนต่อรอบ เพื่อความปลอดภัยของรถราง สังเกตได้จากปุ่มสีแถวที่เสียบตั๋ว หากขึ้นสีเขียว คือ เสียบตั๋วเข้าไปรอคิวได้ หากเป็นสีแดง ต้องยืนรอคิวค่ะ
รถรางบรรจุคนได้พอสมควร
ในรถรางต้องยืนเท่านั้นนะคะ ไม่มีที่นั่ง รอบๆเป็นกระจกสำหรับมองวิว ซึ่งตรงจุดนี้ ไม่ควรละสายตาจริงๆ เพราะการมองไปที่ทะเลสาบซึ่งจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ เนื่องจากเราขึ้นสูง น้ำในทะเลสาบที่เห็นใกล้ๆว่าใส พอมองไกลๆ เราจะเห็นได้ชัดเลย ว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นมันใสจริง และ
ทะเลสาบมองจากมุมบนก็มีมนต์เสน่ห์ในอีกแบบ เช่นกัน (หากต้องการมองทะเลสาบให้ขึ้นทีหลังนะคะ เพราะขึ้นก่อนจะโดนดันไปข้างหน้า)
ใช้เวลาประมาณ 8 นาทีกว่าๆ รถรางก็จะพาเราขึ้นถึงสถานีบนยอดเขา ที่ความสูงราวๆ 2,962 เมตร
ตึก ตึก ตึก ..... เสียงหัวใจอิฉันเต้นราวกับเจอหนุ่มตาน้ำข้าวหล่อๆ (ว่าไปนั้น 555+) ก็แหม คนเกิดมา ไม่เคยพบเคยเจอ หิมะ ตอนวางแผนมาช่วงนี้ ก็ทำใจแล้วว่า คงไม่เจอหิมะ แต่แล้ว ก็ได้ขึ้นมาเจอจนได้ ถึงจะเป็นหิมะบนยอดเขาก็ตาม
ลงจากรถรางก็ได้สัมผัสหิมะที่กองอยู่ จับเบาๆให้รู้สึก เย็นเล่น ^^ จากนั้นก็เดินค่ะ หรือจะขึ้นลิฟท์ก็ได้ ไปชั้นบนสุด เพื่อ
ออกไปแตะขอบฟ้าาาาาา
เดินออกมาสัมผัส
อากาศ -3 องศาฯ อื้มมม....เย็นน อื้มมมมม......บรึ๋ยยยยย
จริงๆตอนออกไปเดินช่วงแรก ก็ยังไม่ค่อยหนาวเท่าไร กำลังเพลิดเพลินกับความเย็น อยู่ไปสักพัก ไม่เกิน 10 นาที มือกดชัตเตอร์เริ่มรัว แบบควบคุมนิ้วไม่ได้ แหม่....อาการมือแข็ง นิ้วแข็ง มันเป็นงี้นี่เอง กวางถ่ายรูปเล่นไปสักพัก พอเริ่มมือแข็ง ก็ต้องวิ่งเข้าสถานี อุ่นร่างกายแพร้บบ แล้วก้อออกมาใหม่ ทำงี้อยู่ 2-3 รอบ อยู่ข้างบนสถานีจนพอใจ เท่าที่ร่างกายอดทนไหว
#ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตอนมองไปรอบๆจากยอดเขา Zugspitze ........... ไม่สามารถหาคำมาพรรณาได้จริงๆ แม้นรูปที่ถ่ายมานั้น ก็ได้ความงามแค่เพียงเสี้ยวของตาที่ได้มอง
"ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่นัก เกินกว่าที่มนุษย์จักจินตนาการได้"
*** พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของเยอรมันได้แล้วววว เย่ !!! (ดีใจเสมือนปีนเขาขึ้นไปเอง)***
ใช้เวลาอยู่บนยอดเขาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็จำต้องจากลา แดนหิมะบ้านเกิด ^^ เพื่อเดินทางต่อ
ภารกิจถัดไป คือ ไปเยี่ยมชมความงามของ
Königssee เอาล่ะ
Go Go Go !!!
"Königssee ทะเลสาบแดนใต้ ที่มาแล้วคุณจะต้องหลงรัก"
ขับรถ
จาก Eibsee ไปจนถึง Königssee ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ไปถึงที่จอดรถ เห็นรถจอดเยอะมากก และตามระเบียบ คือ อย่าลืมหยอดเหรียญเสียค่าจอดจ้า วันนั้นเรากะ
ใช้เวลา 3 ชั่วโมง จัดค่าที่จอดรถไป 4€ จากนั้น เดินไปดู Information จุดหลักๆที่เที่ยวกัน จะเป็นที่ทะเลสาบ กับขึ้นรถรางเพื่อดูทะเลสาบในมุมสูง แต่ด้วยเวลาจำกัด เราจึงเลือกไปที่ทะเลสาบโดยตรง จึงได้เดินไปที่ท่าเรือ เดินไปสัก 500 เมตร เห็นจะได้ ตลอด 2 ข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม สลับกับร้านของฝาก ของที่ระลึกมากมาย
ถึงท่าเรือแล้ว เราก็ไม่รอช้า ซื้อตั๋วขึ้นเรือทันที ราคาตั๋วล่องเรือต่อผู้ใหญ่ 10 คน คือ 14.5€
จากนั้นก็ลงเรือ ลำขนาดกลางๆไม่ใหญ่ไม่เล็ก ใช้ระยะเวลาในการล่องเรือประมาณ 20 นาที เห็นจะได้ ในระหว่างที่นั่งเรือ ก็จะมีคล้ายๆมัคคุเทศก์ของเรือพูดเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง แต่เอิ่มม....พูดเป็นภาษาเยอรมันสำเนียงใต้ อินี่ฉานฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ มีแค่ช่วงกลางๆของการล่องเรือ ที่จอดเรือนิ่ง แล้ว
คุณลุงมัคคุเทศก์ก็เอาเครื่องดนตรีออกมาเป่า แล้วให้เราฟังเสียง Echo ที่สะท้อนกลับมา ซึ่งเกิดจากการที่ทะเลสาบมีภูเขาห้อมล้อมนั่นเอง ระหว่างทาง จะเห็นสายน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาตามหน้าผาของภูเขา ดูงดงามทีเดียว
Königssee เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเยอรมัน มีอีกชือหนึ่งเรียกกันว่า
King's Lake เพราะคำว่า König ในภาษาเยอรมัน ก็คือ King ในภาษาอังกฤษ นอกจากความสวยงามจนเกินจะบรรยายแล้วนั้น
น้ำในทะเลสาบของที่นี่ยังมีความใส และสะอาดที่สุดอีกด้วย และไม่ว่าจะฤดูไหน
อุณหภูมิของน้ำที่นี่จะอยู่ราวๆ 4 องศาฯ เย็นชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว
Landmark ที่สำคัญของที่นี่ คือ St. Bartholomä โบสถ์ที่มีโดมรูปหัวหอมสีแดงเข้ม ตั้งเด่นตระหง่าน ต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นด่านแรก
มาถึงอีกฝั่งแล้วจ้า เห็นโบสถ์หัวหอมไหม ??
เรือเทียบท่ารอรับผู้โดยสารกลับ
St. Bartholomä อันมีชื่อเสียง
น้ำที่นี มีความใสมากจริงๆ คือถ้าไม่ใช่อุณหภูมิ 4 องศาฯ เนี่ย คงได้มีคนกระโดดลงไปเล่นบ้างล่ะ
กระท่อมน้อยที่โอบล้อมด้วยขุนเขา
มุมสุด Cool ที่ขอ recommend สำหรับนางแบบ นายแบบ ทั้งหลาย
เวิ้งน้ำใส สุดสายตา
เจ้านกเป็ดน้ำตัวน้อย ไปเที่ยวที่ไหนก็เจอ ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ช่างน่าอิจฉาเสียนี่กระไร
จริงๆแล้ว
ยังมีมุมสวยๆอีกที่เป็นทางเดินในป่าสน เพื่อไปชมธารน้ำแข็ง แต่ดูใช้เวลาพอสมควร เราไม่มีเวลามากพอ จึงไม่ได้ไปเก็บภาพมา ไว้มีโอกาสคราวหน้า จะเผื่อเวลาไว้ ไม่พลาดแน่นอน !!!
จาก
Königssee เรามุ่งหน้าสู่ที่พักซึ่งจองไว้ในเมือง
Golling, Austria
#TIP : การเดินทางเข้าสู่ Austria ต้องไม่ลืมว่า มีค่าทางด่วนซึ่งเราต้องแวะซื้อก่อนเข้าเขต Austria มิฉะนั้นอาจจะโดนเก็บค่าปรับย้อนหลังได้น๊าา ตอนนั้นเราแวะซื้อที่ปั๊ม Shell ก่อนเข้าเขต Austria สักพัก ราคา Sticker อยู่ที่ 8.8€ แล้วคนขายก็บอกว่าให้ติดไว้ที่กระจกฝั่งคนขับ อิฉันก็จัดการตามนั้นเลยจ้า
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปอย่างสบายใจ มุ่งสู่ที่พัก ที่ชื่อว่า
Gasthof Pass Lueg Höhe
ด้วยความที่ไม่สันทัดในการใส่ข้อมูลให้ GPS เพื่อนำทาง เราก็เลยหลง วนไปวนมานิดหน่อย (จนเหนื่อยเบาๆ) จนได้เจอที่พัก ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยจนฟ้าเริ่มมืดแล้ว มองไปที่โรงแรมทีแรก เหมือนดูเก่าๆเล็กน้อย และเข้าไปก็ไม่มี front อยู่หน้าเคาท์เตอร์ มองหาใครไม่เห็น ก็เลยคุยกันว่างั้นเราไปหาไรกินก่อนละกัน เลยขับไปทาง City Center ของเมือง ซื้อพิซซ่ากลับมากิน กลับมาเจอพนักงานพอดี รู้สึกโล่งอก กลัวจะไม่มีที่นอน
พอได้เข้าโรงแรม ก็เห็นบรรยากาศน่ารักๆ มุมเก๋ๆ ในโรงแรม ส่วนห้องพัก ก็จัดได้อย่างลงตัว มีระเบียงยื่นออกไปให้ชื่นชมทิวเขาน้อยๆ หรือใครอยากจะร่ำเบียร์กับอากาศเย็นๆ ก็คงจะฟินไม่น้อย
รีวิวเที่ยวต่อที่ Hallstatt
http://ppantip.com/topic/35705872
[CR] ขับรถเที่ยวเยอรมัน "Zugspitze-Königssee ธรรมชาติช่างสรรค์สร้าง"
ยามอาทิตย์ทอแสง.....ที่อุณหภูมิ 5 องศา ลืมตาตื่นมา ร่างกายก็ต้องการความอบอุ่นทันใด ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมานั้น การรับประทานอาหารทำให้ ร่างการเกิดการเผาผลาญและปลดปล่อยความร้อนออกมา ทำให้อุ่นขึ้น .... แหม่ ว่าไปนั่น !!!
งั้นอย่ามัวรอช้าอยู่ไย ขอไปเชยชมอาหาร Buffet ตอนเช้าที่โรงแรม Eibsee สักหน่อย
คือ เป็นอาหารเช้าตามสไตล์ยุโรปน่ะเนอะ ขนมปังนี่อย่างใหญ่ และหลากหลายมาก (ถามว่ากินเป็นม้ายยย...ช้านตอบเลยว่าม่ายยยย)
ขนมปังทางนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบแข็ง คนบ้านเราไปช่วงแรกๆ คงต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกันอยู่พอสมควรค่ะ ที่กวางเลือกกินวันนั้นนี่ เอ่อ คือเป็นแบบแผ่นสี่เหลี่ยมคล้ายๆบ้านเราแต่แข็งกว่า (คือนึกในใจว่าจะคล้ายที่บ้านเรา) กับแบบ Bretzels ประมาณ Pretzel บ้านเราค่ะ อันนี้อาหย่อยย.....ที่เป็นปลื้ม คือ ชีสสสส มีให้เลือกเยอะมากมาย เรียกกันไม่ถูก ต่างกันตรงไหน ก็ต้องลองชิมกันดู เบคอนไส้กรอก หมูรมควัน แซลมอนรมควัน แล้วแต่จะเลือกสรร และที่บาร์จะมีคนทำพวก Omelet (เลือกส่วนผสมได้) หรือ ไข่ดาวให้ สามารถเดินเข้าไปแจ้งได้เลย มื้อเช้านั้น เรียกได้ว่าพุงปริ ตัวแตก กันไป
พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน....งั้นเรานอนต่อ >> ไม่ได้ !!! ไปเดินชมทะเลสาบ Eibsee ที่ติดกับโรงแรมเลยดีกว่า เดินออกมานอกโรงแรม บรรยากาศช่างดี๊ดี เช้าวันนั้นอุณหภูมิ เป็นเลขตัวเดียวค่ะ ประมาณ 5-8 องศาฯ สบ๊ายยยย อากาศเหมือนบ้านเรา (เหร๊ออ)
น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียวใสปิ๊ง จนมองเห็นท้องทะเลสาบ มองเงยขึ้นไป เห็นฉากหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ อุทานได้คำเดียว....ว้าวววววว !!! ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์
#ภูเขาข้างหลังนั่น เด๋วเจอกานน
ทะเลสาบ Eibsee - เห็นพื้นท้องทะเลสาบนั่นไหม
น้ำในทะเลสาบใส ราวกับกระจก
หลังชักภาพจนพอใจ เราก็เก็บข้าวของเพื่อ checked out ออกจากโรงแรม เตรียมเดินทางต่อ
#สรุปค่าเข้าพักที่ Eibsee hotel เป็นห้องพักเตียงคู่ 1 คืน view ไม่ติดทะเลสาบ จองจาก Booking.com ราคา 118€
Zugspitze, Top of Germany
ภารกิจต่อไป คือ พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน ส่วนใหญ่ผู้ที่มาพักที่ Eibsee hotel จะเตรียมสำหรับพิชิตยอดเขา Zugspitze เนื่องจากสถานีรถรางที่จะขึ้นไปบนยอดเขา อยู่ถัดออกไปนิดเดียว ประมาณ 300 เมตร เห็นจะได้ จึงมีความสะดวกมาก
>> การซื้อตั๋วรถราง แขกที่พักที่โรงแรม สามารถซื้อที่ Front ของโรงแรมได้เลย หรือจะไปซื้อที่สถานีรถรางก็ได้ค่ะ ราคาตั๋ว ประมาณ 55€ (Adult) จะได้เป็น Card เหมือนตั๋วรถไฟฟ้าบ้านเราน่ะค่ะ หากขาลงใครนำ card มาคืน จะได้เงินคืนประมาณ 2€ ค่ะ
#TIP : การเตรียมตัวก่อนพิชิตยอดเขา
- บนยอดเขา อุณหภูมิจะติดลบตลอด เสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นไปควรกันความหนาวเย็นได้พอสมควร ใครหนาวง่ายก็ใส่ถุงมือ ผ้าพันคออุ่นๆ ไว้ด้วยก็ดีจ้า
- เห็นอากาศเย็นแบบนั้น แดดแรงมากกกก บอกไว้เลย ดังนั้นอย่าลืมทา Sun block ไปด้วยนะคะ เลดี้ทั้งหลาย
เมื่อไปถึงสถานีรถราง เค้าจะปล่อยคนเข้าไปยืนรอรถรางเป็นรอบๆ โดยจะจำกัดจำนวนคนต่อรอบ เพื่อความปลอดภัยของรถราง สังเกตได้จากปุ่มสีแถวที่เสียบตั๋ว หากขึ้นสีเขียว คือ เสียบตั๋วเข้าไปรอคิวได้ หากเป็นสีแดง ต้องยืนรอคิวค่ะ
รถรางบรรจุคนได้พอสมควร ในรถรางต้องยืนเท่านั้นนะคะ ไม่มีที่นั่ง รอบๆเป็นกระจกสำหรับมองวิว ซึ่งตรงจุดนี้ ไม่ควรละสายตาจริงๆ เพราะการมองไปที่ทะเลสาบซึ่งจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ เนื่องจากเราขึ้นสูง น้ำในทะเลสาบที่เห็นใกล้ๆว่าใส พอมองไกลๆ เราจะเห็นได้ชัดเลย ว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นมันใสจริง และ ทะเลสาบมองจากมุมบนก็มีมนต์เสน่ห์ในอีกแบบ เช่นกัน (หากต้องการมองทะเลสาบให้ขึ้นทีหลังนะคะ เพราะขึ้นก่อนจะโดนดันไปข้างหน้า)
ใช้เวลาประมาณ 8 นาทีกว่าๆ รถรางก็จะพาเราขึ้นถึงสถานีบนยอดเขา ที่ความสูงราวๆ 2,962 เมตร
ตึก ตึก ตึก ..... เสียงหัวใจอิฉันเต้นราวกับเจอหนุ่มตาน้ำข้าวหล่อๆ (ว่าไปนั้น 555+) ก็แหม คนเกิดมา ไม่เคยพบเคยเจอ หิมะ ตอนวางแผนมาช่วงนี้ ก็ทำใจแล้วว่า คงไม่เจอหิมะ แต่แล้ว ก็ได้ขึ้นมาเจอจนได้ ถึงจะเป็นหิมะบนยอดเขาก็ตาม
ลงจากรถรางก็ได้สัมผัสหิมะที่กองอยู่ จับเบาๆให้รู้สึก เย็นเล่น ^^ จากนั้นก็เดินค่ะ หรือจะขึ้นลิฟท์ก็ได้ ไปชั้นบนสุด เพื่อ ออกไปแตะขอบฟ้าาาาาา
เดินออกมาสัมผัสอากาศ -3 องศาฯ อื้มมม....เย็นน อื้มมมมม......บรึ๋ยยยยย
จริงๆตอนออกไปเดินช่วงแรก ก็ยังไม่ค่อยหนาวเท่าไร กำลังเพลิดเพลินกับความเย็น อยู่ไปสักพัก ไม่เกิน 10 นาที มือกดชัตเตอร์เริ่มรัว แบบควบคุมนิ้วไม่ได้ แหม่....อาการมือแข็ง นิ้วแข็ง มันเป็นงี้นี่เอง กวางถ่ายรูปเล่นไปสักพัก พอเริ่มมือแข็ง ก็ต้องวิ่งเข้าสถานี อุ่นร่างกายแพร้บบ แล้วก้อออกมาใหม่ ทำงี้อยู่ 2-3 รอบ อยู่ข้างบนสถานีจนพอใจ เท่าที่ร่างกายอดทนไหว
ใช้เวลาอยู่บนยอดเขาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็จำต้องจากลา แดนหิมะบ้านเกิด ^^ เพื่อเดินทางต่อ
ภารกิจถัดไป คือ ไปเยี่ยมชมความงามของ Königssee เอาล่ะ Go Go Go !!!
"Königssee ทะเลสาบแดนใต้ ที่มาแล้วคุณจะต้องหลงรัก"
ขับรถจาก Eibsee ไปจนถึง Königssee ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ไปถึงที่จอดรถ เห็นรถจอดเยอะมากก และตามระเบียบ คือ อย่าลืมหยอดเหรียญเสียค่าจอดจ้า วันนั้นเรากะใช้เวลา 3 ชั่วโมง จัดค่าที่จอดรถไป 4€ จากนั้น เดินไปดู Information จุดหลักๆที่เที่ยวกัน จะเป็นที่ทะเลสาบ กับขึ้นรถรางเพื่อดูทะเลสาบในมุมสูง แต่ด้วยเวลาจำกัด เราจึงเลือกไปที่ทะเลสาบโดยตรง จึงได้เดินไปที่ท่าเรือ เดินไปสัก 500 เมตร เห็นจะได้ ตลอด 2 ข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม สลับกับร้านของฝาก ของที่ระลึกมากมาย
ถึงท่าเรือแล้ว เราก็ไม่รอช้า ซื้อตั๋วขึ้นเรือทันที ราคาตั๋วล่องเรือต่อผู้ใหญ่ 10 คน คือ 14.5€
จากนั้นก็ลงเรือ ลำขนาดกลางๆไม่ใหญ่ไม่เล็ก ใช้ระยะเวลาในการล่องเรือประมาณ 20 นาที เห็นจะได้ ในระหว่างที่นั่งเรือ ก็จะมีคล้ายๆมัคคุเทศก์ของเรือพูดเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง แต่เอิ่มม....พูดเป็นภาษาเยอรมันสำเนียงใต้ อินี่ฉานฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ มีแค่ช่วงกลางๆของการล่องเรือ ที่จอดเรือนิ่ง แล้วคุณลุงมัคคุเทศก์ก็เอาเครื่องดนตรีออกมาเป่า แล้วให้เราฟังเสียง Echo ที่สะท้อนกลับมา ซึ่งเกิดจากการที่ทะเลสาบมีภูเขาห้อมล้อมนั่นเอง ระหว่างทาง จะเห็นสายน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาตามหน้าผาของภูเขา ดูงดงามทีเดียว
Königssee เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเยอรมัน มีอีกชือหนึ่งเรียกกันว่า King's Lake เพราะคำว่า König ในภาษาเยอรมัน ก็คือ King ในภาษาอังกฤษ นอกจากความสวยงามจนเกินจะบรรยายแล้วนั้น น้ำในทะเลสาบของที่นี่ยังมีความใส และสะอาดที่สุดอีกด้วย และไม่ว่าจะฤดูไหน อุณหภูมิของน้ำที่นี่จะอยู่ราวๆ 4 องศาฯ เย็นชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว
Landmark ที่สำคัญของที่นี่ คือ St. Bartholomä โบสถ์ที่มีโดมรูปหัวหอมสีแดงเข้ม ตั้งเด่นตระหง่าน ต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นด่านแรก
มาถึงอีกฝั่งแล้วจ้า เห็นโบสถ์หัวหอมไหม ??
เรือเทียบท่ารอรับผู้โดยสารกลับ
St. Bartholomä อันมีชื่อเสียง
น้ำที่นี มีความใสมากจริงๆ คือถ้าไม่ใช่อุณหภูมิ 4 องศาฯ เนี่ย คงได้มีคนกระโดดลงไปเล่นบ้างล่ะ
กระท่อมน้อยที่โอบล้อมด้วยขุนเขา
มุมสุด Cool ที่ขอ recommend สำหรับนางแบบ นายแบบ ทั้งหลาย
เวิ้งน้ำใส สุดสายตา
เจ้านกเป็ดน้ำตัวน้อย ไปเที่ยวที่ไหนก็เจอ ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ช่างน่าอิจฉาเสียนี่กระไร
จริงๆแล้ว ยังมีมุมสวยๆอีกที่เป็นทางเดินในป่าสน เพื่อไปชมธารน้ำแข็ง แต่ดูใช้เวลาพอสมควร เราไม่มีเวลามากพอ จึงไม่ได้ไปเก็บภาพมา ไว้มีโอกาสคราวหน้า จะเผื่อเวลาไว้ ไม่พลาดแน่นอน !!!
จาก Königssee เรามุ่งหน้าสู่ที่พักซึ่งจองไว้ในเมือง Golling, Austria
#TIP : การเดินทางเข้าสู่ Austria ต้องไม่ลืมว่า มีค่าทางด่วนซึ่งเราต้องแวะซื้อก่อนเข้าเขต Austria มิฉะนั้นอาจจะโดนเก็บค่าปรับย้อนหลังได้น๊าา ตอนนั้นเราแวะซื้อที่ปั๊ม Shell ก่อนเข้าเขต Austria สักพัก ราคา Sticker อยู่ที่ 8.8€ แล้วคนขายก็บอกว่าให้ติดไว้ที่กระจกฝั่งคนขับ อิฉันก็จัดการตามนั้นเลยจ้า
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปอย่างสบายใจ มุ่งสู่ที่พัก ที่ชื่อว่า Gasthof Pass Lueg Höhe
ด้วยความที่ไม่สันทัดในการใส่ข้อมูลให้ GPS เพื่อนำทาง เราก็เลยหลง วนไปวนมานิดหน่อย (จนเหนื่อยเบาๆ) จนได้เจอที่พัก ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยจนฟ้าเริ่มมืดแล้ว มองไปที่โรงแรมทีแรก เหมือนดูเก่าๆเล็กน้อย และเข้าไปก็ไม่มี front อยู่หน้าเคาท์เตอร์ มองหาใครไม่เห็น ก็เลยคุยกันว่างั้นเราไปหาไรกินก่อนละกัน เลยขับไปทาง City Center ของเมือง ซื้อพิซซ่ากลับมากิน กลับมาเจอพนักงานพอดี รู้สึกโล่งอก กลัวจะไม่มีที่นอน พอได้เข้าโรงแรม ก็เห็นบรรยากาศน่ารักๆ มุมเก๋ๆ ในโรงแรม ส่วนห้องพัก ก็จัดได้อย่างลงตัว มีระเบียงยื่นออกไปให้ชื่นชมทิวเขาน้อยๆ หรือใครอยากจะร่ำเบียร์กับอากาศเย็นๆ ก็คงจะฟินไม่น้อย
รีวิวเที่ยวต่อที่ Hallstatt http://ppantip.com/topic/35705872