สวัสดีครับทุกท่านกลับมาเที่ยวกันต่อเลยจาก part ที่แล้ว วันนี้เรามาอยู่ที่เมือง salzburg ประเทศออสเตรียแล้ว
บางคนอาจสงสัย เอ๊ะ เดี๋ยวเปลี่ยนประเทศแล้วเหรอ? ทำไมง่ายจัง?
คือเนื่องจากประเทศแถบทวีปยุโรปนั้นกว่า 28 ประเทศเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (European Union) ซึ่งนั่นทำให้คุณสามารถเดินทางข้ามบางประเทศได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องผ่าน ตม. ซ้ำๆ ไม่ต้องตรวจ passport ใหม่ให้เสียเวลา เหมือนนั่งรถข้ามจังหวัดที่ประเทศไทยนั่นละ
ในส่วนของที่พักนั้น เราพักที่
YoHo – International Youth Hostel เป็น hostel ราคาไม่แพง นอนรวมกันในห้องนอนขนาด 6 คน ไม่ได้แยกชาย/หญิง ห้องน้ำรวม (แน่นอนคุณอาจจะได้นอนกับเพื่อนประเทศอื่นๆเต็มไปหมดเลยละ)
เป้าหมายหลักเราวันนี้คือเราจะไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า Ramsau จริงๆแล้วหมู่บ้านนี้ก็อยู่ในเขตแดนประเทศเยอรมัน แต่การเดินทางหากเดินทางจาก Salzburg แล้วจะเดินทางง่ายกว่า
จะสังเกตุว่าจุดหมายนี้จะอยู่ในเขตแดนของประเทศเยอรมัน
เราก็แหกตาตื่นแต่เช้ากันเหมือนเดิม เดินไปขึ้นรถประจำทางบริเวณ Salzburg HBF ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงและไปต่อรถที่ Berchtesgarden HBF คนบนรถค่อนข้างแน่นครับ ผมนี่ไปช้าเลยได้ยืนกันเลยทีเดียวเชียว
สำหรับตั๋วรถวันนี้ซื้อกับคนขับรถได้เลยบอกว่า 1 Day trip ตกคนละประมาณ 10 ยูโรนิดๆ
มาถึงตรงนี้ผมจะขอพูดถึงหมู่บ้านนี้สักหน่อย เอาจริงๆแล้วผมไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีที่เที่ยวนี้ด้วย คือจริงๆแล้วเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ แต่ก็เดินทางมาไม่ยากและวิวสวยมาก มีนักท่องเที่ยวมาไม่เยอะมาก ไม่แออัดดี
มาถึง Berchtesgarden HBF รอต่อรถอีกที ระหว่างรอก็เลยถ่ายรูปเล่นสักหน่อย แดดเริ่มร้อน แต่อากาศไม่ร้อนเลย ทาครีมกันแดดมาก็สบายๆครับ
สำหรับเรื่องสายรถประจำทางผมจำไม่ได้จริงๆว่าต้องขึ้นเลขไหนบ้าง ยังไงขอโทษมา ณ ตรงนี้ด้วย ลองหาดูใน internet ได้ครับ
หลังจากค่อรถมาได้ประมาณ 20 นาที ก็ให้ลงป้าย Ramsau ก็จะถึงหมู่บ้านนี้แล้ว
รถจะจอดตรงหน้าโบสถ์ของหมู่บ้านนี้ หรือที่เรียกกันว่า Church of Ramsau เป็นเหมือนโบสถ์เล็กๆประจำที่นี้เลย ตกแต่งดูเรียบง่ายแต่สวยงามมาก
ชมด้านนอกแล้วไปลองชมด้านในบ้าง ตัวโบสถ์เองไม่ใหญ่มาก เงียบสงบ มีเพียงกลุ่มเราและ นักท่องเที่ยวอีก 2-3 คนเท่านั้นเอง ไม่รู้จะอธิบายอะไรมากมาย ลองไปชมรูปกันครับ
หลังจากนั้นก็เดินไปตามหมู่บ้านเรื่อยๆ ชมธรรมชาติ กินบรรยากาศ สภาพอากาศวันนี้เย็นสบายดี แดดอาจจะแสบหน่อยๆแต่ก็ทาครีมมาละกันนะครับ หมู้บ้านนี้ดูเงียบสงบมาก จะได้ยินเสียงลำธารตลอด เดินๆกันไปอีกนิดเดียวจนไปเจอสะพานข้ามฝั่งลำธารเล็กๆ ต้องบอกเลยว่าน้ำใสมาก น้ำสีฟ้าอ่อนๆ อากาศเย็นๆ นี่มันเยี่ยมจริงๆ
เป็นหมู่บ้านที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา
มองไปไกลๆจะเห็นเทือกเขาหินปกคลุมด้วยหิมะ
เจอลำธารแล้ว!
ถ่ายรูปรวมกันสักหน่อย (พอดีผมแบกขาตั้งกล้องไปด้วยนะครับ)
ถ่ายรูปรวมเสร็จ ก็เดินข้ามสะพานแล้วก็เดินย้อนกลับมาอีกด้านนึง ฝั่งนี้ก็สวยไม่แพ้กัน ถ่ายรูปสนุกมากครับ ถ้าชอบถ่ายรูปแบบผมรับรองรูปสวยๆเต็มเลย
เดินย้อนกลับมาเรื่อนๆตามแนวลำธารจะกลับมาอยู่ตรงที่หน้าโบสถ์อีกครั้ง แต่จุดนี้จะมองเห็นทั้งลำธารและตัวโบสภ์เลย เริ่มมีนักท่องเที่ยวมากันบ้างแล้ว โดยรวมแล้วหมู่บ้านนี้สวยงามมากครับ คุ้มค่าแก่การมา แค่มาเดินๆเล่นๆก็มีความสุขแล้วครับ
ลำธารสวยมากๆ
มุมนี้เป็นเหมือน Signature ของหมู่บ้านนี้เลย
สถานที่นี้จริงๆแล้วใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นเองในการเที่ยว แต่คือคุ้มมากเพราะเดินทางไม่ยากลำบากเพียงแต่ขึ้นรถประจำทางให้ตรงเวลาเท่านั้น ไม่งั้นจะต้องรอนาน
หลังจากนั้นก็ไปยืนรอรถประจำทางตรงจุดที่ลงมานั้นแหละ เพื่อกลับไปยัง Bertchesgarden HBF
ระหว่างรอรถถ่ายรูปมาสัก shot
เที่ยวเสร็จก็เกือบๆเที่ยงพอดี จุดหมายต่อไปอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย เราจะไป ทะเลสาบ Königssee ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้าน Ramsau นี้นัก เพียงแค่ขึ้นรถประจำทางที่ท่ารถเดิมนั้นเอง
อยู่ไม่ไกลเลยครับ
ก่อนจะเดินทาง ไปแวะทานข้าวกันที่ร้านแถวๆป้ายรถประจำทางสักหน่อย วันนี้สั่งเป็นเมนูสลัดแฮม อร่อยมาก อร่อยจริงๆ คือเป็นสลัดที่รู้สึกว่าสดและรสชาติดีมากๆ ราคาตกเพียง 11 ยูโรเท่านั้น
มื้อนี้น่าจะเพราะค่อนข้างหิวด้วยเลยไม่ได้ถ่ายรูปใบเสร็จเอาไว้ แต่รวมๆแล้วราคาไม่แพงครับ จานนึงจะประมาณ 10-13 ยูโรแล้วแต่เมนู น้ำจะอยู่ที่ราคา 2-3 ยูโรแล้วแต่ว่าสั่งอะไร
กินเสร็จแล้วก็ไปต่อกันเลย ไปยืนรอรถประจำทางกันสักครู่ แปปๆรถก็มาเราก็เดินทางกันต่อเลย
เมื่อไปถึง Königssee ตรงนี้จะเป็นเหมือนท่าเรือเล็กๆของทะเลสาบนี้ เราจะล่องเรือจากท่าเรือเพื่อไปถึง St Bartholomew’s Church ซึ่งเป็นเหมือนจุดท่องเที่ยวสำคัญเลยของที่นี่ ลองไปชมบรรยากาศของท่าเรือนี้กันก่อนครับ
เดินมาถึงตรงท่าเรือ เราซื้อตั๋วไป-กลับ ระหว่างท่าเรือ กับ St Bartholomew’s Church ที่เคาน์เตอร์บริเวณท่า ราคา 15 ยูโร
ระหว่างนั่งเรือ จะมีไกด์คอยเล่าเรื่องราวของทะเลสาบแห่งนี้ เป็นภาษาเยอรมันสลับภาษาอังกฤษ ซึ่งมีจุดนึงที่ผมชอบมากเลยคือ จะมีเจ้าหน้าที่ไปเป่าแตร แล้วจะมีเสียงสะท้อนกลับมาจากทะเลสาปนั้นเอง ผมเองจำไม่ได้นักสำหรับประวัติศาสตร์ของที่นี้เพราะสำเนียงของไกด์ค่อนข้างฟังยาก ยังไงใครทราบเรื่องราวก็มาแชร์กันได้นะครับ
เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่คนเรือจะต้องมาเป่าแตรเป็นทำนองเพื่อทักทายทะเลสาปนี้
นั่งเรือไปได้ไม่นาน เพียงแค่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็จะเห็นฝั่งของตัวโบสถ์แล้ว
เห็นแล้ว St Bartholomew’s Church หรือที่เรียนกันว่าโบสถ์เห็ดหอม เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกับเห็ดหอมเลยละ
เมื่อมาถึงแล้ว ก็ลงไปถ่ายรูปรอบๆกันก่อนเลย เรามีเวลาไม่นานนักจริงๆแล้วเพราะเรือรอบสุดท้ายขากลับนั่นคือก่อน 5 โมงเย็น แต่มาถึงนี่ก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว
ถ่ายรูปทำเท่ห์ซะหน่อย
แต่เอาจริงๆแล้วพอเข้าไปในโบสถ์นั้น ตัวโบสถ์ขนาดไม่ใหญ่มาก อาจจะด้วยความเก่าของตัวโบสถ์ทำให้ด้านในค่อนข้างอับ จึงตัดสินใจเข้าไปแปปเดียวเท่านั้นเอง
[CR] เที่ยวเยอรมันตอนใต้! Ramsau - Konigssee (เที่ยวยุโรป 10 วัน 3 ประเทศ! เยอรมัน - ออสเตรีย - ฮังการี Part 4)
บางคนอาจสงสัย เอ๊ะ เดี๋ยวเปลี่ยนประเทศแล้วเหรอ? ทำไมง่ายจัง?
คือเนื่องจากประเทศแถบทวีปยุโรปนั้นกว่า 28 ประเทศเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (European Union) ซึ่งนั่นทำให้คุณสามารถเดินทางข้ามบางประเทศได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องผ่าน ตม. ซ้ำๆ ไม่ต้องตรวจ passport ใหม่ให้เสียเวลา เหมือนนั่งรถข้ามจังหวัดที่ประเทศไทยนั่นละ
ในส่วนของที่พักนั้น เราพักที่ YoHo – International Youth Hostel เป็น hostel ราคาไม่แพง นอนรวมกันในห้องนอนขนาด 6 คน ไม่ได้แยกชาย/หญิง ห้องน้ำรวม (แน่นอนคุณอาจจะได้นอนกับเพื่อนประเทศอื่นๆเต็มไปหมดเลยละ)
สำหรับตั๋วรถวันนี้ซื้อกับคนขับรถได้เลยบอกว่า 1 Day trip ตกคนละประมาณ 10 ยูโรนิดๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้