ได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรปกับครอบครัวครั้งแรก ในช่วง 18-26 ธันวาคม 2015 (ตรงกับช่วงคริสมาสต์พอดี)โดยที่วางแผนเที่ยวกันเองโดยการหาข้อมูลจากเว็บไซน์ คนรอบข้าง และกระทู้ต่างๆ จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ ให้เพื่อนๆ ประเทศที่ได้วางแผนไว้คือ Austria - Switzerland - Italy
   การเที่ยวยุโรปไม่ได้ยากอย่างที่คิด การเดินทางข้ามประเทศ (ในกลุ่มประเทศเชงเก้น) นั้นสะดวกสบายและไม่ยุ่งยาก เพราะการเดินทางส่วนใหญ่จะเดินทางโดยรถไฟ

          การวางแผน
   การเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปควรวางแผนให้ดี ว่าวันไหนจะไปที่ไหนไปอย่างไร และต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยในทุกๆกิจกรรมและการเดินทางด้วย เผื่อในกรณีที่ผิดแผน

    แผนที่วางไว้คือ:
วันที่ 18: Vienna, Austria
วันที่ 19: Hallstatt, Austria
วันที่ 20: Salzburg, Austria
วันที่ 21: Luzern, Switzerland
วันที่ 22: Interlaken, Switzerland
วันที่ 23: Zermatt, Switzerland
วันที่ 24: Venice, Italy
วันที่ 25: Venice, Italy
วันที่ 26: เดินทางกลับไทย

          การขอวีซ่า
   วีซ่าที่ทำคือวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ซึ่งสามาเดินทางได้ทุกประเทศในกลุ่มประเทศเชงเก้น ซึ่งได้แก่ ออสเตรีย เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อิตาลี ลัตเวีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวัก สโลวีเนีย สเปน สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ( http://eeas.europa.eu/delegations/thailand/eu_travel/visa/index_th.htm )
   โดยปกติแล้วการทำวีซ่าเชงเก้นจะทำกับสถานฑูตของประเทศที่จะไป หากไปหลายประเทศให้ทำกับสถานฑูตของประเทศที่จะไป แต่ในกรณีนี้ไปทั้งหมด 9 วันประเทศล้ะ 3 วัน จึงทำประเทศแรกที่ไปคือ ออสเตรีย ( http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/index.html )

   เอกสารจำเป็นคือ
    เอกสารทุกอย่างที่เป็นภาษาไทย จะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน แล้วยื่นคู่กันกับเอกสารที่แปล
    หนังสือเดินทาง: ควรมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากการเดินทางกลับออกจากกลุ่มประเทศเชงเก้น และ จะต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า

1. ใบคำร้องขอวีซ่าที่กรอกข้อมูลทุกอย่างโดยสมบูรณ์ 1ชุด
2. สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง จำนวน 2 ใบ
3. รูปถ่ายสีที่มีพื้นหลังสีขาว และเป็นรูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป
4. ประกันภัยการเดินทาง (สามารถตรวจสอบรายละอียด และ บริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับ) 30,000 ยูโร (Travel insurance not Health insurance) แนะนำให้ทำกับ http://tyha.org/tyha/web/home.php ค่ะ
5. หนังสือรับรองการทำงาน 1 ฉบับ ให้ระบุ อาชีพ เงินเดือน และระยะเวลาในการทำงาน (เป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน) หรือ กรณีประกอบธุรกิจ    ส่วนตัว ให้ใช้ใบจดทะเบียนการค้าที่มีชื่อผู้สมัคร ถ้าเป็นนักเรียนต้องมีหนังสือรับรองการเป็นนักเรียน หรือ นักศึกษา
6. เอกสารทางการเงินเช่น สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมอัพเดทล่าสุด หรือ Bank Certificate จากธนาคารในกรณีที่มีการ support หรือ ออกค่าใช้จ่ายให้จำเป็นที่จะต้องทำหนังสือ Sponsor letter (เป็น บิดา มารดา หรือ สามี ภรรยา) พร้อมแนบเอกสารเชื่อมโยงความสัมพัน เช่น ทะเบียนสมรสหรือ สูติบัตร พร้อมแปลภาษาอังกฤษ หรือภาษาเยอรมัน
7. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (Ticket Reservation ) จะต้องเป็นหัวของสายการบินนั้นๆที่ผู้สมัครจองโดยทางสถานทูตจะไม่รับใบจองตั๋วผ่านทาง Travel Agency
8. เอกสารเกี่ยวกับที่พัก (Hotel Booking) จำเป็นต้องครอบคลุมตลอดระยะเวลาการเดินทางให้ต่อเนื่องกับตั๋วเครื่องบินของผู้สมัครและจะต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมันเท่านั้นรวมถึงต้องระบุที่อยู่ของที่พักให้ชัดเจน แนะนำให้จองผ่าน www.booking.com ค่ะ ที่จองผ่าน booking.com เพราะที่พักส่วนใหญ่เราสามารถยกเลิกได้ แต่บางที่ก็ยกเลิกไม่ได้ ควรอ่านข้อกำหนดให้ดีก่อนจองนะค่ะ (ส่วนตัวก็พลาดจองอันที่ยกเลิกไม่ได้ไปที่นึง )
10. ค่าธรรมเนียมวีซ่าต้องชำระในวันที่ยื่นคำร้องขอวีซ่า
11. ตารางการเดินทางในกรณีที่เดินทางมากกว่า 1 ประเทศ ให้ระบุว่าจะมีเดินทางไปที่ไหนบ้าง (หรืออยู่แค่ประเทศเดียวก็ต้องทำตารางการเดินทางเหมือนกันว่าจะปที่ไหนบ้าง)

    การยื่นเอกสารขอทำวีซ่าให้โทรไปจองคิวก่อนไปนะค่ะ และในวันที่ไปยื่นเอกสารก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นว่าครบไหมหรือขาดอะไร หากไม่มีปัญหาอะไร เราก็กลับไปรอวีซ่าที่บ้านได้เลยค่ะ ในระหว่างนั้นเราจะเอา passport ไปทำอย่างอื่นไม่ได้นะค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะเก็บไป หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันที่ได้วีซ่าแล้วค่ะ ถ้าเอกสารไม่มีปัญหาอะไร หรือถ้าคนไม่เยอะ (ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่จะบอกเราว่าประมาณ 2-3 อาทิตย์)
   
          การแต่งกาย
   ก่อนจัดกระเป๋าควรเช็คสภาพอากาศของแต่ละประเทศให้ดีก่อน แถบยุโรปจะมาสภาพอากาศ 4 ช่วง คือ
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-15 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าสว่างเร็วมากๆตั้งแต่ช่วงตี 5 และมืดช้า ประมาณ 2-3 ทุ่มถึงจะมืด อากาศกำลังดี หนาวเล็กน้อย
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศอบอุ่น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18-30 องศาเซลเซียส การแต่งกายจะค่อนข้างสบายๆ เหมือนอยู่เมืองไทย
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นลง อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส ใการแต่งกายควรเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเล็กน้อย
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ช่วงนี้ท้องฟ้าจะมืดเร็วประมาณ 4 โมงเย็น หิมะตกและอากาศหนาวเย็นติดลบ ต้องสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่อบอุ่นมากๆ ถ้ามาเที่ยวในช่วงนี้จะได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
(cr. www.kasikornbank.com)

         การเดินทาง
   การเดินทางควรวางแผนให้ดีว่าจะเดินทางโดยทางไหน รถไฟ เรือ หรือ รถบัส
ออสเตรีย - เดินทางเที่ยวในเมืองโดยใช้ metro และ tram ตอนซื้อตั๋วให้เลือกเป็นตั๋วแบบ 24 hours จะประหยัดไปเยอะเลยค่ะ ส่วนเดินทางข้ามเมืองใช้รถไฟ รถไฟของออสเตรียคือ OBB ถ้าไป 5 คนขึ้นไป ให้ซื้อตั๋วกลุ่ม เรียนกว่า Einfach-Raus-Ticket ราคาประมาณ 45 ยูโร สามารถใช้ได้กับรถไฟประเภทหวานเย็นเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับรถไฟเร็วได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องขึ้นรถขบวนไหนมีเวลาไหนบ้าง แนะนำให้ไปกับกับ information center ที่สถานีรถไฟค่ะ
สวิตเซอร์แลนด์ - แนะนำให้ซื้อ swiss pass จะประหยัดเงินค่าเดินทางได้เยอะเลยค่ะ เพราะใช้ได้กับรถไฟแทบทุกสาย รถไฟของสวิตคือ SBB การซื้อ swiss pass ให้ซื้อตามจำนวนวันที่ไปนะค่ะ อย่าง 3 วันราคาก็อยู่ที่ 146 ยูโร
อิตาลี - ที่อิตาลีไปแค่เมืองเดียวคือ Venice จึงใช้วิธีเดินในการชมเมืองค่ะ และใช้เรือในการไปที่เกาะอื่นๆ

ตอนต่อไปคือ การเที่ยวที่ออสเตรียค่ะ