เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว!

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ บทความแรกของผมกับพันทิพ จากทริปที่ไปเที่ยวประเทศภูฏานมาในช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมาครับ

พาร์ทที่ 2, 3 และ 4 สามารถติดตามได้จากลิ้งค์ครับ

เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part II  http://ppantip.com/topic/35736211
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part III http://ppantip.com/topic/35753914
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part IV http://ppantip.com/topic/35875227

Terrain Ahead!  Pull up!!  เสียงเตือนจากระบบอัตโนมัติในห้องนักบินแว่วมาให้ผมซึ่งนั่งอยู่ทางตอนหน้าของเครื่องบิน Airbus ของสายการบินดรุ๊กแอร์ สายการบินแห่งชาติภูฏานได้ยิน  เครื่องบินกำลังตะโกนบอกนักบินว่า ‘เห้ย ระวัง มีพื้นดินอยู่ข้างหน้า เชิดหัวขึ้น!!’ มันแปลว่าเครื่องบินที่ผมกำลังนั่งโดยสารอยู่กำลังมุ่งหน้าใส่อะไรสักอย่างที่ไม่น่าจะใช่พื้นดิน น่าจะเป็นภูเขามากกว่า!


ครับ...ถูกแล้ว เครื่องบินแอร์บัสขนาด 118 ที่นั่งกำลังพาผมลดระดับลงสู่สนามบินพาโร สนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศภูฏาน ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงตระหง่านรอบทิศทาง และนักบินชาวภูฏานผู้มากประสบการณ์กำลังนำเครื่องบินลดระดับและบินไปในระหว่างร่องเขาสูง ประเทศภูฏานต้อนรับนักท่องเที่ยวและแขกบ้านแขกเมืองด้วยสนามบินที่ขึ้นชื่อลำดับต้นๆของโลกในด้านความยากลำบากในการลงจอด เนื่องจากพื้นที่กว่า ร้อยละ 90 ของประเทศภูฏานเป็นเขาสูง ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ทำให้การเสาะหาพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่เพียงพอต่อการสร้างสนามบินนั้นยากแสนยาก และที่ราบลุ่มแม่น้ำพาโรก็เป็นที่ราบเดียว ที่มีขนาดความกว้างและยาวเพียงพอสำหรับการขึ้นและลงของเครื่องบินพาณิชย์ขนาดเล็กได้แบบฉิวเฉียดที่สุด!! ปลายทั้งสองด้านของรันเวย์ถูกประกบด้วยเนินเขาสูงซึ่งขวางแนวที่เครื่องบินร่อนลงจอดและเทคออฟแบบตรงๆ  ทำให้นักบินต้องเลี้ยวหลบเนินเขานี้ก่อนที่จะตั้งลำให้ตรงแนวรันเวย์และล้อจะกระทบพื้นทางวิ่งเพียงแค่ไม่กี่สิบวินาที


เครื่องบินพาเราลัดเลาะผ่านหน้าผาสูงทั้งสองฝั่งและต่ำลงเรื่อยๆ อีกทั้งเครื่องยังคงบินเลี้ยวอย่างน่าหวาดเสียว  วิวทิวทัศน์ของภูเขาสูง ทุ่งนาขั้นบันใดสีทองอร่าม ตึกรามบ้านช่องสไตล์ภูฏานอันสวยสดงดงามวิ่งผ่านข้างหน้าต่างและปลายปีกเครื่องบินอย่างรวดเร็ว จากนั้นเครื่องแตะพื้นทางวิ่งก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว  แรงเบรกอันหนักหน่วงดึงผมอย่างแรงกว่าทุกครั้งที่เคยนั่งเครื่องบิน เนื่องจากรันเวย์ที่สั้นมากนั่นเอง…ไม่นานทุกอย่างก็สงบลง
‘ท่านผู้โดยสาร ขณะนี้สายการบินดรุ๊กแอร์ ได้นำท่านมาถึงสนามบินนานาชาติพาโร เป็นที่เรียบร้อย ขอให้ทุกท่านกรุณารัดเข็มขัดและนั่งอยู่กับที่จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับลง บลาๆๆๆ’


เครื่องบินขณะนี้จอดสงบนิ่งอยู่หน้าอาคารผู้โดยสาร ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบภูฏานเน้นๆ สวยงามและแปลกตากว่าที่ใดที่ผมเคยเห็นมา นอกจากนั้น เล็กอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นสนามบินนานาชาติ  ขนาดของอาคารผู้โดยสารของสนามบินพาโร มีขนาดเพียงแค่ประมาณสนามบินต่างจังหวัดของบ้านเราแค่นั้นเอง  เมื่อก้าวลงบันไดมา ผมก็พบกับป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระราชาธิปดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และพระราชินีเพมา เจ็ตซุน ทรงสรวลทักทายผู้มาเยือนอยู่ข้างๆกับลานจอดเครื่องบินเลย

อากาศของภูฏานในช่วงเดือนกันยายนที่ผมมาเยือนนั้น กำลังเย็นสบายในตอนกลางวัน แต่มีฝนตกพรำๆพอให้รู้สึกหนาวขึ้นได้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์  ทันใดนั้น ผมถูกสะกิดค่อนข้างแรงจากทางด้านหลังด้วยฝ่ามือลงกลางหลังเสียงดังเผียะ!  Choki Zangmo เพื่อนสาวชาวภูฏานของผมเดินมาทักทายและต้อนรับผมถึงในลานจอดเครื่องบิน เธอทำงานเป็นพนักงานภาคพื้นของสายการบินดรุ๊กแอร์ ประจำสนามบินพาโรครับ เธอจึงมีสิทธิที่จะเดินมารับผมได้ถึงข้างๆเครื่องบินเลย ผมและ Choki ได้รู้จักกันเมื่อเธอถูกส่งมาทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายภาคพื้นประจำสถานีประเทศไทย(Bangkok station manager) และเป็นเจ้านายโดยตรงของผม  เราทำงานร่วมกันประมาณสองปี เธอจึงหมดวาระและถูกย้ายกลับมาประจำที่ภูฏาน

Choki และผมทักทายกันพักหนึ่ง จึงเดินเข้าสู่ตัวอาคารผู้โดยสารเพื่อทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง การมาเที่ยวภูฏานสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปนั้น จำเป็นต้องทำวีซ่าชนิดสำหรับนักท่องเที่ยว (Tourist visa) ซึ่งทางบริษัทนำเที่ยวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ดำเนินการให้ และมีค่าใช้จ่ายซึ่งจัดว่า ‘มหาโหด’ เนื่องจากนโยบายในการคัดกรองนักท่องเที่ยวของภูฏานที่ต้องการเฉพาะนักท่องเที่ยวชั้นดีเท่านั้น ซึ่งตามกฎหมายของภูฏานนั้น บริษัทนำเที่ยวจะเป็นผู้ดูแลการออกวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่สามารถขอทำวีซ่าได้เองตามสถานทูตภูฏานในประเทศอื่นๆ  รัฐบาลภูฏานจะกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งจะเหมารวมทั้งค่าวีซ่า ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหารและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเดินทางท่องเที่ยวในประเทศภูฏานเอาไว้ด้วยกัน สนนราคาขั้นต่ำคนละ 250 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคน ต่อวัน โดยประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์จากเงินจำนวนนี้(ไม่แน่ใจครับ ฟังมาจากเพื่อนอีกที) จะถูกเก็บเข้ารัฐในรูปแบบที่เหมือนกันภาษีหรือค่าเหยียบแผ่นดินนั่นเองครับ

เพราะเหตุนี้ ทำให้ประเทศภูฏานมีรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาล ส่งผลให้รัฐบาลของภูฏานสามารถนำรายได้ส่วนนี้มาใช้เป็นรัฐสวัสดิการแก่ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ประชาชนชาวภูฏานทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี และมีทุนสำหรับเด็กเรียนดี ซึ่งรัฐจะส่งให้เด็กคนนั้นไปศึกษาต่อต่างประเทศในสายงานที่นำกลับมาพัฒนาประเทศได้ เช่นสถาปนิก วิศวกรสาขาต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า ฟรีอีกครับสำหรับเด็กเรียนดี
ส่วนตัวผมนั้น แค่พนักงานสายการบินจนๆคนหนึ่ง ที่เดินทางมาเที่ยวด้วยตั๋วฟรีของพนักงาน ไม่มีปัญญาจ่ายค่าวีซ่าที่แพงผีบ้าขนาดนี้ได้แน่ๆ แต่ผมได้สิทธิการเข้าประเทศในฐานะของแขกรับเชิญของชาวภูฏานครับ (Bhutanese Guest Visa) ซึ่งเป็นสิทธิที่ประชาชนชาวภูฏานทุกคนสามารถเชิญเพื่อน หรือคนรู้จักให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ 2 คนต่อปี ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นถูกกว่ามากกกก ตรงนี้ถือเป็นกำไรล้ำค่าสำหรับผมที่ได้ทำงานกับสายการบินดรุ๊กแอร์ และได้รู้จักเพื่อนๆชาวภูฏานมากมาย


ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองมาแบบสบายบรื๋อส์ รับกระเป๋าเรียบร้อย Choki เดินนำผมออกจากอาคารผู้โดยสารเพื่อเหยียบแผ่นดินภูฏานอย่างเป็นทางการ…

รอเขียนต่อสักพักนะครับ...ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่