กำลังหางานประจำทำ แต่ก็ยังไม่ได้ ที่ได้คือไกลมาก เราอยู่สมุทรปราการ บางพลี
เดิมเราขายขนม ขนมเปี๊ย ขนมถั่วตัดสูตรโบราณ (ใครกินก็ว่าอร่อยเพราะไม่หวานมากไม่ใส่แบะแซ๗ รับมาขายไป มีลูกค้าน้อย ขายไม่ได้ทุกวัน ที้ต้องเป้าหมายไว้ ขอให้ได้อย่าางน้อยกำไรวันละ 500 กำไรก็น้อยมาก ลูกค้าบางคนอยากขายแต่ขอเป็นเครดิต แตก็น้อยราย ติดต่อเพื่อนจะเอาขนมไปลงเพื่อนก็ให้ฝากขาย ไม่ซื้อขาด มีค่าใช้จ่ายรายเดือนคงที่ ทั้งบ้าน ทั้งรถ กดบัตรเครดิตมาหมุน ตอนนี้ยอดอยู่ที่ 37000 แล้ว ไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะขนาดนี้ กำลังมองหาร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วเอาขนมไปเสนอให้เขารับไปขาย ให้เขาชิมก่อน หากให้ฝากขายคงไม่ไหว ไม่มีเงินหมุน
อายุ 41 เป็นปัญหากับการถูกเลือกเข้าทำงาน แต่ก็ไม่ท้อ หากมีเงินเดือน 15000 ก็ยังมีรายได้จาการขายขนม ทุนก็ไม่มีจะไปเอาขนมละ หากหาทุนมาได้ เอาไปเอาของก็ ต้องเอามาหมุนเวียนอีก ร้านที่ไปเอาเขาก็เก็บเงินสด แต่เราขายเครดิต ภาวะเครียดตอนนี้เหมือนตอนที่ถูกบีบให้ออกจากงานเลย
รบกวนสอบถามใครที่มีความรู้ เราควรเปิดเครดิต หรือไม่ควรเปิดดี และช่องทางการขาย ที่จะทำให้คนสนใจ มีช่องทางใหนอีกบ้าง การตลาดที่เจ๋งๆ เป็นไงบ้าง เราคิด และทำ หาช่องทางหาเงินทุกทาง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ต้องจ่ายค่าบัตรเครดิต 7000 เงินในบัญชีที่เก็บไว้สำรองสิ้นเดือนก็ไปเอามาลงทุนแล้ว คงถึงเวลาของจุดเปลี่ยนของชีวิตจริงๆแล้วหรือเปล่า ตอนออกงานมา ตั้งแต่ก้าวออกจากบริษัท ก็ยังไม่เคยหยุดคิดเรื่องหาเงิน แต่ช่วงเดือนแรกที่ออกงานมา เพื่อนๆ ช่วยเอาไปขายให้ แต่ก็คิดแล้ว ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ก็แทบเสมอตัว เพราะเราไม่มีหน้าร้าน ไม่มีเงินลงทุน ตัวคนเดียว คิดคนเดียว เหนื่อย เครียด จนคิดไม่ออก แต่ก็ไม่ท้อ จะสู้จนหมดหนทาง สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิด แต่ก็ขอให้ผ่านคำว่าทำเต็มที่ ทำดีที่สุดแล้ว
พิมพ์ไปก็ร้องให้ไป เขาถึงได้เรียกว่าชีวิต ตอนอายุ 31 บ้านไฟไหม้ ตอนอายุ 41 ปีนี้ ตกงานแบบไม่คาดคิด โดนเขาใส่ร้ายว่าฉ้อโกงบริษัท (มารู้ตอนลาออกแล้ว น้องทีทำงานโทรมาบอก มันก็สายไปแล้ว เราทุ่มเทกับงานมาตลอด แต่กลับไปเชื่อคนอื่นที่เพิ่งเข้ามา ไอ้เราก็ซื่อซะจน ไม่ได้คิดขนาดนั้น เขามาตามให้กลับไป แต่เราเลือกแล้ว เพราะกลับไปเราก็ทุ่มเทให้แต่กับงานจนลืมทุกอย่าง ทำตั้งแต่ 7 โมง ยัน 2-3 ทุ่ม ไม่เคยถามหาค่าตอบแทน แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือ การเชื่อคนอื่น วันที่เดินออกมารู้สึกโล่งมาก ไม่เคยคิดอะไร คิดแต่ว่าเราทำงานให้เขาไม่ได้ เป็นภาระบริษัท เลยตัดสินใจออก ทุกวันนี้ก็ไม่คิดโกรธอะไรลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่คิดว่าวันๆนึงจะหาเงินยังไง ทำยังไงให้ได้เงิน ) บลาๆๆๆๆ T_T สู้สู้ ให้กำลังใจตัวเองต่อไป เพราะมีพ่อที่ต้องคอยเลี้ยงดู เชื่อว่าจะดีขึ้นเร็วๆนี้ 55 ปลอบใจตัวเอง
รับของมาขาย ขนม ของทะเลแห้ง ซื้อเป็นเงินสด ปล่อยเป็นเครดิต จะคุ้มหรือเปล่า ขอความคิดเห็น
เดิมเราขายขนม ขนมเปี๊ย ขนมถั่วตัดสูตรโบราณ (ใครกินก็ว่าอร่อยเพราะไม่หวานมากไม่ใส่แบะแซ๗ รับมาขายไป มีลูกค้าน้อย ขายไม่ได้ทุกวัน ที้ต้องเป้าหมายไว้ ขอให้ได้อย่าางน้อยกำไรวันละ 500 กำไรก็น้อยมาก ลูกค้าบางคนอยากขายแต่ขอเป็นเครดิต แตก็น้อยราย ติดต่อเพื่อนจะเอาขนมไปลงเพื่อนก็ให้ฝากขาย ไม่ซื้อขาด มีค่าใช้จ่ายรายเดือนคงที่ ทั้งบ้าน ทั้งรถ กดบัตรเครดิตมาหมุน ตอนนี้ยอดอยู่ที่ 37000 แล้ว ไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะขนาดนี้ กำลังมองหาร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วเอาขนมไปเสนอให้เขารับไปขาย ให้เขาชิมก่อน หากให้ฝากขายคงไม่ไหว ไม่มีเงินหมุน
อายุ 41 เป็นปัญหากับการถูกเลือกเข้าทำงาน แต่ก็ไม่ท้อ หากมีเงินเดือน 15000 ก็ยังมีรายได้จาการขายขนม ทุนก็ไม่มีจะไปเอาขนมละ หากหาทุนมาได้ เอาไปเอาของก็ ต้องเอามาหมุนเวียนอีก ร้านที่ไปเอาเขาก็เก็บเงินสด แต่เราขายเครดิต ภาวะเครียดตอนนี้เหมือนตอนที่ถูกบีบให้ออกจากงานเลย
รบกวนสอบถามใครที่มีความรู้ เราควรเปิดเครดิต หรือไม่ควรเปิดดี และช่องทางการขาย ที่จะทำให้คนสนใจ มีช่องทางใหนอีกบ้าง การตลาดที่เจ๋งๆ เป็นไงบ้าง เราคิด และทำ หาช่องทางหาเงินทุกทาง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ต้องจ่ายค่าบัตรเครดิต 7000 เงินในบัญชีที่เก็บไว้สำรองสิ้นเดือนก็ไปเอามาลงทุนแล้ว คงถึงเวลาของจุดเปลี่ยนของชีวิตจริงๆแล้วหรือเปล่า ตอนออกงานมา ตั้งแต่ก้าวออกจากบริษัท ก็ยังไม่เคยหยุดคิดเรื่องหาเงิน แต่ช่วงเดือนแรกที่ออกงานมา เพื่อนๆ ช่วยเอาไปขายให้ แต่ก็คิดแล้ว ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ก็แทบเสมอตัว เพราะเราไม่มีหน้าร้าน ไม่มีเงินลงทุน ตัวคนเดียว คิดคนเดียว เหนื่อย เครียด จนคิดไม่ออก แต่ก็ไม่ท้อ จะสู้จนหมดหนทาง สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิด แต่ก็ขอให้ผ่านคำว่าทำเต็มที่ ทำดีที่สุดแล้ว
พิมพ์ไปก็ร้องให้ไป เขาถึงได้เรียกว่าชีวิต ตอนอายุ 31 บ้านไฟไหม้ ตอนอายุ 41 ปีนี้ ตกงานแบบไม่คาดคิด โดนเขาใส่ร้ายว่าฉ้อโกงบริษัท (มารู้ตอนลาออกแล้ว น้องทีทำงานโทรมาบอก มันก็สายไปแล้ว เราทุ่มเทกับงานมาตลอด แต่กลับไปเชื่อคนอื่นที่เพิ่งเข้ามา ไอ้เราก็ซื่อซะจน ไม่ได้คิดขนาดนั้น เขามาตามให้กลับไป แต่เราเลือกแล้ว เพราะกลับไปเราก็ทุ่มเทให้แต่กับงานจนลืมทุกอย่าง ทำตั้งแต่ 7 โมง ยัน 2-3 ทุ่ม ไม่เคยถามหาค่าตอบแทน แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือ การเชื่อคนอื่น วันที่เดินออกมารู้สึกโล่งมาก ไม่เคยคิดอะไร คิดแต่ว่าเราทำงานให้เขาไม่ได้ เป็นภาระบริษัท เลยตัดสินใจออก ทุกวันนี้ก็ไม่คิดโกรธอะไรลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่คิดว่าวันๆนึงจะหาเงินยังไง ทำยังไงให้ได้เงิน ) บลาๆๆๆๆ T_T สู้สู้ ให้กำลังใจตัวเองต่อไป เพราะมีพ่อที่ต้องคอยเลี้ยงดู เชื่อว่าจะดีขึ้นเร็วๆนี้ 55 ปลอบใจตัวเอง