สวัสดีครับ.... ไม่ได้ตั้งกระทู้ใน Pantip นานมาก ๆ แล้ว วันนี้เป็นวันหยุดหลังจากการสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยของผม จึงมีเวลามานั่งเขียน รีวิวข้อดีข้อเสียของรถรุ่นนี้สักหน่อย จากการที่ผมได้รถคันนี้มาตั้งแต่ วันที่ 18/9/58 จนวันนี้ก็ 1 ปีนิด ๆ ก็ได้ผ่านอะไรมากเยอะเหมือนกันกับการทำโน่นทำนี้ไปเรื่อย เจอปัญหาก็ค่อย ๆ แก้ไขกันไปที่ละจุด เลยอยากเอาแชร์กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในPantip เผื่อจะเป็นแนวทางหรืออาจจะมีคนกำลังสนใจซื้อรถรุ่นนี้จะได้ตัดสินใจว่าตรงกับความต้องการไหม
(รูปรับรถมาวันแรก)
งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
**เรื่องแรกที่ผมจะเล่าหน้าจะเป็นเรื่องของการกินน้ำมันแล้วกันเนอะ**
เรื่องผมนี้อาจจะต้องบอกก่อนนะครับ เพราะว่าผมนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติของคนทั่วไปอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ผมมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 160 กิโลกรัม !!! อย่าเพิ่งตกใจกันไป 555 ยังครับ ยังไม่พอ ผมมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคนที่ผมค่อยขับไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย คุณแฟนน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม รวม ๆ กันแล้วหน้าจะประมาณ 220 กิโลกรัม เวลาที่ผมขับ ผมจะใช้ความเร็ว ตั้งแต่ 60 - 150 ในบ้างจังหวะที่ต้องใช้ความเร็ว(วันที่ตื่นสายแล้วคุณแฟนมารอ-*-) โดยเฉลี่ยแล้ว ผมจะเติมน้ำมัน E20 เต็มถัง ถังนึงวิ่งได้ประมาณ 280-300 กิโลเมร/ถัง ถ้าดูจากหน้าปัดที่บอกค่าเฉลี่ยไว้ จะขึ้นประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร ก็ถือว่าพอรับได้ครับ สำหรับเครื่องยนต์ 321 cc
**เรื่องที่สอง หน้าจะเป็นเรื่องการขับขี่**
เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันครับ พอผมได้รับรถมาวันแรก ผมก็ได้ทำการหัดขับอยู่สองสามวัน จนขับชินแล้ว ก็เอาไปมหาวิทยาลัยเลย ไม่ได้บ้าของใหม่อะไรหรอกครับ คือขายคันเก่าไปแล้ว แล้วมาออกคันใหม่ ต่อให้มันไม่ชินก็ต้องขับไปอยู่ดีเพราะไม่มีรถให้ขับแล้วในบ้าน 555 เป็นครั้งแรกที่ได้ขับยาว ๆ จากถนนสวนผัก (แถวๆกรมการขนส่ง) ไปถึง มจพ. ทำให้รู้ว่า รถมันนิ่งดีนะ ทำความเร็วได้ดีกว่าคันเก่ามาก ^^ ชอบเลย แต่ปัญหาก็มีครับ คือมือผมนี้ชามาก ๆ ตอนแรกผมก็คิดนะว่า เพราะเราต้องก้มขับ ไม่เหมือน Nouvo SX คันเก่าที่ขับชิว ๆ และอาจจะเป็นการจับแฮนด์ผิดวิธีด้วย ก็ไปเรียนขับขี่ปลอดภัย เค้าก็สอนผมนะว่าจับแบบนี้นะ เราก็จับ แต่ก็ยังไม่หายชา จึงได้ไปปรึกษาพี่ช่างที่เป็นช่างประจำศูนย์ที่ออกรถมา ช่างบอกว่า ลองวิธีนี้ดูไหม คือการโหลดหน้าลง 1 นิ้ว หน้าจะดีขึ้น ผมก็เอาสิ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หลังจากการทำโหลดหน้าลงมา 1 นิ้ว ผลที่ได้ออกมาคือ มันนิ่งสนิทเลยครับ จากที่มือชา ๆ กันหายไปหมดเลย แล้วตัวรถก็นิ่งขึ้นมาก ๆ ในความเร็วสูง ๆ ก็แปลกใจเหมือนกันครับว่าแค่โหลดหน้าลงมาเนี่ยนะ ทำให้หายหมดเลย
แต่ครับแต่ การโหลดหน้าลงมามันเหมาะสำหรับคนตัวเบา ๆ ไอ้ตัวผมนี้ก็หนัก ยิ่งมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคน เลยทำให้ระยะการยุบตัวของโช็คหน้านั้น ลงไปถึงระยะที่ชนกับด้านบนของตัวโช็ค เวลาตกหลุมหรืออะไร จะมีเสียงเหมือนเหล็กตีกันอย่างนั้น เลยต้องทำการแก้ไขครับ ก็ปรึกษาพี่ช่างศูนย์ท่านเดิม พี่ช่างบอกว่า สงสัยต้องเพิ่มน้ำมัน กับค่าความหนืด เอาสิเหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรจะเสีย จะให้ยกหน้าขึ้นเหมือนเดิมแต่มือชาก็ไม่ไหวนะ ไม่มีความสุขกับการขับเลย ผมเลยตัดสินใจครับ ไปซื้อ น้ำมันโช็ค เบอร์ SAE20 เลยที่เค้าบอกว่าหนืดสุด ให้พี่ช่างเปลี่ยนให้ พี่ช่างบอกว่า ปริมาณการเติมเดิม ๆ จากคู่มือ คือ 487cc ต่อ 1 ข้าง พี่ช่างเพิ่มให้เป็น 495 cc ต่อ 1 ข้าง จากการที่ได้เพิ่มค่าความหนืด และ ปริมาณ ทำให้ปัญหาการยุบตัวนั้นหมดไปครับ สบายละทีนี้ เหมือนรถไม่ได้โหลดหน้า ลงหลุมลงบ่อสบายใจเลยงานนี้ ^^
หมดจากโช็คหน้ากันไปแล้ว มาต่อที่โช็คหลังกันบ้าง ต้องบอกเลยครับว่า ของเดิม ๆ ที่ให้ติดรถมานั้นก็นิ่มสะเหลือเกิน 555(เพราะผมคนเดียวหรือป่าว) ขนาดว่าปรับไปถึงระดับที่ 7 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งสุดของโช็คติดรถตัวนี้แล้วก็ตาม จะไม่ให้มันนิ่งได้ไง สองคนรวมกัน 220 กิโลกรัม -*- แต่ผมก็ใช้มาเรื่อย ๆ นะครับ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่ตอนขับขี่ก็ปกตินะครับยังไม่ถือว่ารับไม่ได้เลย ยังทรงตัวในทางตรง ทางโค้งก็ยังถือว่ารับได้ครับ ไม่ได้แย่จนขี่ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าใครมีงบ ก็จัดเลยครับ เปลี่ยนเถอะดีกว่าเดิมเยอะ จากที่ได้ขับรถของเพื่อนที่เปลี่ยนแล้ว อยากเปลี่ยนบ้างเลย T^T
ต่อไปเรื่องยางที่ติดรถมาให้ ยางมีขนาดที่ 110/70-17 ในด้านหน้า และ 140/70-17 ในด้านหลัง ยางที่ทางYamahaเลือกมาให้นั้นเป็นยี่ห้อ Michelin รุ่น Pilot Street ถ้าให้พูดเรื่องยาง ผมอาจจะบอกได้ว่า ก็ถือว่าโอเคนะ ไม่ได้แย่ขนาดขี่บนน้ำแล้วเป็นงู หรือ เข้าโค้งไม่ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ฝนตกก็ขับช้าหน่อย ทางโค้งถ้าไม่ชำนาญโค้งนั้นจริง ๆ ก็อย่าเข้าแรง เบา ๆ กันนิดนึง ผมใช้ยางคู่นี้มาตั้งแต่ออกรถ จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ดูที่ดอกยางแล้วก็ยังเหลืออีกเยอะ แต่สำหรับคนที่มีงบ แนะนำเปลี่ยนเลยก็ดีนะครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวดี ๆ แล้ว เหมือนได้รถอีกคันเลยจากที่ลองขับรถเพื่อนที่เปลี่ยนมาแล้ว
**เรื่องกำลังของเครื่องยนต์**
ต่อไปเรื่องนี้ บอกก่อนครับอย่าเอาผมเป็นตัววัดมากนัก เพราะผมหนักกว่าคนอื่น ๆ เยอะ 555 ผมบอกอย่างนี้ก่อน เดิม ๆ เลย ตอนที่ไม่ได้ยุ่งอะไรกับรถเลย ท็อปสปีดผมได้ที่ 160.....555555 คนอื่นเค้าออกกันมาวิ่งได้ 180 190 ผม 160 -*- ดีจริง ๆ ก็ทำไงอ่าน้ำหนักเยอะนี้หน่า T^T
เนื่ยแหล่ะครับผมเลยต้องมีการตุกติกกันนิด ๆ หน่อย ๆ รถผมทำอะไรไปบ้าง มาสรุปกันก่อนเดียวผมแยกแต่ละตัวให้ว่าใส่เข้าไปหรือเพิ่มเข้าไปแล้วแตกต่างอย่างไงกันบ้าง
1.น้ำมันเครื่อง
2.กรองอากาศแต่ง
3.หัวเทียนแต่ง
4.จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน
5.ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909
มาเริ่มที่อันแรก น้ำมันเครื่อง ผมใช้ของศูนย์แล้วรู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ จึงได้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ จนมาหยุดที่ สองตัวนี่ ตัวแรกใส่ตอนมีตังครับ 55+
ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋องละ 280 บาท
ส่วนอีกตัวใส่ตอนตังหมด 555+
ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋อง 1 ลิตร 120 บาท ป๋อง 0.8ลิตร อยู่ที่ 110 บาท
จากการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทำให้รู้สึกว่าเครื่องยนต์ไหลลื่นขึ้นครับดีกว่าของศูนย์อ่าในด้านอัตราเร่ง แต่ของศูนย์ตัวใหม่ผมยังไม่ได้ลองนะ กะว่าเดียวเช็ค 20000 กิโล จะเข้าไปลองใช้ของศูนย์ดูครับว่า โอเคไหม เห็นราคาป่องละ 350 มีรูป Rossi ด้วย อิอิ อันนี้ชอบส่วนตัว
อันที่ 2 คือกรองอากาศแต่ง อันนี้ผมได้จากรุ่นพี่ที่รู้จักกันทำให้ครับ เป็นกรองแต่ง DIY ที่บอกได้คำเดียวว่า ใส่แล้วเห็นผลชัดเจนเลย ต้นนี้ดึงเลย กลาง ปลาย ไหลกว่าเดิมครับ ถือว่าพอใจมาก ๆ ถ้าใครอยากชมหน้าตากรองลองเข้าไปที่ Link นี้ครับผมทำไว้เอง ตอนล้างกรอง
https://www.youtube.com/watch?v=2_1K3zvzxGM
อันที่ 3 คือหัวเทียนแต่ง อันนี้บอกนิดนึงครับ เปลี่ยนแล้วมามันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจน แต่มันเหมือนทำให้เครื่องยนต์นิ่งขึ้น แล้วติดเครื่องติดง่ายขึ้น แต่ก็มีผลด้านอัตราเร่งอยู่บ้างครับแต่ก็น้อยครับ ไม่เหมือนเปลี่ยนกรองอากาศอันนั้นชัดเจน
อันที่ 4 จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน อันนี้ก็ถือว่าเด็ดอยู่ครับ ทำให้ต้น กลาง ปลาย นั้น ดึงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกันการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากครับ ประมาณ 10-20% แต่แลกมากับความแรงและอัตราเร่งก็ยอมครับ ได้อยู่ ๆ เลยอันนี้
อันที่ 5 ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909 อันนี้สิ คือสิ่งที่แปลกใจที่สุด ผมบอกก่อน ผมเป็นคนหัวแข็งมาก ในด้านที่ใครต่อใครบอกว่า ใส่หัวเชื้อสิ ใส่นั้นใส่นี้สิ ผมไม่เชื่ออ่า เพราะผมดูจากหลาย ๆ คนใส่แล้วมันต้องมีผลกระทบด้านใด ด้านหนึ่งแน่ ๆ แต่พอผมได้เห็นจากคนใกล้ตัวหลาย ๆ ต่อหลายท่านใส่ แล้วบอกดีขึ้นมาก แล้วไม่มีผลกระทบ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก สุดท้ายก็ลอง พอใส่เท่านั้นแหล่ะ คุณพระ!!!! มันเห็นผลจริง!!! จากที่เกียร์เข้ายาก ๆ เครื่องเร่งไม่ขึ้น กินน้ำมัน(กินจากการจูนเพิ่มน้ำมัน) มันได้ผลที่ออกมาเปลี่ยนไปเลย คือ เกียร์เข้าง่ายมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมงงไปเลยจริง ๆ เครื่องเร่งดีขึ้น เสียงเงียบลง เครื่องยนต์ร้อนช้าขึ้น กินน้ำมันน้อยลง(กินน้ำมันเหมือนตอนที่ไม่ได้จูนเพิ่มน้ำมันเลย)
จากการที่ผมได้ทำทั้งหมดนั้น จากที่ผมวิ่งได้สูงสุด 160 นึกภาพง่าย ๆ ว่า จากวงเวียนพระราม 5 จนถึงตีนสะพานพระราม 5 กว่าผมจะได้ 160 ตอนนี้ จากวงเวียนพระราม 5 มาถึงโลตัสพระราม 5 ผมได้ 160 แล้ว พอไปถึงตีนสะพาน ผมได้ที่ 175 เครื่องยนต์ยังไหลได้ต่อ แต่สุดถนนแล้วพอดีกว่า ก็ถือว่าพอใจมากครับ
[CR] !!!รีวิว!!! ข้อดีข้อเสียของ Yamaha YZF-R3 ในระยะเวลา 1ปี กับการขับระยะทางกว่า 18,000 กิโลเมตร
(รูปรับรถมาวันแรก)
งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
**เรื่องแรกที่ผมจะเล่าหน้าจะเป็นเรื่องของการกินน้ำมันแล้วกันเนอะ**
เรื่องผมนี้อาจจะต้องบอกก่อนนะครับ เพราะว่าผมนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติของคนทั่วไปอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ผมมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 160 กิโลกรัม !!! อย่าเพิ่งตกใจกันไป 555 ยังครับ ยังไม่พอ ผมมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคนที่ผมค่อยขับไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย คุณแฟนน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม รวม ๆ กันแล้วหน้าจะประมาณ 220 กิโลกรัม เวลาที่ผมขับ ผมจะใช้ความเร็ว ตั้งแต่ 60 - 150 ในบ้างจังหวะที่ต้องใช้ความเร็ว(วันที่ตื่นสายแล้วคุณแฟนมารอ-*-) โดยเฉลี่ยแล้ว ผมจะเติมน้ำมัน E20 เต็มถัง ถังนึงวิ่งได้ประมาณ 280-300 กิโลเมร/ถัง ถ้าดูจากหน้าปัดที่บอกค่าเฉลี่ยไว้ จะขึ้นประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร ก็ถือว่าพอรับได้ครับ สำหรับเครื่องยนต์ 321 cc
**เรื่องที่สอง หน้าจะเป็นเรื่องการขับขี่**
เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันครับ พอผมได้รับรถมาวันแรก ผมก็ได้ทำการหัดขับอยู่สองสามวัน จนขับชินแล้ว ก็เอาไปมหาวิทยาลัยเลย ไม่ได้บ้าของใหม่อะไรหรอกครับ คือขายคันเก่าไปแล้ว แล้วมาออกคันใหม่ ต่อให้มันไม่ชินก็ต้องขับไปอยู่ดีเพราะไม่มีรถให้ขับแล้วในบ้าน 555 เป็นครั้งแรกที่ได้ขับยาว ๆ จากถนนสวนผัก (แถวๆกรมการขนส่ง) ไปถึง มจพ. ทำให้รู้ว่า รถมันนิ่งดีนะ ทำความเร็วได้ดีกว่าคันเก่ามาก ^^ ชอบเลย แต่ปัญหาก็มีครับ คือมือผมนี้ชามาก ๆ ตอนแรกผมก็คิดนะว่า เพราะเราต้องก้มขับ ไม่เหมือน Nouvo SX คันเก่าที่ขับชิว ๆ และอาจจะเป็นการจับแฮนด์ผิดวิธีด้วย ก็ไปเรียนขับขี่ปลอดภัย เค้าก็สอนผมนะว่าจับแบบนี้นะ เราก็จับ แต่ก็ยังไม่หายชา จึงได้ไปปรึกษาพี่ช่างที่เป็นช่างประจำศูนย์ที่ออกรถมา ช่างบอกว่า ลองวิธีนี้ดูไหม คือการโหลดหน้าลง 1 นิ้ว หน้าจะดีขึ้น ผมก็เอาสิ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หลังจากการทำโหลดหน้าลงมา 1 นิ้ว ผลที่ได้ออกมาคือ มันนิ่งสนิทเลยครับ จากที่มือชา ๆ กันหายไปหมดเลย แล้วตัวรถก็นิ่งขึ้นมาก ๆ ในความเร็วสูง ๆ ก็แปลกใจเหมือนกันครับว่าแค่โหลดหน้าลงมาเนี่ยนะ ทำให้หายหมดเลย
แต่ครับแต่ การโหลดหน้าลงมามันเหมาะสำหรับคนตัวเบา ๆ ไอ้ตัวผมนี้ก็หนัก ยิ่งมีคุณแฟนที่น่ารักของผมอีกคน เลยทำให้ระยะการยุบตัวของโช็คหน้านั้น ลงไปถึงระยะที่ชนกับด้านบนของตัวโช็ค เวลาตกหลุมหรืออะไร จะมีเสียงเหมือนเหล็กตีกันอย่างนั้น เลยต้องทำการแก้ไขครับ ก็ปรึกษาพี่ช่างศูนย์ท่านเดิม พี่ช่างบอกว่า สงสัยต้องเพิ่มน้ำมัน กับค่าความหนืด เอาสิเหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรจะเสีย จะให้ยกหน้าขึ้นเหมือนเดิมแต่มือชาก็ไม่ไหวนะ ไม่มีความสุขกับการขับเลย ผมเลยตัดสินใจครับ ไปซื้อ น้ำมันโช็ค เบอร์ SAE20 เลยที่เค้าบอกว่าหนืดสุด ให้พี่ช่างเปลี่ยนให้ พี่ช่างบอกว่า ปริมาณการเติมเดิม ๆ จากคู่มือ คือ 487cc ต่อ 1 ข้าง พี่ช่างเพิ่มให้เป็น 495 cc ต่อ 1 ข้าง จากการที่ได้เพิ่มค่าความหนืด และ ปริมาณ ทำให้ปัญหาการยุบตัวนั้นหมดไปครับ สบายละทีนี้ เหมือนรถไม่ได้โหลดหน้า ลงหลุมลงบ่อสบายใจเลยงานนี้ ^^
หมดจากโช็คหน้ากันไปแล้ว มาต่อที่โช็คหลังกันบ้าง ต้องบอกเลยครับว่า ของเดิม ๆ ที่ให้ติดรถมานั้นก็นิ่มสะเหลือเกิน 555(เพราะผมคนเดียวหรือป่าว) ขนาดว่าปรับไปถึงระดับที่ 7 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งสุดของโช็คติดรถตัวนี้แล้วก็ตาม จะไม่ให้มันนิ่งได้ไง สองคนรวมกัน 220 กิโลกรัม -*- แต่ผมก็ใช้มาเรื่อย ๆ นะครับ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่ตอนขับขี่ก็ปกตินะครับยังไม่ถือว่ารับไม่ได้เลย ยังทรงตัวในทางตรง ทางโค้งก็ยังถือว่ารับได้ครับ ไม่ได้แย่จนขี่ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าใครมีงบ ก็จัดเลยครับ เปลี่ยนเถอะดีกว่าเดิมเยอะ จากที่ได้ขับรถของเพื่อนที่เปลี่ยนแล้ว อยากเปลี่ยนบ้างเลย T^T
ต่อไปเรื่องยางที่ติดรถมาให้ ยางมีขนาดที่ 110/70-17 ในด้านหน้า และ 140/70-17 ในด้านหลัง ยางที่ทางYamahaเลือกมาให้นั้นเป็นยี่ห้อ Michelin รุ่น Pilot Street ถ้าให้พูดเรื่องยาง ผมอาจจะบอกได้ว่า ก็ถือว่าโอเคนะ ไม่ได้แย่ขนาดขี่บนน้ำแล้วเป็นงู หรือ เข้าโค้งไม่ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ฝนตกก็ขับช้าหน่อย ทางโค้งถ้าไม่ชำนาญโค้งนั้นจริง ๆ ก็อย่าเข้าแรง เบา ๆ กันนิดนึง ผมใช้ยางคู่นี้มาตั้งแต่ออกรถ จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ดูที่ดอกยางแล้วก็ยังเหลืออีกเยอะ แต่สำหรับคนที่มีงบ แนะนำเปลี่ยนเลยก็ดีนะครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวดี ๆ แล้ว เหมือนได้รถอีกคันเลยจากที่ลองขับรถเพื่อนที่เปลี่ยนมาแล้ว
**เรื่องกำลังของเครื่องยนต์**
ต่อไปเรื่องนี้ บอกก่อนครับอย่าเอาผมเป็นตัววัดมากนัก เพราะผมหนักกว่าคนอื่น ๆ เยอะ 555 ผมบอกอย่างนี้ก่อน เดิม ๆ เลย ตอนที่ไม่ได้ยุ่งอะไรกับรถเลย ท็อปสปีดผมได้ที่ 160.....555555 คนอื่นเค้าออกกันมาวิ่งได้ 180 190 ผม 160 -*- ดีจริง ๆ ก็ทำไงอ่าน้ำหนักเยอะนี้หน่า T^T
เนื่ยแหล่ะครับผมเลยต้องมีการตุกติกกันนิด ๆ หน่อย ๆ รถผมทำอะไรไปบ้าง มาสรุปกันก่อนเดียวผมแยกแต่ละตัวให้ว่าใส่เข้าไปหรือเพิ่มเข้าไปแล้วแตกต่างอย่างไงกันบ้าง
1.น้ำมันเครื่อง
2.กรองอากาศแต่ง
3.หัวเทียนแต่ง
4.จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน
5.ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909
มาเริ่มที่อันแรก น้ำมันเครื่อง ผมใช้ของศูนย์แล้วรู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ จึงได้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ จนมาหยุดที่ สองตัวนี่ ตัวแรกใส่ตอนมีตังครับ 55+
ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋องละ 280 บาท
ส่วนอีกตัวใส่ตอนตังหมด 555+
ตัวนี้ราคาอยู่ที่ป๋อง 1 ลิตร 120 บาท ป๋อง 0.8ลิตร อยู่ที่ 110 บาท
จากการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทำให้รู้สึกว่าเครื่องยนต์ไหลลื่นขึ้นครับดีกว่าของศูนย์อ่าในด้านอัตราเร่ง แต่ของศูนย์ตัวใหม่ผมยังไม่ได้ลองนะ กะว่าเดียวเช็ค 20000 กิโล จะเข้าไปลองใช้ของศูนย์ดูครับว่า โอเคไหม เห็นราคาป่องละ 350 มีรูป Rossi ด้วย อิอิ อันนี้ชอบส่วนตัว
อันที่ 2 คือกรองอากาศแต่ง อันนี้ผมได้จากรุ่นพี่ที่รู้จักกันทำให้ครับ เป็นกรองแต่ง DIY ที่บอกได้คำเดียวว่า ใส่แล้วเห็นผลชัดเจนเลย ต้นนี้ดึงเลย กลาง ปลาย ไหลกว่าเดิมครับ ถือว่าพอใจมาก ๆ ถ้าใครอยากชมหน้าตากรองลองเข้าไปที่ Link นี้ครับผมทำไว้เอง ตอนล้างกรอง
https://www.youtube.com/watch?v=2_1K3zvzxGM
อันที่ 3 คือหัวเทียนแต่ง อันนี้บอกนิดนึงครับ เปลี่ยนแล้วมามันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจน แต่มันเหมือนทำให้เครื่องยนต์นิ่งขึ้น แล้วติดเครื่องติดง่ายขึ้น แต่ก็มีผลด้านอัตราเร่งอยู่บ้างครับแต่ก็น้อยครับ ไม่เหมือนเปลี่ยนกรองอากาศอันนั้นชัดเจน
อันที่ 4 จูนกล่องเพิ่มน้ำมัน อันนี้ก็ถือว่าเด็ดอยู่ครับ ทำให้ต้น กลาง ปลาย นั้น ดึงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกันการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากครับ ประมาณ 10-20% แต่แลกมากับความแรงและอัตราเร่งก็ยอมครับ ได้อยู่ ๆ เลยอันนี้
อันที่ 5 ใส่สารเคลือบเครื่องยนต์ Omega 909 อันนี้สิ คือสิ่งที่แปลกใจที่สุด ผมบอกก่อน ผมเป็นคนหัวแข็งมาก ในด้านที่ใครต่อใครบอกว่า ใส่หัวเชื้อสิ ใส่นั้นใส่นี้สิ ผมไม่เชื่ออ่า เพราะผมดูจากหลาย ๆ คนใส่แล้วมันต้องมีผลกระทบด้านใด ด้านหนึ่งแน่ ๆ แต่พอผมได้เห็นจากคนใกล้ตัวหลาย ๆ ต่อหลายท่านใส่ แล้วบอกดีขึ้นมาก แล้วไม่มีผลกระทบ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก สุดท้ายก็ลอง พอใส่เท่านั้นแหล่ะ คุณพระ!!!! มันเห็นผลจริง!!! จากที่เกียร์เข้ายาก ๆ เครื่องเร่งไม่ขึ้น กินน้ำมัน(กินจากการจูนเพิ่มน้ำมัน) มันได้ผลที่ออกมาเปลี่ยนไปเลย คือ เกียร์เข้าง่ายมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมงงไปเลยจริง ๆ เครื่องเร่งดีขึ้น เสียงเงียบลง เครื่องยนต์ร้อนช้าขึ้น กินน้ำมันน้อยลง(กินน้ำมันเหมือนตอนที่ไม่ได้จูนเพิ่มน้ำมันเลย)
จากการที่ผมได้ทำทั้งหมดนั้น จากที่ผมวิ่งได้สูงสุด 160 นึกภาพง่าย ๆ ว่า จากวงเวียนพระราม 5 จนถึงตีนสะพานพระราม 5 กว่าผมจะได้ 160 ตอนนี้ จากวงเวียนพระราม 5 มาถึงโลตัสพระราม 5 ผมได้ 160 แล้ว พอไปถึงตีนสะพาน ผมได้ที่ 175 เครื่องยนต์ยังไหลได้ต่อ แต่สุดถนนแล้วพอดีกว่า ก็ถือว่าพอใจมากครับ