ทริปตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่านของผม โดยเน้นเช่ารถมอเตอร์ไซค์ตระเวนขี่เที่ยวไปทั่วตามแผนที่วางไว้ โดยเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวย่านตัวเมืองและใกล้ตัวเมืองแพร่เป็นหลัก ส่วนเมืองน่านเป็นของแถมเพราะต้องนั่งเครื่องบินกลับที่น่าน นับเป็นทริปการเที่ยวเดี่ยวเพียงคนเดียวในประเทศทริปที่ 2 ของผมต่อจากเมื่อปีที่แล้วที่ไปตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองสุโขทัยต่อเมืองพิษณุโลกมา 6 วัน แต่รีวิวการเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่านของผมนับเป็นกระทู้ที่ 3 ที่ผมลงในเว็บพันทิปแล้วครับ การเดินทางเที่ยว 2 เมืองภาคเหนือครั้งนี้เกิดจากพอดีมีวันหยุดราชการยาว 5 วัน ช่วงวันอาสาฬหบูชากับวันเข้าพรรษา ผมจึงวางแผนเที่ยวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จองตั๋วรถบัส จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมที่พักเสียแต่เนิ่น ๆ ซึ่งก็เป็นผลดีทำให้เราไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีที่พัก มีตั๋วเดินทางรึเปล่า เพราะรายการตั๋วเดินทางรถบัส VIP ที่จองไปก็เต็มหลังผมจ่ายเงินไปไม่นาน เช่นเดียวกับที่พักที่เมืองน่านก็เต็มอย่างรวดเร็ว จึงโชคดีที่ผมเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะการเที่ยวช่วงเทศกาลเป็นอะไรที่วุ่นวายที่สุดถ้าเราไม่วางแผนเที่ยวเสียแต่เนิ่น ๆ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ใช้เวลา 5 วัน มีดังนี้
วันที่ 1 : เดินทางถึงเมืองแพร่ ขี่รถเที่ยวย่านดอยผากลอง และในตัวเมือง
วันที่ 2 : ขี่รถเที่ยวย่านช่อแฮ
วันที่ 3 : ขี่รถเที่ยวย่านเด่นชัย - สูงเม่น และเดินทางต่อไปเมืองน่าน
วันที่ 4 : ขี่รถเที่ยวย่านเวียงสา - นาน้อย
วันที่ 5 : ขี่รถเที่ยวในตัวเมืองน่าน และเดินทางกลับ
ผมออกเดินทางจากบ้านราว 5 โมงเย็นฝ่าการจราจรที่เริ่มติดหนักมาตลอดทางจนมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตราวเกือบ 3 ทุ่ม เป็นการเดินทางที่นั่งลุ้นในรถว่าจะตกรถทัวร์รึเปล่า เพราะสภาพการจราจรบริเวณสวนจตุจักรเข้ามาภายในหมอชิตนั้นเกือบเป็นอัมพาต ผู้คนจำนวนมากต่างเร่งรีบเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับผม ไม่ต่างจากเทศกาลหยุดยาว ๆ อย่างปีใหม่ หรือสงกรานต์เลย ในที่สุดผมก็มาถึงจุดรอรถทัวร์ VIP ที่จองไว้เสียที ผมมาถึงก่อนที่รถจะเข้าชานชาลาเพียง 15 นาที เกือบตกรถซะแล้วเรา
เที่ยวขาไปขอใช้บริการนั่งรถทัวร์ VIP ของบริษัทพรพิริยะไปแพร่รึกันครับ เพราะผมสู้ค่าตั๋วเครื่องบินขาไปไม่ไหวเที่ยวเดียวราคา 2 พันกว่าบาท ยอมเสียแค่ขากลับพอ เดี๋ยวนี้การจองตั๋วรถทัวร์ดีมากเราสามารถจองออนไลน์ในเว็บได้เลย เลือกรอบวิ่งและที่นั่งบนรถได้ตามที่ต้องการ และสามารถชำระเงินค่าตั๋วได้ที่ 7 - 11 อีกด้วย เราแค่นำใบรายการที่ชำระเงินค่าตั๋วมายื่นที่เคาร์เตอร์บริษัทรถในหมอชิตก็รับตั๋วจริงได้ในวันเดินทางเลย สะดวกจริง ๆ
รถรอผู้โดยสารได้สักครู่ พอเวลา 21.05 น. รถก็ออกตรงเวลาเลยครับ แต่ขาออกกรุงเทพฯ รถทำเวลาได้ไม่มาก เพราะมีรถวิ่งออกนอกเมืองกันเยอะ รถจะวิ่งได้ช้าแถว ๆ ก่อนถึงรังสิต และมาติดแถว ๆ ชัยนาทต่อนครสวรรค์ กว่ารถจะถึงสถานีขนส่งจังหวัดแพร่ก็ปาไปเช้า 7 โมงกว่าแล้วครับ ซึ่งตามกำหนดรถต้องมาถึงสถานีขนส่งประมาณตี 4 ครับ
เมื่อลงจากรถบัสได้ ผมก็โทรศัพท์ติดต่อร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในตัวเมืองแพร่ ผลปรากฏว่าร้านเขายังไม่เปิดบริการตอน 7 โมงเช้าต่อรอถึง 8.30 น. ก่อนจึงเปิดบริการ ผมก็เลยจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรมที่พักเสียก่อน เพราะเรานั่งรถมาเหนื่อย ๆ ขอนอนสักแป๊บเอาแรงก่อนเดี๋ยวค่อยตระเวนเที่ยว โรงแรมที่ผมจองครั้งนี้ถือว่าราคาที่พักไม่เพียงนะครับคืนละ 790 บาท เป็นโรงแรมสาขา 2 ที่เพิ่งสร้างใหม่และเพิ่งเปิดให้บริการเพียง 2 ปี ก็คือ
โรงแรมอมรรักษ์ โรงแรมนี้อยู่ใกล้กับโรงแรมเฮือนนานา และโรงแรมนครแพร่ นะครับ
พักผ่อนได้สักชั่วโมงกว่า ๆ รถมอเตอร์ไซค์ที่เช่าก็มาส่งถึงโรงแรมที่พัก ผมก็ขี่รถไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน มาเหนือทั้งทีก็ต้องกินอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือพวกข้าวซอย เคยเปิดข้อมูลที่เพื่อน ๆ ชาวพันทิปเคยลงไปที่มาเที่ยวเมืองแพร่ว่า ร้านที่แนะนำคือ
ร้านปั๋นใจ ก็เลยค้นข้อมูลที่ตั้งของร้านจาก Google Map ให้นำทางไป ขี่รถมาสักเกือบ 10 นาทีก็มาถึงร้านดังกล่าว ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยใกล้ ๆ กับไปรษณีย์จังหวัดแพร่ อยู่แถว ๆ วัดพระบาทมิ่งเมืองครับ ให้สังเกตป้ายร้านตรงทางแยกขวามือก่อนถึงวัดพระบาทมิ่งเมืองให้ดีนะครับ จะได้ไม่ขี่รถเลยไป
เมื่อช่วงเช้า ๆ ร้านเพิ่งเปิดไม่นานก็ดีไม่มีลูกค้าสั่งอาหารเลย มีผมมาอุดหนุนเพียงคนเดียว สั่งข้าวซอย ขนมจีน ไข่ต้ม และน้ำอัญชันมะนาว แป๊บเดียวก็เสิร์ฟที่โต๊ะ สั่งมาทีเครื่องเคียงก็เสิร์ฟตามมาด้วยคราวนี้เลยดูเต็มโต๊ะไปเลย รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือถือว่าสอบผ่านนะครับ ไม่เสียเที่ยวที่ขี่รถมากินที่นี่ ราคาก็ไม่แพงถือว่าคุณภาพสมกับราคาครับ รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เริ่มขี่รถตระเวนเที่ยวแรกในตัวเมืองแพร่เลยครับ ไหน ๆ ก็มาแถว ๆ วัดพระบาทมิ่งเมืองแล้ว ก็แวะวัดนี้เอาฤกษ์เอาชัยเป็นวัดแรกในการเที่ยวเลยรึกันครับ...
ตะเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่าน ตอนที่ 1
ทริปตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่านของผม โดยเน้นเช่ารถมอเตอร์ไซค์ตระเวนขี่เที่ยวไปทั่วตามแผนที่วางไว้ โดยเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวย่านตัวเมืองและใกล้ตัวเมืองแพร่เป็นหลัก ส่วนเมืองน่านเป็นของแถมเพราะต้องนั่งเครื่องบินกลับที่น่าน นับเป็นทริปการเที่ยวเดี่ยวเพียงคนเดียวในประเทศทริปที่ 2 ของผมต่อจากเมื่อปีที่แล้วที่ไปตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองสุโขทัยต่อเมืองพิษณุโลกมา 6 วัน แต่รีวิวการเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่านของผมนับเป็นกระทู้ที่ 3 ที่ผมลงในเว็บพันทิปแล้วครับ การเดินทางเที่ยว 2 เมืองภาคเหนือครั้งนี้เกิดจากพอดีมีวันหยุดราชการยาว 5 วัน ช่วงวันอาสาฬหบูชากับวันเข้าพรรษา ผมจึงวางแผนเที่ยวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จองตั๋วรถบัส จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมที่พักเสียแต่เนิ่น ๆ ซึ่งก็เป็นผลดีทำให้เราไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีที่พัก มีตั๋วเดินทางรึเปล่า เพราะรายการตั๋วเดินทางรถบัส VIP ที่จองไปก็เต็มหลังผมจ่ายเงินไปไม่นาน เช่นเดียวกับที่พักที่เมืองน่านก็เต็มอย่างรวดเร็ว จึงโชคดีที่ผมเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะการเที่ยวช่วงเทศกาลเป็นอะไรที่วุ่นวายที่สุดถ้าเราไม่วางแผนเที่ยวเสียแต่เนิ่น ๆ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ใช้เวลา 5 วัน มีดังนี้
วันที่ 1 : เดินทางถึงเมืองแพร่ ขี่รถเที่ยวย่านดอยผากลอง และในตัวเมือง
วันที่ 2 : ขี่รถเที่ยวย่านช่อแฮ
วันที่ 3 : ขี่รถเที่ยวย่านเด่นชัย - สูงเม่น และเดินทางต่อไปเมืองน่าน
วันที่ 4 : ขี่รถเที่ยวย่านเวียงสา - นาน้อย
วันที่ 5 : ขี่รถเที่ยวในตัวเมืองน่าน และเดินทางกลับ
ผมออกเดินทางจากบ้านราว 5 โมงเย็นฝ่าการจราจรที่เริ่มติดหนักมาตลอดทางจนมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตราวเกือบ 3 ทุ่ม เป็นการเดินทางที่นั่งลุ้นในรถว่าจะตกรถทัวร์รึเปล่า เพราะสภาพการจราจรบริเวณสวนจตุจักรเข้ามาภายในหมอชิตนั้นเกือบเป็นอัมพาต ผู้คนจำนวนมากต่างเร่งรีบเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับผม ไม่ต่างจากเทศกาลหยุดยาว ๆ อย่างปีใหม่ หรือสงกรานต์เลย ในที่สุดผมก็มาถึงจุดรอรถทัวร์ VIP ที่จองไว้เสียที ผมมาถึงก่อนที่รถจะเข้าชานชาลาเพียง 15 นาที เกือบตกรถซะแล้วเรา
เที่ยวขาไปขอใช้บริการนั่งรถทัวร์ VIP ของบริษัทพรพิริยะไปแพร่รึกันครับ เพราะผมสู้ค่าตั๋วเครื่องบินขาไปไม่ไหวเที่ยวเดียวราคา 2 พันกว่าบาท ยอมเสียแค่ขากลับพอ เดี๋ยวนี้การจองตั๋วรถทัวร์ดีมากเราสามารถจองออนไลน์ในเว็บได้เลย เลือกรอบวิ่งและที่นั่งบนรถได้ตามที่ต้องการ และสามารถชำระเงินค่าตั๋วได้ที่ 7 - 11 อีกด้วย เราแค่นำใบรายการที่ชำระเงินค่าตั๋วมายื่นที่เคาร์เตอร์บริษัทรถในหมอชิตก็รับตั๋วจริงได้ในวันเดินทางเลย สะดวกจริง ๆ
รถรอผู้โดยสารได้สักครู่ พอเวลา 21.05 น. รถก็ออกตรงเวลาเลยครับ แต่ขาออกกรุงเทพฯ รถทำเวลาได้ไม่มาก เพราะมีรถวิ่งออกนอกเมืองกันเยอะ รถจะวิ่งได้ช้าแถว ๆ ก่อนถึงรังสิต และมาติดแถว ๆ ชัยนาทต่อนครสวรรค์ กว่ารถจะถึงสถานีขนส่งจังหวัดแพร่ก็ปาไปเช้า 7 โมงกว่าแล้วครับ ซึ่งตามกำหนดรถต้องมาถึงสถานีขนส่งประมาณตี 4 ครับ
เมื่อลงจากรถบัสได้ ผมก็โทรศัพท์ติดต่อร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในตัวเมืองแพร่ ผลปรากฏว่าร้านเขายังไม่เปิดบริการตอน 7 โมงเช้าต่อรอถึง 8.30 น. ก่อนจึงเปิดบริการ ผมก็เลยจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรมที่พักเสียก่อน เพราะเรานั่งรถมาเหนื่อย ๆ ขอนอนสักแป๊บเอาแรงก่อนเดี๋ยวค่อยตระเวนเที่ยว โรงแรมที่ผมจองครั้งนี้ถือว่าราคาที่พักไม่เพียงนะครับคืนละ 790 บาท เป็นโรงแรมสาขา 2 ที่เพิ่งสร้างใหม่และเพิ่งเปิดให้บริการเพียง 2 ปี ก็คือ โรงแรมอมรรักษ์ โรงแรมนี้อยู่ใกล้กับโรงแรมเฮือนนานา และโรงแรมนครแพร่ นะครับ
พักผ่อนได้สักชั่วโมงกว่า ๆ รถมอเตอร์ไซค์ที่เช่าก็มาส่งถึงโรงแรมที่พัก ผมก็ขี่รถไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน มาเหนือทั้งทีก็ต้องกินอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือพวกข้าวซอย เคยเปิดข้อมูลที่เพื่อน ๆ ชาวพันทิปเคยลงไปที่มาเที่ยวเมืองแพร่ว่า ร้านที่แนะนำคือ ร้านปั๋นใจ ก็เลยค้นข้อมูลที่ตั้งของร้านจาก Google Map ให้นำทางไป ขี่รถมาสักเกือบ 10 นาทีก็มาถึงร้านดังกล่าว ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยใกล้ ๆ กับไปรษณีย์จังหวัดแพร่ อยู่แถว ๆ วัดพระบาทมิ่งเมืองครับ ให้สังเกตป้ายร้านตรงทางแยกขวามือก่อนถึงวัดพระบาทมิ่งเมืองให้ดีนะครับ จะได้ไม่ขี่รถเลยไป
เมื่อช่วงเช้า ๆ ร้านเพิ่งเปิดไม่นานก็ดีไม่มีลูกค้าสั่งอาหารเลย มีผมมาอุดหนุนเพียงคนเดียว สั่งข้าวซอย ขนมจีน ไข่ต้ม และน้ำอัญชันมะนาว แป๊บเดียวก็เสิร์ฟที่โต๊ะ สั่งมาทีเครื่องเคียงก็เสิร์ฟตามมาด้วยคราวนี้เลยดูเต็มโต๊ะไปเลย รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือถือว่าสอบผ่านนะครับ ไม่เสียเที่ยวที่ขี่รถมากินที่นี่ ราคาก็ไม่แพงถือว่าคุณภาพสมกับราคาครับ รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เริ่มขี่รถตระเวนเที่ยวแรกในตัวเมืองแพร่เลยครับ ไหน ๆ ก็มาแถว ๆ วัดพระบาทมิ่งเมืองแล้ว ก็แวะวัดนี้เอาฤกษ์เอาชัยเป็นวัดแรกในการเที่ยวเลยรึกันครับ...