ก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าไม่ได้มาสอนหรือชี้นำ แต่ต้องการแบ่งปันทางเลือกสำหรับคนที่มองหาโอกาสแต่เดินทางไปไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี และต้องเตรียมตัวอย่างไร ส่วนคนที่มีเงินมีทองมีโอกาส พ่อแม่สร้างไว้ให้หนทางโปรยด้วยดอกกุหลาบอยู่แล้ว ก็สามารถข้ามไปได้เลย บทความนี้คงไม่มีประโยชน์ และคนที่พ่อแม่ไม่ได้สร้างไว้ให้ หนทางก็ไม่มีอุปสรรคเพราะไม่อยากจะทำอะไรไม่อยากดิ้นรนอยากอยู่แบบมีเท่าไหร่ก้เท่านั้น ก็คงไม่มีประโยชน์เช่นกัน ส่วนคนไหนที่มีความฝันอยากมีเงินอยากมีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงครอบคัวก็อาจจะเป็นแนวทางได้บ้าง มันเป็นแค่บทความจากประสบการณ์ตัวเองและของเพื่อนๆเพื่อที่จะนำมาแบ่งปันก็เท่านั้นเอง
เรามาเริ่มกันเลยครับ
การที่จะหาเงินแสนเงินล้านสำหรับคนที่ไม่มีต้นทุนหรือแม้แต่คนมี่ติดลบ มันไม่ใช่ง่ายๆเหมือนคนที่มีโอกาสหรือพ่อแม่สร้างไว้ให้เหมือนลูกชายผมที่พึ่งคลอดแต่ผมก็เริ่มฝากเงินให้เขาไว้แล้วเดือนละหลายพันบาท แต่คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ลูปได้คลำเงินแสนเงินล้านเหมือนคนอื่น แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากเดิมที่เราคิดมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่นแสดงว่าคุณกำลังจะใช้พลังงานในการคิดแบบสูญเปล่า
เริ่มต้นที่ตอนเรียนหนังสือ ผมได้ไปเป็นวิทยากรให้นักเรียนนักศึกษาที่กำลังจะจบพอผมพูดจบ อาจารย์จะเดินมาถามผมว่ามีลูกสาวลูกชายกำลังจะเรียนจบ ม.ปลายจะให้เลือกเรียนอะไรต่อดี ผมขอตอบตามความคิดของผมเลยว่า เรียนสาขาอะไรก้ได้ที่เรียนแล้วได้ใช้ทักษะหลายๆด้าน และได้ใช้ความคิดจินตนาการให้มากที่สุด คิดจากประสบการณ์ตรงตัวผมเองที่จบ วิศวะไฟฟ้า บางคนบอกอ้าวแล้วทำไม่ไม่เลือกเรียนที่ตัวเองอยากเรียน ใช่ครับคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดถ้าสามารถเลือกได้แล้วจบไปมีคุณภาพทำงานมีรายได้ เหมือนอาชีพแพทย์ เป็นต้น แต่ถ้าเลือกไม่ได้หรือโอกาสมีไม่มากนักให้เลือกวิชาที่ได้ใช้ความคิดให้มากที่สุด
ระหว่างเรียนค้นคว้าและจำสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนมาอย่าเรียนไปวันๆถึงแม้เราไม่เห็นประโยชน์ในสิ่งที่อาจารย์สอนก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับพอคุณจบไปแล้วสักวันคุณจะนำมันกลับมาใช้โดยไม่รู้ตัวไม่มากก็น้อย เล่าจากประสบการณ์ตัวผมเอง ผมได้ใช้สูตรตรีโกณมิติหามุมในการทำงาน ได้ใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับประจุไฟฟ้าตอนเรียน ปวช ช่างอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ในงาน และได้ใช้ทฤษฎีฟิสิกส์และแคลคูลัส มาประกอบอาชีพในปัจจุบัน ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เกิดตวามสงสัยเหมือนกันว่าจะเรียนวิชาพวกนี้ไปทำไมกัน
หางานทำไประหว่างเรียนคนที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนักพ่อแม่อาจจะมีเงินส่งเรียนนิดหน่อยจากท่านทำงานหรือแทบไม่มีเลย ผมแนะนำนำครับว่าหางานทำไปด้วยถ้ามีโอกาสอย่าหาข้ออ้างว่าไม่ว่างกลัวเรียนไม่ทันเลยครับ ต่อให้ไปนั่งเรียนอย่างเดียวไม่แว๊บไปไหนเลยก้ไม่รู้เรื่องอยู่ดีถ้าคนไม่ตั้งใจ แต่ถ้าไปทำงานช่วยเหลือตัวเองมันทำให้เราได้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้เราฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ ฝึกระบบที่ทำงาน และเรียนรู้การอยู่กับผู้อื่นในองค์กร ที่สำคัญได้เงินมาด้วย
ถึงเวลาจบออกมาหางานทำ ผมได้สัมผัสกับนักศึกษาจบไหม่ ไม่ใหม่ก็มีมาสัมภาษน์งาน ที่ผมเจอมีดังนี้
1.ที่นี่ทำเกี่ยวกับอะไรครับ (โอเคคำถามนี้ไม่ผิด)
2.เงินเดือนเท่าไหร่ครับ การถามแบบนี้ไม่ผิดเช่นกันแต่ไม่สมควรเพราะเรายึดเงินเป็นหลักในขณะที่เรายังไม่แสดงศักยภาพของตัวเองให้เขาเห็นเลยเดี๋ยวผมอะธิบายว่าทำไมหรือควรใส่ใจเรื่องไหน
3.มีโอทีมั๊ยครับ ถามเพื่อหารายได้เพิ่มแต่พอให้ทำจริงๆทำมั๊ย?? ขี้เกียจ
4.หยุดเสาอาทิตย์มั๊ย นี่ก็เป็นอีกคำถามที่คนมาสมัครงานถามบางคนแย้งว่าคนเราก็ต้องมีวันพักผ่อนบ้างเงินไม่ใช่ทุกอย่างใช่ครับกรณีที่คุณเริ่มคุณต้องเหนื่อยหน่อย เหมือนถ้าคุณเป็นตำรวจทหาร เป็นนักกีฬา คุณต้องเหนื่อยก่อนที่จะสบาย อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว
5.เวลาทำงานออกไปพบลูกค้าผมจะมีเพื่อนไปมั๊ย มันบ่งบอกถึงการความมั่นใจ เพราะตอนเรียนรู้งานเขาจะจัดสรรค์ให้คุณเอง
นี่เป็นคำถามซ้ำๆที่คนมาสมัครงานมักถาม หลายคนแย้งว่าถามอะดีแล้ว ผมไม่เถียงครับถ้าคำถามเป็นการถามเพื่อเป็นข้อมูล แต่คนที่ผมรับมาคำถามพวกนี้มาเป็นปัญหาหมดเลย
มาถึงปัญหาที่ผมเจอกับคนที่ผมรับมาทำงานแล้ว
1.ทักษะไม่มีหรือต่ำมาก ไม่ว่าจะเกี่ยวกับที่ตัวเองจบมา ทักษาภาษาทั้งไทยทั้งอังกฤษเอาแค่อ่านเขียน การใช้เครื่องใช้สำนักงานข้อนี้อนุโลมแต่ถ้าไปทำงานตอนเรียนจะได้ความรู้พวกนี้มา ทักษะการสื่อสารกับคนภายนอก รูปแบบการเขียนตอบอีเมล์ ต่ำมากถึงกับไม่มีเลยทีเดียว แต่ตอนสำภาษน์เหมือนจะรู้ แต่ถ้าเราเลือกมากก็หาพนักงานไม่ได้
2.ความอดทนต่ำให้นั่งแก้ปัญหาที่ต้องเวลานานๆลูกน้องรีบโทรมาบอกทำไม่ได้พี่ กลับมาขอลักพักเหนื่อยหนึ่งวัน งานอยากๆโยนให้คนอื่น อะไรที่มีความยุ่งยากไม่เอา
3. ความรับผิดชอบไม่มี ลูกน้องผมบางคนลา ป่วย ลากิจ ลาเอารถไปซ่อม ลาพาลูกไปฉีดวัคซีน ลาไปทำใบขับขี่ ลาไปอยู่เป็นเพื่อนหลาน ลาเหนื่อย ลาไปเป็นเพื่อนแมาต่างจังหวัด
4.ไม่เรียนรู้งาน หลังจากจบคอสที่สอนให้ แล้วถึงเวลาเจอปัญหา แก้ไขไม่ได้ผมก็จะคอยให้คำปรึกษาแต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนบางคนก็ยังถามคำถามเดิมๆ แต่พอเจอปัญหาที่ต่างนิดหน่อยแก้ไขปัญหาไม่ได้พอกลับมาออฟฟิศแทนที่จะเรียนถ้าเจ้านายไม่อยู่นั่งดูหนังในห้องทำงาน
5.พอผลงานไม่มีมีปัญหาเยอะ งานไม่เคยจบ นั่งดูหนังเวลางาน ไม่รับคำสั่ง พอเงินเดือนขยับเล็กน้อย ไปสมัครงานที่ใหม่
นี่เป็นตัวอย่างที่เจอมากับตัวเองครับ ถ้าจะไปคว้าดาว ถ้าทำตัวแบบนี้ไม่มีทางไปพิชิตเป้าหมายได้ครับดูจากคนที่เคยทำงานที่อื่นแล้วมาสมัครกับผมประวัติการเปลี่ยนงานเยอะมาก และเงินเดือนเขาก็ขยับขึ้นจริงแต่น้อยมาก บางคนอายุจะสี่สิบปริญาตรีเงินเดือนสองหมื่นกว่าบาท หรือบางคนหมื่นกว่าบาทก็มี
มาดูวิธีไปพิชิตเป้าหมายครับ มันต้องมีช่วงเวลาเริ่มต้นเพราะเราไม่มีต้นทุนชีวิต
1.จบมาแล้วไปสมัครงานที่คุณคิดว่ามันเจ๋งถ้าเขารับเข้าทำงานเงินเดือนถ้ามันไม่น่าเกลียดจนเกินไปสมัครงานที่ต้องใช้ทักษะควารู้เฉพาะทางไม่ตรงสายไม่เป็นไรถ้าเขาสอนงานให้อย่าเปลี่ยนงานบ่อยๆเพราะคุณจะไม่มีความรู้อะไรจริงจังๆสักอย่าง เพราะการเลือกงานที่เป็นความรู้เฉพาะทางคุณจะเป็นที่ต้องการของบริษัทเมื่อคุณเก่งขึ้นในอนาคตเมื่อชั่วโมงบินคุณสูง
2.ขยัน อดทน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มั่นใจในตัวเอง และรับผิดชอบ แสดงสภาวะเป็นผู้นำ การที่พัฒนาคุณสมบัติที่เป็นมืออาชีพเจ้านายบางคนเขาจะแอบคุณอยู่หลังเนินยอดเขาว่าถ้าคุณปีนข้ามมาได้ละก็คุณติดดาวไปเลย หลายครั้งที่ผมอยากจะเพิ่มตำแหน่งเพิ่มเงินเดือนลูกน้องสัก20-30 % แต่แหม่มันขัดใจจริงๆบางครั้งผมยังคิดเลยว่าจะปล่อยให้ลูกน้องมาบริหารผมก็หนีไปทำอย่างอื่นที่ผมชอบและไม่เหนื่อยมาก แต่เสียดายไม่มีแววสักคน เพื่อนผมจบเกียรตินิยมอันดับ2ไปทำงานหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับกล้องวงจนปิดแบบไฮแอ็นด์ระบบเสียงในห้องประชุม เป็นหจก. ประมูลงานหลายพันล้านทั้งรัฐและเอกชน ตอนแรกเพื่อนผมก็เบื่อๆเพื่อนๆเขาตั้งบริษัทกันหลายคนแล้วตัวเองเก่งจบเกียรตินิยมแต่ยังเป็นพนักงาน ปรากฎว่าเขามีครอบครัวอยากได้บ้านไปซื้อบ้านเดี่ยวสามล้านกว่า พอสามปีเจ้านายให้ยืมเงินปิดบ้านแต่เงินที่ให้ยืมไม่มีการเอาคืน พอเพื่อนมีลูกอยากซื้อรถครอบครัว ตอนแรกใช้กระบะสี่ประตูซื้อเอง พอเจ้านายได้ยินเจ้านายบอกไปเลือกเลยในราคาไม่เกินสองล้าน ก็ได้ มิตซูบิชิปาเจโรมาหนึ่งคัน และไม่นานก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรการผู้จัดการ และได้หุ้นไปส่วนหนึ่งพร้อมกับรถยุโรปมาอีกหนึ่งคัน นี่เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งคนที่เลือกงานดูเหมือนว่าจะไม่รุ่งแต่เขาก้คว้าเงินล้านได้อย่างไม่ยากเย็น
3.ต้องมั่นและมุ่งมั่น จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเองไม่ได้เรียนมัธยมตามหลักสูตรปกติ ม.1 ,ม2,ม3 เพราะสมัยก่อนที่บ้านผมยากจนผมต้องทำงานเป็นกรรมกรอยู่หลายปีตอนจบประถม สุดท้ายผมเห็นเขาติดป้ายเรียนลัด ป6,ม3 ,ม6 หกเดือน-หนึ่งปีจบ ผมก้ได้ไปสมัครก็ได้เรียนแต่สุดท้ายตอนไปลงทะเบียนสอบพึ่งรู้ว่ามันคือ กศน. และก็จบภายในหกเดือน จนไปสอบเป็นเด็กช่างเรียนจนจบ และสอบติด วิศวะ จนจบออกไปทำงาน
ผมสมัครงานหลายที่แต่มีที่แรกที่เรียกไปสัมภาษน์ทำงานเป็นงานเฉพาะทาง เงินเดือนตอนนั้น12,000 ตำแหน่งวิศวกร ปกติที่อื่นเข้าให้18,000 กันแล้ว แต่ด้วยที่ผมไม่มีเงินแล้วถ้ารอทำที่อื่นก็ไม่รู้เมื่อไหร่ อีกอย่างสถาบันที่เราจบก็ไม่ได้เด่นดังอะไร ผมตงลงทำที่นี่หลายปี เงินเดือนก็ปรัยปีละ 5-10% ด้วยที่ผมทำงานเสร็จเร็วและทำงานจบทำให้ลูกค้าชอบเรียกใช้บริการ ยิ่งทำงานเสร็จเร็วลูกค้าก็จะติดเรา เวลาวันหยุดเราลูกค้าเรียกไปก็ต้องไปแบบนี้ตลอด แต่ทางบริษัทก็ไม่ได้ให้โอทีเพิ่มแต่อย่างไร แม้ตีหนึ่งตีสองลูกค้าอยู่ทำโอทีอยู่กะ ผมก็ต้องไปทำงานให้ลูกค้าถ้าเขาเดินเครื่องไม่ได้ มีครั้งหนึ่งนั่งกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อนถึงเที่ยงคืนลูกค้าเรียกผมก็รีบขับรถไปทันที ผมทำแบบนี้ห้าปี เงินเดือนผมขึ้นเป็นหมื่นแปด
มีบริษัมคู่แข่งเรียกผมไปสัมภาษน์ทั้งที่ผมไม่ได้ยื่นใบสมัครผมเรียกเงินเดือนที่ใหม่ไปสามหมื่นห้าเขาตกลงผมจึงกลับมาเคลียร์งานที่ทำงานเก่าสองเดือน แต่วันหนึ่งข่าวก็รั่วไปถึงเจ้านายเขาก็ได้เรียกผมไปคุยบอกว่าให้อยู่ช่วยเขาที่นี่เขาจะหารายได้ให้เท่าที่ใหม่ แต่คงไม่ใช่เป็นการปรับเงินเดือนแต่จะได้จากค่าคอมมิชชั่นจากการทำงาน แต่สรุปว่าถึงปลายเดือนค่าคอมก็ออกบ้างไม่ออกบ้าง ผมคิดในใจก็เริ่มเบื่ออีกเช่นเดิม หนี้บัตรเครดิตก็ไม่พอจ่ายเดือนชนเดือนติดลบบ้างไหนจะค่าน้ำมันไปหาลูกค้าที่ต้องควักเองในส่วนต่างเพราะผมไปหาลูกค้าเยอะกว่าพนักงานทุกคน ผมจึงตั้งปณิธานถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไปผมตายแน่ในเมื่อเงินก็ไม่ได้งั้นผมจะอยู่ต่อแต่ผมจะกอบโกยความรู้ให้มากที่สุดจากที่นี่แทน ผมจึงพยามเรียนรู้เพิ่มเติมอะไรที่สิ่งไหนที่ผมสงสัยผมจะค้นคว้ามาให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งอีกสองปีถึงปีที่7 เงินเดือนผมขึ้นเป็นสองหมื่นต้นๆ แต่ค่าคอมก็ยังมีปัญหาเดิมๆ บางเดือนก็สามเดือนสี่เดือน จึงจะออกให้ แต่ผมยังทำงานให้องค์กรหนักเหมือนเดิมเป็นเหตุทำให้ผมมาสายบ้างเพราะกลับจากลูกค้าดึกบางวันก็ตีสาม คนในออฟิศก็เริ่มจ้องจะจับผิดหาว่าเรามีสิทธิพิเศษมาสายได้ พนักงานใหม่ที่เจ้านายรับมาจะให้เป็นหัวหน้าก็มาใส่ไฟเพราะเวลาเขาไปหาลูกค้าแล้วทำงานไม่ดีแล้วก็ถูกลูกค้าตะเพิดออกมาแล้วหาว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้ลูกค้าไม่ชอบเขา มาฟ้องเจ้านายจนผมถูกเรียกเขาไปตำหนิหลายเรื่องเช่นเรื่องมาสาย เรื่องแต่งการที่ผมใส่เสื้อโปโลมีโลโก้อื่นๆ เรื่องช่วยเหลือลูกค้าจนลูกค้าได้ประโยชน์ไม่มียอดซื้อเข้ามา สุดท้ายผมตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้ง ผมขอลาออกเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นภาระสำหรับบริษัทและไม่เป็นการเอาเปรียบบริษัท
ยาวมาก ผมพยามจะเล่าว่าแล้วจะมีวิธีหาเงินล้านได้ยังงัย ผมจะมาเขียนต่อครับกลับบ้านไปหาลูกหาเมียก่อน!!!!!!!!!!
เริ่มต้นเป็นมนุษย์เงินเดือน เพื่อนำไปสู่หาหนหาเงินล้านได้อย่างไร
เรามาเริ่มกันเลยครับ
การที่จะหาเงินแสนเงินล้านสำหรับคนที่ไม่มีต้นทุนหรือแม้แต่คนมี่ติดลบ มันไม่ใช่ง่ายๆเหมือนคนที่มีโอกาสหรือพ่อแม่สร้างไว้ให้เหมือนลูกชายผมที่พึ่งคลอดแต่ผมก็เริ่มฝากเงินให้เขาไว้แล้วเดือนละหลายพันบาท แต่คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ลูปได้คลำเงินแสนเงินล้านเหมือนคนอื่น แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากเดิมที่เราคิดมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่นแสดงว่าคุณกำลังจะใช้พลังงานในการคิดแบบสูญเปล่า
เริ่มต้นที่ตอนเรียนหนังสือ ผมได้ไปเป็นวิทยากรให้นักเรียนนักศึกษาที่กำลังจะจบพอผมพูดจบ อาจารย์จะเดินมาถามผมว่ามีลูกสาวลูกชายกำลังจะเรียนจบ ม.ปลายจะให้เลือกเรียนอะไรต่อดี ผมขอตอบตามความคิดของผมเลยว่า เรียนสาขาอะไรก้ได้ที่เรียนแล้วได้ใช้ทักษะหลายๆด้าน และได้ใช้ความคิดจินตนาการให้มากที่สุด คิดจากประสบการณ์ตรงตัวผมเองที่จบ วิศวะไฟฟ้า บางคนบอกอ้าวแล้วทำไม่ไม่เลือกเรียนที่ตัวเองอยากเรียน ใช่ครับคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดถ้าสามารถเลือกได้แล้วจบไปมีคุณภาพทำงานมีรายได้ เหมือนอาชีพแพทย์ เป็นต้น แต่ถ้าเลือกไม่ได้หรือโอกาสมีไม่มากนักให้เลือกวิชาที่ได้ใช้ความคิดให้มากที่สุด
ระหว่างเรียนค้นคว้าและจำสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนมาอย่าเรียนไปวันๆถึงแม้เราไม่เห็นประโยชน์ในสิ่งที่อาจารย์สอนก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับพอคุณจบไปแล้วสักวันคุณจะนำมันกลับมาใช้โดยไม่รู้ตัวไม่มากก็น้อย เล่าจากประสบการณ์ตัวผมเอง ผมได้ใช้สูตรตรีโกณมิติหามุมในการทำงาน ได้ใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับประจุไฟฟ้าตอนเรียน ปวช ช่างอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ในงาน และได้ใช้ทฤษฎีฟิสิกส์และแคลคูลัส มาประกอบอาชีพในปัจจุบัน ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เกิดตวามสงสัยเหมือนกันว่าจะเรียนวิชาพวกนี้ไปทำไมกัน
หางานทำไประหว่างเรียนคนที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนักพ่อแม่อาจจะมีเงินส่งเรียนนิดหน่อยจากท่านทำงานหรือแทบไม่มีเลย ผมแนะนำนำครับว่าหางานทำไปด้วยถ้ามีโอกาสอย่าหาข้ออ้างว่าไม่ว่างกลัวเรียนไม่ทันเลยครับ ต่อให้ไปนั่งเรียนอย่างเดียวไม่แว๊บไปไหนเลยก้ไม่รู้เรื่องอยู่ดีถ้าคนไม่ตั้งใจ แต่ถ้าไปทำงานช่วยเหลือตัวเองมันทำให้เราได้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้เราฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ ฝึกระบบที่ทำงาน และเรียนรู้การอยู่กับผู้อื่นในองค์กร ที่สำคัญได้เงินมาด้วย
ถึงเวลาจบออกมาหางานทำ ผมได้สัมผัสกับนักศึกษาจบไหม่ ไม่ใหม่ก็มีมาสัมภาษน์งาน ที่ผมเจอมีดังนี้
1.ที่นี่ทำเกี่ยวกับอะไรครับ (โอเคคำถามนี้ไม่ผิด)
2.เงินเดือนเท่าไหร่ครับ การถามแบบนี้ไม่ผิดเช่นกันแต่ไม่สมควรเพราะเรายึดเงินเป็นหลักในขณะที่เรายังไม่แสดงศักยภาพของตัวเองให้เขาเห็นเลยเดี๋ยวผมอะธิบายว่าทำไมหรือควรใส่ใจเรื่องไหน
3.มีโอทีมั๊ยครับ ถามเพื่อหารายได้เพิ่มแต่พอให้ทำจริงๆทำมั๊ย?? ขี้เกียจ
4.หยุดเสาอาทิตย์มั๊ย นี่ก็เป็นอีกคำถามที่คนมาสมัครงานถามบางคนแย้งว่าคนเราก็ต้องมีวันพักผ่อนบ้างเงินไม่ใช่ทุกอย่างใช่ครับกรณีที่คุณเริ่มคุณต้องเหนื่อยหน่อย เหมือนถ้าคุณเป็นตำรวจทหาร เป็นนักกีฬา คุณต้องเหนื่อยก่อนที่จะสบาย อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว
5.เวลาทำงานออกไปพบลูกค้าผมจะมีเพื่อนไปมั๊ย มันบ่งบอกถึงการความมั่นใจ เพราะตอนเรียนรู้งานเขาจะจัดสรรค์ให้คุณเอง
นี่เป็นคำถามซ้ำๆที่คนมาสมัครงานมักถาม หลายคนแย้งว่าถามอะดีแล้ว ผมไม่เถียงครับถ้าคำถามเป็นการถามเพื่อเป็นข้อมูล แต่คนที่ผมรับมาคำถามพวกนี้มาเป็นปัญหาหมดเลย
มาถึงปัญหาที่ผมเจอกับคนที่ผมรับมาทำงานแล้ว
1.ทักษะไม่มีหรือต่ำมาก ไม่ว่าจะเกี่ยวกับที่ตัวเองจบมา ทักษาภาษาทั้งไทยทั้งอังกฤษเอาแค่อ่านเขียน การใช้เครื่องใช้สำนักงานข้อนี้อนุโลมแต่ถ้าไปทำงานตอนเรียนจะได้ความรู้พวกนี้มา ทักษะการสื่อสารกับคนภายนอก รูปแบบการเขียนตอบอีเมล์ ต่ำมากถึงกับไม่มีเลยทีเดียว แต่ตอนสำภาษน์เหมือนจะรู้ แต่ถ้าเราเลือกมากก็หาพนักงานไม่ได้
2.ความอดทนต่ำให้นั่งแก้ปัญหาที่ต้องเวลานานๆลูกน้องรีบโทรมาบอกทำไม่ได้พี่ กลับมาขอลักพักเหนื่อยหนึ่งวัน งานอยากๆโยนให้คนอื่น อะไรที่มีความยุ่งยากไม่เอา
3. ความรับผิดชอบไม่มี ลูกน้องผมบางคนลา ป่วย ลากิจ ลาเอารถไปซ่อม ลาพาลูกไปฉีดวัคซีน ลาไปทำใบขับขี่ ลาไปอยู่เป็นเพื่อนหลาน ลาเหนื่อย ลาไปเป็นเพื่อนแมาต่างจังหวัด
4.ไม่เรียนรู้งาน หลังจากจบคอสที่สอนให้ แล้วถึงเวลาเจอปัญหา แก้ไขไม่ได้ผมก็จะคอยให้คำปรึกษาแต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนบางคนก็ยังถามคำถามเดิมๆ แต่พอเจอปัญหาที่ต่างนิดหน่อยแก้ไขปัญหาไม่ได้พอกลับมาออฟฟิศแทนที่จะเรียนถ้าเจ้านายไม่อยู่นั่งดูหนังในห้องทำงาน
5.พอผลงานไม่มีมีปัญหาเยอะ งานไม่เคยจบ นั่งดูหนังเวลางาน ไม่รับคำสั่ง พอเงินเดือนขยับเล็กน้อย ไปสมัครงานที่ใหม่
นี่เป็นตัวอย่างที่เจอมากับตัวเองครับ ถ้าจะไปคว้าดาว ถ้าทำตัวแบบนี้ไม่มีทางไปพิชิตเป้าหมายได้ครับดูจากคนที่เคยทำงานที่อื่นแล้วมาสมัครกับผมประวัติการเปลี่ยนงานเยอะมาก และเงินเดือนเขาก็ขยับขึ้นจริงแต่น้อยมาก บางคนอายุจะสี่สิบปริญาตรีเงินเดือนสองหมื่นกว่าบาท หรือบางคนหมื่นกว่าบาทก็มี
มาดูวิธีไปพิชิตเป้าหมายครับ มันต้องมีช่วงเวลาเริ่มต้นเพราะเราไม่มีต้นทุนชีวิต
1.จบมาแล้วไปสมัครงานที่คุณคิดว่ามันเจ๋งถ้าเขารับเข้าทำงานเงินเดือนถ้ามันไม่น่าเกลียดจนเกินไปสมัครงานที่ต้องใช้ทักษะควารู้เฉพาะทางไม่ตรงสายไม่เป็นไรถ้าเขาสอนงานให้อย่าเปลี่ยนงานบ่อยๆเพราะคุณจะไม่มีความรู้อะไรจริงจังๆสักอย่าง เพราะการเลือกงานที่เป็นความรู้เฉพาะทางคุณจะเป็นที่ต้องการของบริษัทเมื่อคุณเก่งขึ้นในอนาคตเมื่อชั่วโมงบินคุณสูง
2.ขยัน อดทน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มั่นใจในตัวเอง และรับผิดชอบ แสดงสภาวะเป็นผู้นำ การที่พัฒนาคุณสมบัติที่เป็นมืออาชีพเจ้านายบางคนเขาจะแอบคุณอยู่หลังเนินยอดเขาว่าถ้าคุณปีนข้ามมาได้ละก็คุณติดดาวไปเลย หลายครั้งที่ผมอยากจะเพิ่มตำแหน่งเพิ่มเงินเดือนลูกน้องสัก20-30 % แต่แหม่มันขัดใจจริงๆบางครั้งผมยังคิดเลยว่าจะปล่อยให้ลูกน้องมาบริหารผมก็หนีไปทำอย่างอื่นที่ผมชอบและไม่เหนื่อยมาก แต่เสียดายไม่มีแววสักคน เพื่อนผมจบเกียรตินิยมอันดับ2ไปทำงานหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับกล้องวงจนปิดแบบไฮแอ็นด์ระบบเสียงในห้องประชุม เป็นหจก. ประมูลงานหลายพันล้านทั้งรัฐและเอกชน ตอนแรกเพื่อนผมก็เบื่อๆเพื่อนๆเขาตั้งบริษัทกันหลายคนแล้วตัวเองเก่งจบเกียรตินิยมแต่ยังเป็นพนักงาน ปรากฎว่าเขามีครอบครัวอยากได้บ้านไปซื้อบ้านเดี่ยวสามล้านกว่า พอสามปีเจ้านายให้ยืมเงินปิดบ้านแต่เงินที่ให้ยืมไม่มีการเอาคืน พอเพื่อนมีลูกอยากซื้อรถครอบครัว ตอนแรกใช้กระบะสี่ประตูซื้อเอง พอเจ้านายได้ยินเจ้านายบอกไปเลือกเลยในราคาไม่เกินสองล้าน ก็ได้ มิตซูบิชิปาเจโรมาหนึ่งคัน และไม่นานก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรการผู้จัดการ และได้หุ้นไปส่วนหนึ่งพร้อมกับรถยุโรปมาอีกหนึ่งคัน นี่เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งคนที่เลือกงานดูเหมือนว่าจะไม่รุ่งแต่เขาก้คว้าเงินล้านได้อย่างไม่ยากเย็น
3.ต้องมั่นและมุ่งมั่น จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเองไม่ได้เรียนมัธยมตามหลักสูตรปกติ ม.1 ,ม2,ม3 เพราะสมัยก่อนที่บ้านผมยากจนผมต้องทำงานเป็นกรรมกรอยู่หลายปีตอนจบประถม สุดท้ายผมเห็นเขาติดป้ายเรียนลัด ป6,ม3 ,ม6 หกเดือน-หนึ่งปีจบ ผมก้ได้ไปสมัครก็ได้เรียนแต่สุดท้ายตอนไปลงทะเบียนสอบพึ่งรู้ว่ามันคือ กศน. และก็จบภายในหกเดือน จนไปสอบเป็นเด็กช่างเรียนจนจบ และสอบติด วิศวะ จนจบออกไปทำงาน
ผมสมัครงานหลายที่แต่มีที่แรกที่เรียกไปสัมภาษน์ทำงานเป็นงานเฉพาะทาง เงินเดือนตอนนั้น12,000 ตำแหน่งวิศวกร ปกติที่อื่นเข้าให้18,000 กันแล้ว แต่ด้วยที่ผมไม่มีเงินแล้วถ้ารอทำที่อื่นก็ไม่รู้เมื่อไหร่ อีกอย่างสถาบันที่เราจบก็ไม่ได้เด่นดังอะไร ผมตงลงทำที่นี่หลายปี เงินเดือนก็ปรัยปีละ 5-10% ด้วยที่ผมทำงานเสร็จเร็วและทำงานจบทำให้ลูกค้าชอบเรียกใช้บริการ ยิ่งทำงานเสร็จเร็วลูกค้าก็จะติดเรา เวลาวันหยุดเราลูกค้าเรียกไปก็ต้องไปแบบนี้ตลอด แต่ทางบริษัทก็ไม่ได้ให้โอทีเพิ่มแต่อย่างไร แม้ตีหนึ่งตีสองลูกค้าอยู่ทำโอทีอยู่กะ ผมก็ต้องไปทำงานให้ลูกค้าถ้าเขาเดินเครื่องไม่ได้ มีครั้งหนึ่งนั่งกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อนถึงเที่ยงคืนลูกค้าเรียกผมก็รีบขับรถไปทันที ผมทำแบบนี้ห้าปี เงินเดือนผมขึ้นเป็นหมื่นแปด
มีบริษัมคู่แข่งเรียกผมไปสัมภาษน์ทั้งที่ผมไม่ได้ยื่นใบสมัครผมเรียกเงินเดือนที่ใหม่ไปสามหมื่นห้าเขาตกลงผมจึงกลับมาเคลียร์งานที่ทำงานเก่าสองเดือน แต่วันหนึ่งข่าวก็รั่วไปถึงเจ้านายเขาก็ได้เรียกผมไปคุยบอกว่าให้อยู่ช่วยเขาที่นี่เขาจะหารายได้ให้เท่าที่ใหม่ แต่คงไม่ใช่เป็นการปรับเงินเดือนแต่จะได้จากค่าคอมมิชชั่นจากการทำงาน แต่สรุปว่าถึงปลายเดือนค่าคอมก็ออกบ้างไม่ออกบ้าง ผมคิดในใจก็เริ่มเบื่ออีกเช่นเดิม หนี้บัตรเครดิตก็ไม่พอจ่ายเดือนชนเดือนติดลบบ้างไหนจะค่าน้ำมันไปหาลูกค้าที่ต้องควักเองในส่วนต่างเพราะผมไปหาลูกค้าเยอะกว่าพนักงานทุกคน ผมจึงตั้งปณิธานถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไปผมตายแน่ในเมื่อเงินก็ไม่ได้งั้นผมจะอยู่ต่อแต่ผมจะกอบโกยความรู้ให้มากที่สุดจากที่นี่แทน ผมจึงพยามเรียนรู้เพิ่มเติมอะไรที่สิ่งไหนที่ผมสงสัยผมจะค้นคว้ามาให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งอีกสองปีถึงปีที่7 เงินเดือนผมขึ้นเป็นสองหมื่นต้นๆ แต่ค่าคอมก็ยังมีปัญหาเดิมๆ บางเดือนก็สามเดือนสี่เดือน จึงจะออกให้ แต่ผมยังทำงานให้องค์กรหนักเหมือนเดิมเป็นเหตุทำให้ผมมาสายบ้างเพราะกลับจากลูกค้าดึกบางวันก็ตีสาม คนในออฟิศก็เริ่มจ้องจะจับผิดหาว่าเรามีสิทธิพิเศษมาสายได้ พนักงานใหม่ที่เจ้านายรับมาจะให้เป็นหัวหน้าก็มาใส่ไฟเพราะเวลาเขาไปหาลูกค้าแล้วทำงานไม่ดีแล้วก็ถูกลูกค้าตะเพิดออกมาแล้วหาว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้ลูกค้าไม่ชอบเขา มาฟ้องเจ้านายจนผมถูกเรียกเขาไปตำหนิหลายเรื่องเช่นเรื่องมาสาย เรื่องแต่งการที่ผมใส่เสื้อโปโลมีโลโก้อื่นๆ เรื่องช่วยเหลือลูกค้าจนลูกค้าได้ประโยชน์ไม่มียอดซื้อเข้ามา สุดท้ายผมตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้ง ผมขอลาออกเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นภาระสำหรับบริษัทและไม่เป็นการเอาเปรียบบริษัท
ยาวมาก ผมพยามจะเล่าว่าแล้วจะมีวิธีหาเงินล้านได้ยังงัย ผมจะมาเขียนต่อครับกลับบ้านไปหาลูกหาเมียก่อน!!!!!!!!!!