ถ้าพ่อแม่เด็กตาย ใครจะได้เป็นผู้ปกครองเด็กที่ถูกต้องตามกฏหมาย ระหว่างพี่สาวต่างแม่และย่าที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ

     ดิฉันรับน้องชายวัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นลูกน้าชายมาอุปการะได้ 1 ปีแล้วค่ะ โดยขอมาจากย่าของเขา ซึ่งเป็นคุณยายของดิฉัน   ดิฉันเลี้ยงดูให้ความรักเอาใจใส่เสมือนลูก ส่งเสียให้เรียนหนังสือ ให้การอบรมสั่งสอน พาไปเที่ยว ให้กินดีอยู่ดีทุกประการแบบไม่ขาดตกบกพร่อง   จากเด็กผอมๆตัวดำๆสกปรกมอมแมมก็ดูสะอาดสะอ้านอ้วนท้วนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

     ก่อนอื่นก็ต้องขอเกริ่นยาวถึงน้าชายซึ่งเป็นพ่อของเด็กอย่างยาวก่อนเลยนะคะ ว่าน้าชายคนนี้สมัยยังหนุ่มแน่นไม่เคยออมเงิน ไม่สร้างฐานะ ไม่พัฒนาชีวิตตนเอง ไม่กระตือรือร้นขวนขวายทำมาหากินเท่าไหร่ หาแต่คู่ครอง ภรรยาสาม ลูกสี่ ลูกกับภรรยาคนแรกมีสองคน เป็นลูกชายและลูกสาว   พอเลิกกันก็แบ่งลูกกันคนละคน น้าสะใภ้ได้ลูกชายไป ส่วนน้าชายได้ลูกสาวมา ได้มาก็ไม่ได้เลี้ยง ส่งมาให้แม่ของดิฉันเลี้ยง เงินทองไม่เคยส่งเสียแม้แต่ค่าเล่าเรียน แล้วตัวเองก็ไปแต่งงานใหม่ มีลูกชายใหม่อีก1 ส่วนแม่ดิฉันก็เลี้ยงลูกสาวที่เกิดกับเมียเก่าให้จนจบมัธยมปลาย น้าสาวดิฉันก็มารับช่วงไปดูแลต่อ แต่กระนั้นก็ยังต้องมาให้แม่ดิฉันค้ำประกันเงินกู้ กยศ ให้ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย

     ในช่วงนี้น้าชายก็มีลูกหลงมาเพิ่มอีก 1 แต่พอคลอดมาได้เดือนนึงแม่เด็กก็เสียชีวิตไป น้าชายจึงหันเหชีวิตกลับไปอยู่บ้านกับคุณยายดิฉันที่สุพรรณ ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่ค่อยสุขสบายเท่าใดนักซึ่งมันก็เป็นผลที่เกิดจากการกระทำของเขาเองอีกนั่นแหละ แม่ดิฉันเห็นน้องชายลำบากก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือโอบอุ้มในบางครั้ง ทั้งๆที่ตัวเองก็มีลูกที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยถึงสามคนด้วยกัน แต่ว่าน้องๆดิฉันก็ไม่ได้รบกวนแม่เท่าไหร่ เพราะสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่างประเทศถึงสองคน ส่วนคนรองก็ทำงานไปเรียนไปจนจบและได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตัวดิฉันก็ทำงานหาเงินเลี้ยงดูส่งเสียตัวเองไม่เคยให้แม่ต้องเดือดร้อนมาตั้งแต่ยังเด็ก แม่จึงไม่ต้องลำบากเพราะลูกตัวเองเท่าใดนัก พวกเราซึ่งเป็นลูกของแม่รับรู้ปัญหาของน้าชายมาโดยตลอดที่นำแต่เรื่องลำบากใจมาให้แม่ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  มีความหวังแค่ว่าหากลูกสาวของน้าชายเรียนจบมาจะกลับมาทำให้ชีวิตของพ่อและน้องของเขาดีขึ้น พวกเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลเพราะห่วงแม่อีก แต่สุดท้ายความหวังก็พังทลาย เพราะพอเรียนจบมาลูกสาวน้าชายก็รีบแต่งงานมีครอบครัวมีลูกทันที ตอนนั้นน้าชายก็เพิ่งตรวจพบว่าตัวเองนั้นเป็นมะเร็งตับ ก็เจ็บออดๆแอดๆเรื่อยมา ซึ่งแน่นอนแล้วว่าคงไม่พ้นที่ครอบครัวของเราจะต้องคอยช่วยเหลือเช่นเดิม ส่วนตัวลูกสาวน้าชายนานๆจะกลับไปดูพ่อสักครั้ง ไม่มีเงินเดือนให้พ่อเป็นประจำเพราะตัวเองไม่ได้ทำงาน สามีให้อยู่บ้านเลี้ยงลูก อาศัยเงินสามีกินไปวันๆหนึ่ง น้าชายกับลูกเล็กๆอีกสองจึงอยู่กันอย่างยากลำบาก เราก็มีครอบครัวของเราที่ต้องดูแลเหมือนกัน ก็ช่วยได้ในเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม

     ต่อมาน้าชายตัดสินใจไปบวชเป็นพระ ด้วยความเชื่อที่ว่าการบวชจะช่วยต่ออายุให้อยู่นานขึ้น ซึ่งน้าชายก็เอาลูกชายคนที่สามไปอยู่ด้วยกันที่วัด ส่วนลูกชายคนเล็กทิ้งไว้ให้ยายดิฉันดูแล ยายดิฉันก็แก่มากแล้ว อายุเจ็ดสิบกว่าๆ เคยขอให้มาอยู่ด้วยกันก็ไม่มา เพราะแกห่วงหลานชายซึ่งเป็นลูกของน้าชายอีกคน แกรักหลานแกคนนั้นมาก เพราะคนสมัยก่อนรักลูกชายหลานชายมากกว่าลูกสาวหลานสาว ห่วงกลัวว่าจะไม่มีใครทำกับข้าวและซักผ้าล้างจานให้หลาน เพราะหลานต้องไปทำงาน เราก็พูดไม่ออก จึงต้องปล่อยให้เป็นเช่นนั้น คิดว่ากรรมใครกรรมมันก็แล้วกัน ยายเลยต้องเลี้ยงหลานชายสองคนไปตามมีตามเกิด ดิฉันจะไม่พยายามเข้าไปยุ่งมาก เพราะยิ่งยุ่งก็กลัวว่ามันจะยิ่งกลายเป็นบ่วงผูกมัดตัวเอง โตๆกันแล้วก็ต้องรู้จักรับผิดชอบชีวิตตัวเองกันบ้างในบางเรื่อง อะไรที่ช่วยได้เราก็ช่วยตามสมควร เวลาผ่านไปสามปีลูกสาวน้าชายไม่เคยส่งเสียพ่อและน้องชายที่อยู่กับยายเลย เสื้อผ้านักเรียนใหม่ หรือเครื่องเขียนสักชุดก็ไม่เคยซื้อให้น้อง ไม่ค่อยกลับไปเยี่ยมพ่อทั้งๆที่พ่อป่วย เวลาที่พ่อไม่สบายนอนโรงพยาบาลก็อ้างว่าต้องเลี้ยงลูก ลูกยังเล็กมาดูแลพ่อไม่ได้ ขอให้แม่ดิฉันดูแลแทนไปก่อน ดิฉันต้องจำใจให้แม่ที่อายุมากแล้วและมีโรคประจำตัวไปนอนเฝ้าพระน้องชาย ลูกของแม่ไม่พอใจเท่าใดนักหรอกที่ลูกสาวน้าชายทำแบบนั้น แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแม่ก็ห่วงน้องชายตัวเอง ดิฉันคิดว่าพอลูกคนโตของลูกสาวน้าชายเข้าโรงเรียน เขาคงจะมีเวลามาดูแลพ่อเค้าเวลาเจ็บป่วยได้ แต่ก็ต้องผิดหวังอีกเพราะเขากลับมีลูกใหม่เพิ่มอีกหนึ่งคน เวลานั้นดิฉันรู้แล้วว่าครอบครัวของพวกเราจะต้องแบกรับกรรมของคนอื่นไปอีกนาน ลูกสาวน้าชายรักครอบครัวตัวเองมาก พยายามสร้างครอบครัวอบอุ่นในฝัน เขาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อครอบครัวตัวเองที่ประกอบไปด้วยสามี เขา และลูกอีกสอง แต่อีกด้านคือน้องชายและพ่อกลับถูกปล่อยปละละเลยและโยนหน้าที่ลูกกับพี่ที่ดีทิ้งไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เขาก็ไม่ได้ลำบาก อันที่จริงเขาน่าจะแบ่งปันมาจุนเจือครอบครัวเขาบ้างแต่เขาก็ไม่ทำ

     พระน้าชายเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งหนึ่งปีที่แล้วพระน้าชายอาการทรุดหนัก แม่และดิฉันต้องเป็นธุระไปรับตัวจากวัดที่สุพรรณมารักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เนื่องจากว่าสะดวกแก่การเดินทางไปเฝ้า แจ้งข่าวไปยังลูกสาวพระน้าชายแล้วก็มาอยู่เฝ้าพ่อไม่ได้เช่นเคย ก็ยังดีที่ครั้งนี้ส่งเงินมาช่วยบ้าง แต่ก็เล็กน้อยและไม่เพียงพอ ภาระจึงตกอยู่ที่แม่ดิฉันเหมือนเดิม ดิฉันเห็นแม่เหนื่อย เห็นแม่ตัวเองต้องปันเงินเดือนที่ลูกๆให้ไปช่วยคนอื่นมันก็อึดอัดใจเหมือนกัน ลูกสาวเขาน่าจะทำหน้าที่ลูกได้ดีกว่านี้หากมีความพยายามที่จะทำ ครั้งนั้นที่แม่รับหลวงน้ามาก็พอดีตรงกับช่วงปิดเทอม แม่เลยเอาลูกชายคนเล็กของหลวงน้าที่อยู่กับยายมาเที่ยวที่บ้านด้วย ดิฉันจึงได้มีโอกาสใกล้ชิดและสังเกตเห็นอะไรบางอย่างซึ่งเกี่ยวกับเด็กได้อย่างชัดเจน   เด็กชายดูตัวเล็กแคระแกรนกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ผิวคล้ำดำกร้านเนื้อตัวเหม็นสาปและสกปรก เล็บมือเล็บเท้ายาวดำ เสื้อผ้าดำเก่าขาดและสกปรกทุกชุด กระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้ามาเป็นกระเป๋านักเรียนก็เก่าและขาดเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือเด็กขาดทั้งทักษะชีวิต และทักษะด้านการศึกษา เด็กอ่านหนังสือไม่ออก บวกลบคูณหารเลขไม่ได้เลยสักตัว ทั้งๆที่เด็กอายุย่างเข้า 10 ขวบ และอยู่ป.4 แล้ว ทุกอย่างที่เห็นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเด็กขาดการดูแลเอาใจใส่ในมาตรฐานการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง ซึ่งพอนึกถึงพี่สาวต่างแม่ของเขาที่เลี้ยงลูกตัวเองเหมือนลูกเทวดาแล้วดิฉันก็ยิ่งสงสารเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็เลยตัดสินใจขอเด็กจากยายและพ่อของเขามาเลี้ยงเป็นลูกทั้งๆที่ตัวเองก็มีลูกสาวอายุ 12 ขวบอยู่แล้ว 1 คน ดิฉันเลี้ยงเค้าเหมือนลูก รักเหมือนลูก อบรมสั่งสอนเหมือนลูก ให้กินดีอยู่ดี เทียบเท่าลูกดิฉันเองจนทุกวันนี้เขามีพัฒนาการทุกอย่างดีขึ้น ทั้งด้านทักษะชีวิต ด้านการศึกษา ด้านคุณธรรมจริยะธรรม และด้านชีวิตความเป็นอยู่ หนึ่งปีที่ผ่านมาเด็กน้ำหนักขึ้นมา 6 กิโลกรัม มีผิวพรรณสะอาดผุดผ่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนเมื่อเดือนที่แล้วพ่อของเด็กได้เสียชีวิตลง ดิฉันก็ตั้งใจว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เด็กเองต่อไป ขอเพียงแต่เด็กเคารพและเชื่อฟังดิฉันก็เพียงพอ แต่ว่าจู่ๆวันหนึ่งพี่สาวต่างแม่ก็มาถือวิสาสะสั่งให้น้องชายเก็บเสื้อผ้า และตอนแรกบอกดิฉันว่าจะพาเด็กไปเที่ยวบ้านตัวเองประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ดิฉันไม่ยอมให้ไป เพราะดิฉันคิดว่าเด็กคือลูกของดิฉันแล้ว ดิฉันเลี้ยงดูมาเป็นปีโดยที่ตัวพี่สาวไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือ แล้วจะมาเอาลูกของดิฉันไปได้อย่างไร พี่สาวจึงอ้างสิทธิ์ความเป็นพี่ของเขา ว่าถ้าเขาจะเอาน้องไปเลี้ยงจริงๆดิฉันก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะเขาคือพี่แท้ๆ แต่เขาไม่เอาไป เขาแค่พาไปทำธุระและจะพาไปเที่ยว พอสะดวกจึงจะส่งกลับ ซึ่งถ้าจะพาไปทำธุระ 2-3 วันดิฉันก็ไม่กีดกัน แต่หากจะเอาไปนานดิฉันก็คงยอมไม่ได้ เพราะดิฉันก็วางแผนไว้แล้วว่าช่วงปิดเทอมจะพาเด็กๆไปสานสัมพันธ์ครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันเช่นกัน และหากจะว่าไปแล้วเมื่อเทียบกัน ดิฉันก็มีกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงเด็กได้มากกว่า เพราะดิฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร และดิฉันมีลูกคนเดียว หาเงินเองได้ เป็นหัวหน้าครอบครัวเอง ไม่ต้องรอคอยเศษเงินเหลือๆของสามีเหมือนลูกสาวน้าชาย ขนาดเงินกู้กยศตัวเขาเองเขายังไม่ยอมชำระหนี้คืนจนต้องปล่อยให้ขึ้นศาล นี่ศาลตัดสินมาสองเดือนแล้วให้จ่ายเดือนละ 2,200 บาทก็ยังไม่ได้จ่ายเลยสักเดือน สามีเขาก็บอกเขาว่าจะไม่จ่ายให้เพราะเป็นหนี้ก่อนสมรส แล้วแบบนี้เนี่ยนะจะมาเอาน้องไป

     ดังนั้นสิ่งที่ดิฉันต้องการจะถามก็คือ ในกรณีนี้ที่พ่อแม่เด็กเสียชีวิตแล้ว ระหว่างย่าที่เคยเลี้ยงดูเด็กมากับพี่สาวต่างแม่ที่ไม่เคยหยิบยื่นความช่วยเหลือใดๆให้เด็กเลย ใครจะมีสิทธิ์ตามกฏหมายในการเป็นผู้ปกครองของเด็กมากกว่ากัน เพราะถ้าหากสิทธิ์เป็นของย่าเด็ก ดิฉันก็จะได้ให้ย่าเด็กซึ่งเป็นยายดิฉันเซ็นมอบหมายอำนาจการดูแลให้ดิฉันเป็นผู้ปกครองเด็กอย่างถูกต้องตามกฏหมายต่อไป เพราะดิฉันก็กลัวเหมือนกันว่าถ้าเลี้ยงเด็กไปจนโตแล้วในอนาคตเกิดพี่สาวของเขามาทวงสิทธิ์ความเป็นพี่ขึ้นมา ดิฉันก็จะมีค่าเป็นแค่เพียงอีกาที่คอยฟักไข่ให้นกกาเหว่า  
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่