[AIESEC]แชร์ประสบการณ์เป็นอาสาสมัคร 6 สัปดาห์ ที่โปแลนด์ 2016

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์
กับการเป็น อาสาสมัคร ที่โปแลนด์ 6 สัปดาห์
ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่ผ่านมา
4 กรกฎาคม - 12 สิงหาคม

เราสมัครโครงการ Jump Out ชมรม Aiesec ของ ม.เกษตรศาสตร์
ชมรม AIESEC มีแทบทุกมหาวิทยาลัยเลยนะคะ
ที่เรารู้คือ มีของ จุฬา ธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ ABAC มศว
ถึงอยู่ต่างมหาวิทยาลัยก็สามารถมาสมัครกับมหาวิทยาลัยอื่นที่มี ชมรม Aiesec ได้ค่ะ

ทุกคนอาจจะสงสัยว่า AIESEC คืออะไร
AIESEC คือ เป็นองค์กรนักศึกษานานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีเครือข่ายกว่า 124 ประเทศทั่วโลก มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของเยาวชนทั่วโลก
และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างประเทศ
และนำสันติภาพมาสู่โลก ผ่านการแลกเปลี่ยนจิตอาสานานาชาติในโครงการพัฒนาสังคม
และการฝึกงานในบริษัทจากประเทศในเครือข่าย
กิจกรรมที่หลักของ AIESEC มีดังนี้ค่ะ
1. ส่งนักศึกษาออกไปทำกิจกรรมจิตอาสาแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
2. ส่งนักศึกษาจบใหม่ไปฝึกงานต่างประเทศ
3. รับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาทำกิจกรรมจิตอาสาแลกเปลี่ยน
4. รับนักศึกษาจบใหม่จากต่างประเทศเข้ามาฝึกงานในไทย
(ข้อมูลจาก : https://www.glurr.com/topic/232 )

งานอาสาที่เราไปทำ คือ เป็น staff ให้กับ Summer camp ของเด็กๆที่โปแลนด์ค่ะ
งานอาสามีหลายแบบมากนะคะ อย่างเพื่อนที่เราเจอที่นั่น เค้ามาสอนภาษาสเปนค่ะ
เมืองที่เราไปอยู่ คือ เมือง Kielce เลือกเพราะ ตอนสัมภาษณ์ ถูกชะตากับคนสัมภาษณ์มาก
เมือง Kielce อยู่ห่างจาก กรุงวอซอ (เมืองหลวงของโปแลนด์) ประมาณ 3 ชม.


เราเดินทางไปล่วงหน้า เกือบ 2 อาทิตย์ เพราะเราไปเที่ยวเยอรมันก่อน
แต่เราถึงโปแลนด์วันที่ 28 มิถุนายน



บัดดี้เราก็บอกว่า ถ้าคุณมาถึงสนามบิน ให้นั่งรถไฟออกมา
แล้วจะมีคนมารอรับคุณ และ พาคุณไปส่งที่ท่ารถบัส
เราก็ อืมๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะผจญภัยอยู่เยอรมันมาแล้ว
แค่นี้ ชิวๆ แต่..... ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้น
สนามบินโปแลนด์เงียบมากกกก เราก็เดินหาทางขึ้นรถไฟ
แต่ก็พบเจอกับความ งง นิดๆ และสับสนว่า นั่งรถไฟฝั่งซ้ายหรือขวา


เรา งง อยู่นานมาก ถามคนแถวนั้น เค้าก็ไม่รู้เพราะเค้าบอก เค้าไม่ใช่คนโปแลนด์
เค้าเป็นนักท่องเที่ยว จนท.ก็หาย TT
แต่ยังโชคดีอยู่บ้าง ในที่สุดก็เจอชาวโปแลนด์ บอกว่า ให้ขึ้นฝั่งไหน
กว่าจะได้ขึ้นก็ทำให้เราเสียเวลาไป 30 นาที และที่เรารู้คือ
พลาด รถ บัส แน่ๆ !!


จนถึงสถานี เราก็มองซ้าย มองขวา ไหนหละ ... คนที่มารับ
และมีผู้หญิงคนนึงมาทักเรา ว่าใช่คุณ .... รึป่าว เราก็บอกว่าใช่
เค้าก็ทำท่าโล่งอก และ เค้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้
เพราะเค้ามารอเรานานมาก กลัวว่าเราจะเป็นอะไรไปรึป่าวระหว่างทาง
ผู้หญิงคนนี้ คือ แฟนของบัดดี้เราเอง เค้าก็โทรหาบัดดี้ว่าเจอเราแล้ว
และ เราตกรถบัส เค้าก็ถามเราว่า จะเอายังไงดี
ซื้อตั๋วใหม่มั้ย หรือ จะไปรถไฟ (แต่เค้าไม่แนะนำ) หรือทางเลือกสุดท้าย
นอนกับแฟนบัดดี้ก่อนที่อพาร์ตเม้นท์ของเธอ
และเราก็เลือก........ ข้อสุดท้ายยย

ครั้งแรก กับการนอนกับคนแปลกหน้า
แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เธอใจดีและเป็นมิตรมาก
ระหว่างทางเธอก็ชวนคุย เรื่องนู้น เรื่องนี้


นี่คืออาหารมื้อแรกที่โปแลนด์
Pierogi with cheese แฟนของบัดดี้ทำให้กิน


รู้สึกเกรงใจและขอบคุณแฟนของบัดดี้มาก
สำหรับที่พักและอาหาร

พอตอนเช้า เธอก็มาส่งเราที่ท่ารถ พร้อมกระดาษแผ่นนี้
เธอบอกไม่ต้องเป็นกังวลนะ เอาแผ่นนี้ให้คนขับดู
เดี๋ยวเค้าก็รู้เอง พอถึงที่ Kielce บัดดี้ก็จะมารอรับ


นั่งรถประมาณ 3 ชม. แต่ดี บนรถบัสมี free wifi
ด้วยความที่คิดมาตลอดว่า รถบัสต้องจอดที่ท่ารถ เหมือน บขส. บ้านเรา
แต่... มันไม่เป็นแบบนั้น รถบัสมาจอดที่ริมฟุตบาส ที่ป้ายรถเมล์
ก็คิดว่า คงยังไม่ถึงหรอก แต่ว่าทุกคนบนรถก็ลงไปแล้ว
เราเลยนั่งรอรถออกแบบชิวๆ และนั่งกดมือถืออย่างสบายใจต่อไป 5555
จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึง ขึ้นมาบนรถ และมานั่งข้างๆเราและจ้องหน้าเรา - -
พร้อมพูดว่า จะนั่งอยู่ตรงไหนอีกนานมั้ย__
แล้วเค้าก็สะพายกระเป๋าเราลงไป เพื่อไปเอากระเป๋าเดินทางที่อยู่ใต้ท้องรถ
ตอนนั้นก็ งงๆ และ ตกใจมาก เราเลยรีบเดินตามลงไป
และถามว่า คุณคือบัดดี้ฉันรึป่าว เค้าก็บอกว่า ใช่

บัดดี้ก็พาเราขึ้นรถเมล์ ไปที่มหาวิทยาลัย
ตอนนั้นก็ อึนๆ เพิ่งมาเจออะไรใหม่ๆที่โปแลนด์
และ บัดดี้ก็มาส่งที่หอพัก mimoza
ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสกปรกมาก T^T
เนื่องจากเรามาถึงคนแรก เราเลยต้องนอนคนเดียว
ห้องของเราอยู่ใกล้ห้องน้ำพอดี


ห้องนี้เหมือนจะดีนะ แต่ป่าว ข้างห้องชอบปาร์ตี้กันเสียงดังมาก
ยิ่งช่วงนั้น เป็นช่วงฟุตบอลยูโร แต่ก็นอนหลับเพราะเหนื่อย
บางวัน ข้างห้องก็จะจัดปาร์ตี้แบบวิ่งไปมาทั้งชั้น
มาเคาะประตูห้องและขอ เซลฟี่ ด้วย - -

เราสนิทกับบัดดี้มากๆ เพราะเรามาถึงคนแรก ยังไม่มีเพื่อน
และบัดดี้ก็กลัวเราจะเหงา ก็พาไปซื้อซิมส์โทรศัพท์
พาไปนั่งคุยกับคนในชมรม บางวันก็พาออกไปเดินเล่นแถวๆรอบเมือง


พอใกล้จะถึงวันทำโปรเจค เพื่อนๆก็เริ่มทยอยมากันแล้ว
มากันหลายประเทศมาก เช่น ฮ่องกง, สเปน, ปากีสถาน, ธิเบต, ยูเครน, มาเลเซีย, โมรอคโค, อังกฤษ, บราซิล
ตอนนั้นที่รู้คือ มีเราเป็นคนไทยแค่คนเดียว
(จริงๆมารู้ทีหลังว่ามีคนไทยเหมือนกัน ไม่เคยเจอกันเลย คลาดกันตลอด)
ก็มีไปทานข้าวด้วยกัน โยนโบว์ลิ่งด้วยกัน ไปเดินเล่นรอบเมืองด้วยกัน
เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และรู้จักกันมากขึ้น
และเราก็ได้พาร์ทเนอร์ ที่จะได้ทำโปรเจคคู่กับเรา เราได้ชาวฮ่องกง ปากีสถาน และ โมรอคโค
เพื่อนชาวฮ่องกงของเราชื่อ เอมิลี่ เพื่อนชาวปากีสถานชื่อ อลิ ส่วนเพื่อนชาวโมรอคโคชื่อ ออตแมน

นี่คือสถานที่ ที่เราต้องทำโปรเจคแรก ระยะเวลา 2 สัปดาห์
เป็นโรงเรียนเล็กๆในชุมชน ที่มีเด็กเล็กจนถึงเด็กโต ไม่เกิน 15 ปี


ทางโรงเรียน มีข้าวฟรี 2 มื้อ และ ให้งบวันละ 100 zl (1000 บาทไทย) สำหรับซื้อของทำอาหารเย็น
ส่วนที่นอน เรากับเอมิลี่ ต้องนอนในห้องเรียน เป็นการมาทำอาสาที่อาสาจริงๆ
เพราะเรานอนเบาะที่เอาไว้สำหรับเล่นกีฬาของเด็ก ส่วนหมอนเราก็เอากางเกงมาม้วนๆแล้วหนุน
ผ้าห่มคือผ้าเช็ดตัวและเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ เรากับเอมิลี นอนกันแบบนี้ 2 สัปดาห์
ส่วนอลิและออตแมน ก็คงจะเหมือนกัน แต่นอนอีกห้องนึง เพราะเป็นผู้ชาย
นี่คือห้องเรียน ... ที่ใช้สอน และ เป็นห้องนอนของพวกเราด้วย


มีห้องอาบน้ำแค่ห้องเดียว ซึ่งอยู่ชั้นล่าง
ตอนอยู่ไทยเราอาบวันละ 2 ครั้ง แต่อยู่ที่นี่ เราอาบวันละครั้งพอ T^T
พวกเราต้องลงมาทานข้าวเช้า 9.30 น. และ ข้าวเที่ยง 13.00 ทุกวัน
โดยจะมีแม่ครัวเตรียมไว้ให้ อาหารที่โปแลนด์ส่วนมากจะเป็นซุป มีมันฝรั่ง
เราจะทานซุปก่อนทานข้าวเสมอ เราใช้ส้อมในการตักข้าว
นี่คืออาหารที่ได้กินในแต่ละมื้อ แต่ถ่ายรูปมาไม่ครบ


ในแต่ละวันเราก็ต้องเล่นกับเด็กๆ สอนภาษาบ้าง และเผยแพร่วัฒนธรรมของเราให้แก่เด็กๆด้วย
ตอนอยู่ไทยเราไม่เคยเล่นฟุตบอลเลย แต่อยู่ที่นี่ ต้องเล่นกับเด็กๆทุกวัน


เด็กๆจะเลิกประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง ช่วงเวลาที่เหลือเป็นของเรา
ก็คือพักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนเย็นๆพวกเราก็จะออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารกัน
ทีแรกเราคิดว่า เป็นซุปเปอร์มาเกตแน่ๆ แต่ป่าวเลย มันคือร้านขายของชำ
และความสนุกมันอยู่ตรงที่ สองสามีภรรยาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ซึ่งพวกเราก็ต้องใช้ภาษามือและทำท่าทางประกอบ
สัญญาณก็ไม่ค่อยดี เลยไม่ค่อยได้ใช้ กูเกิ้ลแปลให้
ระหว่างทาง ก็จะโดนหมาเห่า เพราะทุกบ้านเลี้ยงหมากันหมด
สองข้างทาง จะเป็นทุ่งหญ้าบ้าง ข้าวสาลีบ้าง


คนที่ทำอาหารส่วนมากจะเป็นผู้ชาย นั่นคือ อลิและออตแมน
ส่วนเรากับเอมิลี เป็นคนล้างจาน
เราอยู่ร่วมกับเพื่อนมุสลิม เค้าไม่ทานหมู และ ไม่ทานไก่
อาหารส่วนมากจะเป็นปลา และ เราก็ทานปลาแทบทุกวัน
แต่ก็มีบางวัน เราทำอาหารไทยให้เค้าทานบ้าง
อลิ เคยมาไทย 3 ครั้งแล้ว และ บอกว่าอาหารไทยอร่อย


พวกเราได้รู้จักกับคุณครูของโรงเรียน ชื่อ นิก้า
นิก้า มีลูกสาวคนเดียว ชื่อ มายา นิก้าชอบพาพวกเรา 4 คนไปเล่นที่บ้านของเธอ
บางวันก็จัดปาร์ตี้ ดูฟุตบอลยูโรด้วยกัน บางวันหลังสอนเสร็จเธอก็ขับรถพาพวกเราไปเที่ยวแถวๆหมู่บ้าน
เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขมากๆ

ในวันสุดท้ายของการทำโปรเจค พวกเรารู้สึกผูกพันกับเด็กๆและคุณครูมากๆ
เด็กๆก็ทำการ์ดมาให้ มาขอ FB และ SnapChat บ้าง บางคนก็มาขอเซลฟี่ด้วย ^^
อันนี้เป็นรูปภาพการ์ดบางส่วนของเด็กๆ

เด็กบางคนก็เอาขนมมาให้เรา


________________________________________________________________________________________

แต่ระหว่างทำโปรเจค ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทางชมรม Aiesec
ก็จะนัดทุกคนไปเที่ยวที่ Krakow ตอนแรกที่ได้ยินชื่อก็ดีใจ
เพราะเราอยากไปค่าย Auschwitz มาก เป็นความฝันเราเลย
เหตุผลนึงที่เลือกมาโปแลนด์ ก็เพราะค่าย Auschwitz นี่แหละ
การไปเที่ยวครั้งนี้ เราเจอเพื่อนเพิ่มอีกสี่ประเทศ
ทั้ง โรมาเนีย, จอร์เจีย, ฟิลิปปินส์, เม็กซิโก
สนุกกันมาก เพราะไปเที่ยวกันเอง


พอจบโปรเจคแรก เรา ก็ไปเที่ยวกรุงวอซอกันต่อ เป็นเมืองหลวง
ที่สวยงามและเงียบสงบ มีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้าน


_________________________________________________________________________________________


มีต่อ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่