[CR] ซานตาบาร์บาร่า "The American Reviera"

อีกหน่อยคงต้องเปิดบริษัททัวร์ที่อเมริกาซะละมั้ง เพราะการเที่ยวครั้งนี้ ที่ Santa Barbara นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วและเชื่อว่าคงจะมีอีกเป็นครั้งที่ 5 และ 6 อีกเป็นแน่  ทำทัวร์ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยดีกว่ามั้ยเนี่ย !!!  Santa Barbara เป็นเมืองชายทะเลที่อยู่ระหว่างเทือกเขา Santa Ynez และมหาสมุทรแปซิฟิค รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้รับขนานนามว่า American Riviera คือเเป็นเมืองที่สภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือเป็นกึ่งร้อนแบบอบอุ่น อากาศเลยดี้ดีตลอดทั้งปี ด้วยสถานที่ตั้งที่มีทั้งทะเล ชายหาดยาวที่ขาวสะอาด และแวดล้อมไปด้วยภูเขา จึงเป็นกลายแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของรัฐนี้ไปโดยปริยาย



แต่ถึงจะเป็นครั้งที่ 4 แต่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแอบซ่อนให้เราไปค้นพบอีกจนได้ ระหว่างทางที่จะไปหาอร่อยๆ กินนั้นก็บังเอิญเจอ สะพานโค้งที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตาตัดพาดผ่านระหว่างเขาดูเก่าแก่และโบราณจนต้องจอดแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Cold Spring Canyon Arch Bridge เป็นสะพานเหล็กทรงโค้งที่ยาวที่สุดในอเมริกา และเป็นสัญลักษณ์ของทางหลวง 154 ที่ออกแบบให้คล้ายเป็นซุ้มประตูเพื่อเป็นทางเชื่อมระหว่างเทือกเขา Santa Ynez สู่เมือง Santa Barbara



ชื่นชมกับสะพานอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว ก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ กันต่อว่าจะหลงกันหรือป่าว ก็ค่อยๆ ขับตาม Google Map ที่ดูเหมือนจะลึกลงเขาไปเรื่อยๆ บ้านช่อง ก็ไม่มีให้เห็นซักหลัง ก็ได้แต่บ่นกันในหมู่พวกเราว่า "ร้านบ้าอะไรจะซ่อนตัวอยู่ในที่เปลี่ยวและลึกแบบนี้" และก็ต้องหุบปากทันที เมื่อเจอบ้านไม้คล้ายกระท่อมโบราณเหมือนในหนังฝรั่งย้อนยุคกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีตั้งเด่นขวางอยู่เบื้องหน้า ไชโย !!!! ไม่หลงแล้ว



จากข้อมูลที่ได้จากอากู๋ อ่านแบบแปลออกมั่งไม่ออกมั่ง มั่วเอาแบบพอได้ใจความว่า ร้านนี้ในอดีตเป็นเหมือนโรงเตี้ยมเล็กๆเพียงแห่งเดียวสำหรับนักเดินทางและขบวนรถม้าที่ต้องผ่านเทือกเขาแห่งซึ่งเป็นพื้นที่ที่อันตรายและโจรชุกชุม จนปัจจุบันผู้สืบทอดได้เปิดเป็นร้านอาหารที่คงความดั้งเดิมไว้แทบทุกกระเบียดนิ้ว พอเข้าไปในตัวบ้านจึงรู้สึกเหมือนภาพหนังฝรั่งในทีวีสีขาวดำมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างมันดูเก่า โบราณ แต่มีเสน่ห์ เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนยุคกลับไปอยู่บ้านฝรั่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนยังไงอย่างงั้นเลย ไม่ได้เว่อร์นะจ๊ะแต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ



ดังนั้น Cold spring lavern จึงเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงจนมีทีวีหลายช่องมาถ่ายทำรายการรวมถึงดาราชื่อดังหลายคนก็แวะเวียนมาที่ร้านนี้เช่นกัน สรุปบรรยากาศดี อาหารอร่อย พนักงานก็เป็นกันเองเหมือนไปกินข้าวบ้านเพื่อน 5 ดาวไปเลยละกันจ้า



อิ่มท้องแล้วก็เดินทางต่อจุดหมายถัดไปคือไปขึ้นศาล ไม่ได้ไปมีเรื่องราวกะใคร แต่ที่ศาลแห่งนี้มีเรื่องราวที่เข้าชมฟรีแบบไม่เสียเงิน ดีจังตังค์อยู่ครบ “Santa Barbara Courthouse” เป็นอีกหนึ่ง Landmark ของเมืองนี้ที่ต้องมา ด้วยสถาปัตยกรรมแบบสเปนที่สวยงามของอาคารหลังนี้ที่เป็นจุดเด่น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม



ภายในอาคารก็จะมีห้องว่าความต่างๆ ซึ่งบางห้องก็จะเปิดให้เข้าชมและถ่ายรูปได้ แต่งดใช้แฟลช  หรือจะขึ้นลิฟต์ไปบนยอดหอนาฬิกา ชมวิวทั้ง 4 ทิศของเมืองนี้ได้แบบสุดลูกหูลูกตาอีกด้วยเช่นกัน



ส่วนทะเลที่นี่อากาศก็กำลังสบายๆ จึงมีผู้คนออกมาทำกิจกรรมริมหาดกันมากมาย บางคนก็มาขี่จักรยาน เล่นบอล อาบแดด  และชายหาดของที่นี่ถือว่าขาวสะอาดและสวยงาม แต่ถึงยังไงก็ยังสวยสู้ทะเลภาคใต้อย่างสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ บ้านเราไม่ได้อยู่ดี



และก็ช้อปปิ้งด้วยสายตาแบบต้องอดใจไว้ให้ได้ ที่ State Street กันต่อ ถนนสายนี้จะเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งของแบรนด์เนมและห้างชื่อดัง ใครที่เป็นขาช้อปพลาดไม่ได้จ้า ส่วนพวกเรามาเดินเล่นชิวๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูปเล่น แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตดี้ดี มีสีสันไปอีกวันละ



อาคารบ้านเรือนที่นี่ก็อาจจะดูแปลกไปกว่าที่อื่น ๆ เพราะเขาเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Spanish Colonial Style ออกแนวสเปนที่ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ส่วนวันที่พวกเรามาเที่ยวนี่ ยังมีไฟป่าลุกลามอยู่หลายพื้นที่ทำให้เมืองอาจจะดูเงียบเหงาไปซักนิด ท้องฟ้าสีสันเปลี่ยนไปดูหงอยเหงา สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งต้องปิดเพราะผลกระทบจากไฟป่า แต่ถึงอย่างไรโลกภายนอกก็ยังมีความงดงามอยู่เสมอ

ชื่อสินค้า:   Santa Barbara USA.
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่