สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเล็กน้อยครับ
ช่วงนี้แปรปรวนทั้งสภาพอากาศและอารมณ์ อาจเป็นปกติของคนที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองโดยเฉพาะในฤดูหนาว (ตอนนี้อยู่อเมริกา) เพราะสภาพที่มืดเร็ว อากาศที่หนาวเย็น (ยังโชคดีมากกว่าหลายคนที่ไม่ได้อยู่แถบตอนเหนือที่มีหิมะและหนาวมาก) ฝนที่ตกเกือบทุกวันในแถบแคลิฟอร์เนีย...มีหลายคนบอกว่าต้องหาอะไรทำและพบเจอผู้คน (ซึ่งมันก็ถูก) แต่บางทีมันก็ไม่อยากเจอใครเลย แต่ยังไงก็ตาม...Live your life ไปเที่ยวกันเถอะ
http://www.breathemyworld.com/2018/05/19/10-จุดต้องแวะบนถนนเลียบม/
https://www.facebook.com/BreathemyworldBMW
https://www.breathemyworld.com
--------------------------------------
บ่นเสร็จละเข้าเรื่องรีวิวนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อ **รูปในกระทู้นี้เป็นรูปจากหลายๆ ช่วงที่ไปมานะครับ เพราะแต่ละทริปภาพที่ได้จะแตกต่างกันบ้างจากสภาพอากาศและสภาพแสง เลยเลือกรูปที่คิดว่าดีและเหมาะกับคำบรรยายมาให้ดูกันครับ
ตามโปรแกรมที่วางแผนไว้เดิม ช่วงวันหยุดคริสมาสต์สี่วัน รวบรวมกำลังพลเที่ยวลงไปทางใต้ของซานฟรานซิสโก (ตอนนี้อยู่ซานฟรานซิสโกครับ) ก็เป็นโอกาสที่ดีที่อาจได้เวลาช่วงนี้รวบรวมพละกำลัง (ใจ) ให้ดีขึ้นมาได้ สถานที่ที่จะไปคือ ขับรถลงไปตามชายฝั่งของมหาสมุทร Pacific ตามเส้นทางที่มีชื่อเสียงว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดที่หนึ่งในอเมริกา คือ Highway 1 (California State Route 1) ลงไปจนถึงเมือง Santa Barbara
วิวทิวทัศน์ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคตามถนนที่เราจะไปนี้ ก็คงเข้ากับห้วข้อกระทู้ “ที่เดิม แต่ไม่เคยเหมือนเดิม” ที่บังเอิญเป็นอารมณ์ดราม่าช่วงนี้พอดี 555 เพราะในแต่ละวันภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนกันเลย บางทีต้องลุ้นว่าจะมีหมอกบังทุกอย่างทำให้ไม่เห็นวิวอะไรเลยหรือเปล่า เหมือนไปซานฟรานแล้วบางทีอาจมองไม่เห็น Golden Gate Bridge หรือไปญี่ปุ่นแล้วอาจไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิอะไรประมาณนั้น ตอนวางแผนมานี่ลุ้นแล้วลุ้นอีก เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกเกือบทุกวันมาตลอดเดือนธันวา แต่โชคดีที่ช่วงที่มาฟ้าใสและไม่มีฝนแล้ว
ในวันที่มีหมอก
Highway 1 นี่จริงๆ ยาวตั้งแต่ Orange County ทางใต้ของลอสแองเจลลิสขึ้นไปจนบรรจบกับ US highway 101 แถว Mendocino County แต่ส่วนที่เป็น scenic route ที่มีชื่อเสียงคือตั้งแต่ Carmel ไปจนถึง San Luis Obispo ครั้งนี้พวกเราจะไปเที่ยวส่วนของ Monterey Bay Area, Big Sur, เมือง Solvang และ Santa Barbara ครับ ระยะทางรวมจากซานฟรานซิสโกจนถึงเมือง Santa Barbara ก็ประมาณ 350 ไมล์ (one-way) แต่ขากลับพวกเราจะขับกลับทาง US highway 101 ซึ่งระยะทางจะสั้นกว่าประมาณเกือบ 50 ไมล์ และใช้เวลาเร็วกว่า (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
ในรีวิวนี้ไม่ได้พูดถึงทุกจุดที่เป็นจุดชมวิวนะครับ เพราะไม่ได้แวะไปทุกจุด จะพูดเฉพาะจุดที่สำคัญและที่เคยไปครับ ถ้าละเอียดต้องเอารีวิวจาก idol เรื่องการท่องเที่ยวของผมไปตามลิงค์นี้เลยครับ
http://ppantip.com/topic/32138581
ถนนเส้นนี้นอกจากจะสวยงามขึ้นชื่อแล้ว ยังมีชื่อเป็นถนนเส้นที่ค่อนข้างอันตราย คงเพราะเป็นถนนสองเลน บางช่วงโดยเฉพาะช่วงตั้งแต่ Big Sur จนถึง San Luis Obispo อาจมีโค้งเยอะหน่อยและบางช่วงติดขอบหน้าผา (แต่ก็มีรั้วกั้นให้) แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ขับยากอะไรและรถก็ไม่ได้เยอะมากด้วยเพราะไม่ใช่ถนนเส้นหลัก (แต่อาจต้องเตรียมยาแก้เวียนหัวไว้หน่อย)
ถ้าออกเดินทางจากซานฟรานซิสโก อาจเข้า highway 1 ได้ตั้งแต่ช่วง Half Moon Bay หรือ Santa Cruz ซึ่งก็เป็นที่ๆ คนนิยมมาพักผ่อนพอสมควร และจะผ่าน Pigeon Point Lighthouse ที่หยุดถ่ายรูป ชมวิวที่มีชื่ออีกที่หนึ่งในแถบนี้ แต่เราจะไม่ได้ไปจุดนั้น เพราะจะอ้อมและเสียเวลากว่า รวมทั้งวิวทะเลก็ไม่ได้สวยไปกว่าที่ๆ เราจะไปกัน เลยขับลงมาที่ Monterey เลย
Pigeon Point Lighthouse ที่แวะมาครั้งก่อน (ถ่ายเมื่อ ก.ค.2557)
ขับมาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึง Monterey (จุด 1 ในแผนที่ข้างบน) -- Monterey เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางใต้ของ Monterey Bay ที่นี่มีที่เที่ยวที่สำคัญคือ Fisherman’s wharf และ Monterey bay aquarium ที่ Fisherman’s wharf จะมีกิจกรรมอย่างหนึ่งคือการล่องเรือดูปลาวาฬ อันนี้ยังไม่เคยไปครับ ส่วน Aquarium เป็นที่ที่มีชื่อเสียงมากในแถบนี้ แต่ค่าเข้าค่อนข้างแพงทีเดียว คือ ประมาณ 39$
อันนี้รูปจากทริปก่อน เพราะคราวนี้เราไม่ได้เข้า เนื่องจากวางแผนจะต้องลงไปจนถึง Mcway Falls ก่อนมืด
ถ้าไม่ได้เข้าชมหรือทำกิจกรรมอะไร ที่นี่ก็เป็นที่ที่แวะกินกลางวันได้ ซึ่งมีร้านอยู่พอสมควร และสามารถเดินชมวิวทะเลได้
จาก Monterey ขับต่อลงมาไม่นาน ก็จะถึงเมืองเล็กๆ ชื่อ Carmel-By-The-Sea หรือเรียกสั้นๆ ว่า Carmel (จุด 2 ในแผนที่ข้างบน)
ซึ่งอยู่ใน Monterey County เช่นกัน ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่แวะเดินเล่นในเมืองได้ มีร้านเล็กๆ น่ารักๆ ร้านอาหารพอสมควร และชายหาดยังเป็นที่นิยมในการมาพักผ่อนและเล่นน้ำแต่คลื่นค่อนข้างแรงโดยเฉพาะฤดูหนาว และบางจุดมีหินเยอะ ทำให้กิจกรรมทางน้ำไม่มากเท่าแถบ Santa Cruz เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น dog friendly city อีกเมืองนึง ดังนั้นจะเห็นคนพาสุนัขมาวิ่งเล่นเต็มหาดไปหมด เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
ระหว่างทางระหว่าง Monterey และ Carmel จะมีถนนที่เป็น scenic road คือ 17-Mile Drive ซึ่งวิ่งเป็นวง เลียบไปตาม Pebble beach และ Pacific grove สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจะขับลงไปไกลกว่านี้ สามารถแวะดูวิวชายฝั่งแปซิฟิคจากที่นี่ก็ได้ แต่เสียค่าเข้าน่าจะประมาณ 10$ ที่นี่มีหลายประตูทางเข้า แล้วแต่ว่าวิ่งมาจากไหน ตามแผนที่ข้างล่างครับ
แผนที่ 17-mile drive
แต่ครั้งนี้เราขับผ่านที่นี่ข้ามไป Carmel และลงต่อไปตาม Highway 1 เลย เพราะวิวทางใต้สวยกว่า
[CR] ที่ๆ เดิมแต่ไม่เคยเหมือนเดิม : Along the Pacific Coast, California (Highway 1, Solvang, Santa Barbara)
ช่วงนี้แปรปรวนทั้งสภาพอากาศและอารมณ์ อาจเป็นปกติของคนที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองโดยเฉพาะในฤดูหนาว (ตอนนี้อยู่อเมริกา) เพราะสภาพที่มืดเร็ว อากาศที่หนาวเย็น (ยังโชคดีมากกว่าหลายคนที่ไม่ได้อยู่แถบตอนเหนือที่มีหิมะและหนาวมาก) ฝนที่ตกเกือบทุกวันในแถบแคลิฟอร์เนีย...มีหลายคนบอกว่าต้องหาอะไรทำและพบเจอผู้คน (ซึ่งมันก็ถูก) แต่บางทีมันก็ไม่อยากเจอใครเลย แต่ยังไงก็ตาม...Live your life ไปเที่ยวกันเถอะ
http://www.breathemyworld.com/2018/05/19/10-จุดต้องแวะบนถนนเลียบม/
https://www.facebook.com/BreathemyworldBMW
https://www.breathemyworld.com
--------------------------------------
บ่นเสร็จละเข้าเรื่องรีวิวนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อ **รูปในกระทู้นี้เป็นรูปจากหลายๆ ช่วงที่ไปมานะครับ เพราะแต่ละทริปภาพที่ได้จะแตกต่างกันบ้างจากสภาพอากาศและสภาพแสง เลยเลือกรูปที่คิดว่าดีและเหมาะกับคำบรรยายมาให้ดูกันครับ
ตามโปรแกรมที่วางแผนไว้เดิม ช่วงวันหยุดคริสมาสต์สี่วัน รวบรวมกำลังพลเที่ยวลงไปทางใต้ของซานฟรานซิสโก (ตอนนี้อยู่ซานฟรานซิสโกครับ) ก็เป็นโอกาสที่ดีที่อาจได้เวลาช่วงนี้รวบรวมพละกำลัง (ใจ) ให้ดีขึ้นมาได้ สถานที่ที่จะไปคือ ขับรถลงไปตามชายฝั่งของมหาสมุทร Pacific ตามเส้นทางที่มีชื่อเสียงว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดที่หนึ่งในอเมริกา คือ Highway 1 (California State Route 1) ลงไปจนถึงเมือง Santa Barbara
วิวทิวทัศน์ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคตามถนนที่เราจะไปนี้ ก็คงเข้ากับห้วข้อกระทู้ “ที่เดิม แต่ไม่เคยเหมือนเดิม” ที่บังเอิญเป็นอารมณ์ดราม่าช่วงนี้พอดี 555 เพราะในแต่ละวันภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนกันเลย บางทีต้องลุ้นว่าจะมีหมอกบังทุกอย่างทำให้ไม่เห็นวิวอะไรเลยหรือเปล่า เหมือนไปซานฟรานแล้วบางทีอาจมองไม่เห็น Golden Gate Bridge หรือไปญี่ปุ่นแล้วอาจไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิอะไรประมาณนั้น ตอนวางแผนมานี่ลุ้นแล้วลุ้นอีก เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกเกือบทุกวันมาตลอดเดือนธันวา แต่โชคดีที่ช่วงที่มาฟ้าใสและไม่มีฝนแล้ว
ในวันที่มีหมอก
Highway 1 นี่จริงๆ ยาวตั้งแต่ Orange County ทางใต้ของลอสแองเจลลิสขึ้นไปจนบรรจบกับ US highway 101 แถว Mendocino County แต่ส่วนที่เป็น scenic route ที่มีชื่อเสียงคือตั้งแต่ Carmel ไปจนถึง San Luis Obispo ครั้งนี้พวกเราจะไปเที่ยวส่วนของ Monterey Bay Area, Big Sur, เมือง Solvang และ Santa Barbara ครับ ระยะทางรวมจากซานฟรานซิสโกจนถึงเมือง Santa Barbara ก็ประมาณ 350 ไมล์ (one-way) แต่ขากลับพวกเราจะขับกลับทาง US highway 101 ซึ่งระยะทางจะสั้นกว่าประมาณเกือบ 50 ไมล์ และใช้เวลาเร็วกว่า (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
ในรีวิวนี้ไม่ได้พูดถึงทุกจุดที่เป็นจุดชมวิวนะครับ เพราะไม่ได้แวะไปทุกจุด จะพูดเฉพาะจุดที่สำคัญและที่เคยไปครับ ถ้าละเอียดต้องเอารีวิวจาก idol เรื่องการท่องเที่ยวของผมไปตามลิงค์นี้เลยครับ http://ppantip.com/topic/32138581
ถนนเส้นนี้นอกจากจะสวยงามขึ้นชื่อแล้ว ยังมีชื่อเป็นถนนเส้นที่ค่อนข้างอันตราย คงเพราะเป็นถนนสองเลน บางช่วงโดยเฉพาะช่วงตั้งแต่ Big Sur จนถึง San Luis Obispo อาจมีโค้งเยอะหน่อยและบางช่วงติดขอบหน้าผา (แต่ก็มีรั้วกั้นให้) แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ขับยากอะไรและรถก็ไม่ได้เยอะมากด้วยเพราะไม่ใช่ถนนเส้นหลัก (แต่อาจต้องเตรียมยาแก้เวียนหัวไว้หน่อย)
ถ้าออกเดินทางจากซานฟรานซิสโก อาจเข้า highway 1 ได้ตั้งแต่ช่วง Half Moon Bay หรือ Santa Cruz ซึ่งก็เป็นที่ๆ คนนิยมมาพักผ่อนพอสมควร และจะผ่าน Pigeon Point Lighthouse ที่หยุดถ่ายรูป ชมวิวที่มีชื่ออีกที่หนึ่งในแถบนี้ แต่เราจะไม่ได้ไปจุดนั้น เพราะจะอ้อมและเสียเวลากว่า รวมทั้งวิวทะเลก็ไม่ได้สวยไปกว่าที่ๆ เราจะไปกัน เลยขับลงมาที่ Monterey เลย
Pigeon Point Lighthouse ที่แวะมาครั้งก่อน (ถ่ายเมื่อ ก.ค.2557)
ขับมาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึง Monterey (จุด 1 ในแผนที่ข้างบน) -- Monterey เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางใต้ของ Monterey Bay ที่นี่มีที่เที่ยวที่สำคัญคือ Fisherman’s wharf และ Monterey bay aquarium ที่ Fisherman’s wharf จะมีกิจกรรมอย่างหนึ่งคือการล่องเรือดูปลาวาฬ อันนี้ยังไม่เคยไปครับ ส่วน Aquarium เป็นที่ที่มีชื่อเสียงมากในแถบนี้ แต่ค่าเข้าค่อนข้างแพงทีเดียว คือ ประมาณ 39$
อันนี้รูปจากทริปก่อน เพราะคราวนี้เราไม่ได้เข้า เนื่องจากวางแผนจะต้องลงไปจนถึง Mcway Falls ก่อนมืด
ถ้าไม่ได้เข้าชมหรือทำกิจกรรมอะไร ที่นี่ก็เป็นที่ที่แวะกินกลางวันได้ ซึ่งมีร้านอยู่พอสมควร และสามารถเดินชมวิวทะเลได้
จาก Monterey ขับต่อลงมาไม่นาน ก็จะถึงเมืองเล็กๆ ชื่อ Carmel-By-The-Sea หรือเรียกสั้นๆ ว่า Carmel (จุด 2 ในแผนที่ข้างบน)
ซึ่งอยู่ใน Monterey County เช่นกัน ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่แวะเดินเล่นในเมืองได้ มีร้านเล็กๆ น่ารักๆ ร้านอาหารพอสมควร และชายหาดยังเป็นที่นิยมในการมาพักผ่อนและเล่นน้ำแต่คลื่นค่อนข้างแรงโดยเฉพาะฤดูหนาว และบางจุดมีหินเยอะ ทำให้กิจกรรมทางน้ำไม่มากเท่าแถบ Santa Cruz เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น dog friendly city อีกเมืองนึง ดังนั้นจะเห็นคนพาสุนัขมาวิ่งเล่นเต็มหาดไปหมด เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
ระหว่างทางระหว่าง Monterey และ Carmel จะมีถนนที่เป็น scenic road คือ 17-Mile Drive ซึ่งวิ่งเป็นวง เลียบไปตาม Pebble beach และ Pacific grove สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจะขับลงไปไกลกว่านี้ สามารถแวะดูวิวชายฝั่งแปซิฟิคจากที่นี่ก็ได้ แต่เสียค่าเข้าน่าจะประมาณ 10$ ที่นี่มีหลายประตูทางเข้า แล้วแต่ว่าวิ่งมาจากไหน ตามแผนที่ข้างล่างครับ
แผนที่ 17-mile drive
แต่ครั้งนี้เราขับผ่านที่นี่ข้ามไป Carmel และลงต่อไปตาม Highway 1 เลย เพราะวิวทางใต้สวยกว่า