คนกรุงเทพและปริมณฑลต้องปวดหัวกับน้ำท่วมตลอดกาล ถ้า......

ถ้าตีโจทย์ไม่แตกว่า กทม และ จ ใกล้เคียงเป็นเมืองที่ตั้งขวางทางน้ำ และปัจจุบันก็ยิ่งพัฒนาสิ่งปลูกสร้างแบบผิดทางยิ่งตั้งขวางทางน้ำเข้าไปใหญ่
อันที่จริงบรรพบุรุษไทย ตั้งเมืองหลวงในที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงเพราะหวังประโยชน์เรื่องการกสิกรรมเป็นสำคัญที่สุด รองลงมาก็เพื่อให้ง่ายต่อการค้าทางเรือสำเภา และใช้ประโยชน์ในการรับมือทัพข้าศึกทางอ้อม แต่คนไทยในปัจจุบัน คนไทยใน กทม และปริมณฑล ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในด้านนั้นแล้ว ปัจจุบันเราอยู่กับอุตสาหกรรม การค้าการท่องเที่ยว การเดินทางทางอากาศ แต่กรุงเทพก็ยังตั้งขวางทางน้ำอยู่ ทำให้ผมคิดว่า เราลืมสิ่งดีๆที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทยโบราณไปหรือเปล่า คือ กทม ตั้งขวางทางน้ำ แต่เรากลับสร้างบ้านเรือนแบบตะวันตกทรงเตี้ย โดยเฉพาะทาวเฮ้าส์จัดสรรทั้งหลายแหล่นี่ตัวดีเลย พอน้ำท่วมทีไรก็ต้องหนีขึ้นชั้น 2 ท่วมหนักก็ต้องไปอยู่บนหลังคา ทำไมเราไม่กลับไปหาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่เราควรรักษาไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถ้าเป็นตึกก็แนวๆนี้


ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้เป็นอย่างยิ่ง

บรรพบุรุษของเรามาตั้งเมืองที่อยุธยาและกรุงเทพ ก็เพราะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เป็นพื้นที่ทำนาได้ทุกปี มันก็ย่อมเป็นที่ลุ่มมีน้ำมาก น้ำหลาก น้ำท่วม

ท่านก็มีภูมิปัญญาในการสร้างบ้านเรือน ยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง ไม่ขวางทางน้ำ และสัญจรกันทางน้ำ จนกรุงเทพยุคหนึ่งได้ชื่อว่า เวนิสตะวันออก แล้วหตุไรเราจึงพยายามทำเมืองของเราให้เป็นเมืองในที่ดอน ไม่อยากให้น้ำท่วม ปลูกสร้างอาคารขวางทางน้ำ รอวันหายนะ แล้วก็ร้องคร่ำครวญ หาที่ด่าหาคนรับผิดชอบ ทั้งๆที่น่าจะด่าตัวเองและยอมรับเสียว่าตัวเองนั้นผิด

แต่มันถึงทางตันแล้วครับ เพราะเขาเชื่อกันว่าที่น้ำท่วมเป็นเพราะผู้ว่าโง่ และคงจะควานหาผู้ว่าฉลาดๆกันต่อไป และก็เตรียมร้องคร่ำครวญกันเมื่อเกิดอุทกภัยใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำอีก และผู้ว่าคนใหม่ก็จะโทษคนเก่า ไล่กันไปตามลำดับ ไม่รู้จักจบจักสิ้นนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่