Cambria เป็น Seaside Village ที่อยู่ในเมือง San Luis Obispo County รัฐแคลิฟอร์เนีย บน Highway 1 ถนนเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา โดยได้วางกับดักไว้หลายอย่าง โดยที่เราไม่รู้เลยว่า ได้ตกหลุมรักแต่ไม่ถึงกับหัวปักหัวปำหกคะเมนตีลังกาเข้าให้แล้ว
เพียงแค่สัมผัสแรกที่ได้ไปเยือน ก็รู้สึกเหมือนถูกดึงให้ย้อนกลับไปหาความเรียบง่ายแบบ Slow life ของชุมชนเล็กๆ ในชนบทแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตที่ปราศจากความเร่งรีบและความวุ่นวายใดๆ เลย
ดังนั้นอาคารบ้านเรือน และร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณ Historic East Village แถว Main street จึงเหมาะแก่การมาเดินเล่นชิวๆ ดูสถาปัตยกรรมย้อนยุคอันหลากหลายที่มีทั้งออกแนวคาวบอยนิดๆ หรือจะออกแนววิคตอเรียน ดูเก่าๆ แถมโมเดิร์นหน่อยๆ ผสมผสานกันจนดูอย่างเพลิดเพลิน
[CR] Cambria "หมู่บ้านริมทะเลที่สุดแสนจะน่ารัก"
Cambria เป็น Seaside Village ที่อยู่ในเมือง San Luis Obispo County รัฐแคลิฟอร์เนีย บน Highway 1 ถนนเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา โดยได้วางกับดักไว้หลายอย่าง โดยที่เราไม่รู้เลยว่า ได้ตกหลุมรักแต่ไม่ถึงกับหัวปักหัวปำหกคะเมนตีลังกาเข้าให้แล้ว
เพียงแค่สัมผัสแรกที่ได้ไปเยือน ก็รู้สึกเหมือนถูกดึงให้ย้อนกลับไปหาความเรียบง่ายแบบ Slow life ของชุมชนเล็กๆ ในชนบทแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตที่ปราศจากความเร่งรีบและความวุ่นวายใดๆ เลย
ในอดีตผู้ที่มาอาศัยอยู่ในยุคแรก ๆ คือ ชาว Chumash หรืออินเดียนแดง ถัดมาก็เป็นพวกอเมริกันคาวบอย เลยทำให้เหมือนเดินอยู่ในเมืองคาวบอยที่ไม่มีคนขี่ม้าหรือเสียงยิงปืนกันดังลั่นเปรี้ยงอย่างในหนังที่เราดูกัน แต่รายล้อมไปด้วยร้านขายของเก่า ร้านค้า และร้านอาหาร ร้านบูทีค ที่ดูเก่าแก่ชวนหลงใหลแบบอเมริกันตะวันตก
ดังนั้นอาคารบ้านเรือน และร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณ Historic East Village แถว Main street จึงเหมาะแก่การมาเดินเล่นชิวๆ ดูสถาปัตยกรรมย้อนยุคอันหลากหลายที่มีทั้งออกแนวคาวบอยนิดๆ หรือจะออกแนววิคตอเรียน ดูเก่าๆ แถมโมเดิร์นหน่อยๆ ผสมผสานกันจนดูอย่างเพลิดเพลิน
นอกจากนี้ตลอดเดือนตุลาคม เขาก็จะจัดงาน Scarecrow Festival หรือเทศกาลหุ่นไล่กา โดยบรรดาศิลปิน ร้านค้าและบ้านเรือนจะรวมตัวกันเนรมิตหุ่นไล่กาขึ้นมา ทั้งที่ดูน่ากลัว น่ารัก ตลกขบขัน ประดับประดาสร้างสีสันให้กับหมู่บ้านนี้จนเต็มไปหมด
ก็เพราะตุลาคมเป็นเดือนแห่งฮาโลวีน เขาเลยจัดให้มีเทศกาลนี้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวมาเป็นปีที่ 8 แล้ว
ไอเดียการสร้างสรรค์หุ่นไล่กาของที่นี่ เลยทำให้เมืองนี้ยิ่งดูน่ารักและมีเสนห์ยิ่งขึ้นไปอีก และนี่เป็นอีกหนึ่งกับดักที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนต้องกลับมาที่เมืองนี้อีกครั้งในเดือนตุลาคม
ส่วนหลุมพรางสุดท้ายของที่นี่คือ ทะเลอันสวยงาม ที่นี่เขาจะมี Trail ทางเดินริมทะเลและภูเขาให้เลือกเดินหลายเส้นทาง ที่นิยมกันมากคือที่ Moonstone Beach Boardwalk และ Fiscalini Ranch Bluff Trail เป็นเส้นทางเดินง่ายๆ ริมทะเลและเลียบหน้าผา ระยะทางกว่า 2 ไมล์ ทำทางไว้ดีมาก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวิวมหาสมุทร และสัมผัสไอเย็นจากท้องทะเล
ยิ่งถ้ามาช่วง Spring Season ประมาณปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะได้เห็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม สลับสีสันประดับประดาเต็มหน้าผาริมทะเลเต็มไปหมด การได้เดินอยู่ในทุ่งดอกไม้ริมทะเลเช่นนี้ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเทพนิยายแฟนตาซี ยังไงอย่างงั้นเลย สถานที่ท่องเที่ยวมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่มากมาย เพียงแค่ไปให้ถูกที่ ถูกเวลา แล้วจะพบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ประทับใจแบบไม่มีวันลืม