ช่วงนี้เข้าพันทิป มีแต่คำว่า comfort zone เต็มไปหมด เลยอยากมาเล่าประสพการณ์ส่วนตัวค่ะ
เราเป็นเจ้าของกิจการคนหนึ่งตั้งแต่ปี 2545 ทำเองมาตลอด จนแต่งงานก็ได้แฟนมาช่วย แฟนลาออกจากงานประจำมาช่วยร้าน
อยากบอกว่าการเป็นเจ้าของกิจการมันไม่ได้สบายไปหมดทุกอย่าง เราทำงานกันหนักมาก แทบไม่มีวันหยุด ถ้าไม่ป่วยจริงๆ
ตลอด 14ปีมานี่เราปิดร้านกันแค่ 6 วันต่อปี คือ ปีใหม่ 2 วัน ตรุษจีน1วัน สงกรานต์ 3 วัน นอกนั้นอาจมีปิดแบบฉุกเฉินคือมีธุระจริงๆ
ไม่เคยได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันนักขัตฤกษ์ใดใด ตลอดเวลาเราต้องเฝ้าร้าน ถ้ามีธุระก็เปลี่ยนกันไปทำธุระกับแฟน การปิดร้านสักหนึ่งวันหมายถึงรายได้ที่หายไป บางปีเราได้หยุดพักร้อนไป ตปท.บ้างแค่สี่ ห้าวัน ต้องขอให้พ่อกับแม่มาเฝ้าร้านให้ แต่หลังๆท่านก็แก่มากแล้ว ไม่อยากรบกวนบ่อย
เราไม่เคยไว้ใจให้ลูกน้องอยู่ร้านกันลำพังเลยค่ะ เราก็อยากทำระบบแบบร้านค้าแบบดิสเคาท์สโตร์ เหมือนกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเฝ้าร้าน แต่เราก็ยังไม่เชื่อมั่นในอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคนทั้งลูกน้อง คือแฟนเราก็คนหัวเก่า ไม่อยากให้ลูกน้องจับเงิน อีกทั้งเรื่องบางอย่างที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ หรือการต้อนรับลูกค้า ถ้าให้ลูกน้องต้อนรับลูกค้าจะไม่ค่อยชอบใจเผลอๆไม่ได้ขาย ก็กระทบกับยอดขายอีก
การที่เราทุ่มเทกับกิจการของเรามากๆ มันก็ทำให้กิจการเราแข็งแกร่ง แต่เรากลับรู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวขาดพลัง ขาดชีวิตชีวา แม้แต่ลูกเรายังไม่มี.. ชีวิตที่ถูกวงกลมของคอมฟอร์ทโซนครอบไว้ ไม่ให้เราออกไปจากวงกลมนี้
สรุปคือ เราก็ยังติดอยู่กับ comfort zone ของตัวเอง ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ ไม่อิสระเหมือนกับที่คนทั่วไปคิด ตอนนี้เราก็อยากจะก้าวออกไปจากวงกลมของเราเหมือนกันค่ะ
เจ้าของกิจการ ก็มี comfort zone เป็นของตัวเอง ?
เราเป็นเจ้าของกิจการคนหนึ่งตั้งแต่ปี 2545 ทำเองมาตลอด จนแต่งงานก็ได้แฟนมาช่วย แฟนลาออกจากงานประจำมาช่วยร้าน
อยากบอกว่าการเป็นเจ้าของกิจการมันไม่ได้สบายไปหมดทุกอย่าง เราทำงานกันหนักมาก แทบไม่มีวันหยุด ถ้าไม่ป่วยจริงๆ
ตลอด 14ปีมานี่เราปิดร้านกันแค่ 6 วันต่อปี คือ ปีใหม่ 2 วัน ตรุษจีน1วัน สงกรานต์ 3 วัน นอกนั้นอาจมีปิดแบบฉุกเฉินคือมีธุระจริงๆ
ไม่เคยได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันนักขัตฤกษ์ใดใด ตลอดเวลาเราต้องเฝ้าร้าน ถ้ามีธุระก็เปลี่ยนกันไปทำธุระกับแฟน การปิดร้านสักหนึ่งวันหมายถึงรายได้ที่หายไป บางปีเราได้หยุดพักร้อนไป ตปท.บ้างแค่สี่ ห้าวัน ต้องขอให้พ่อกับแม่มาเฝ้าร้านให้ แต่หลังๆท่านก็แก่มากแล้ว ไม่อยากรบกวนบ่อย
เราไม่เคยไว้ใจให้ลูกน้องอยู่ร้านกันลำพังเลยค่ะ เราก็อยากทำระบบแบบร้านค้าแบบดิสเคาท์สโตร์ เหมือนกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเฝ้าร้าน แต่เราก็ยังไม่เชื่อมั่นในอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคนทั้งลูกน้อง คือแฟนเราก็คนหัวเก่า ไม่อยากให้ลูกน้องจับเงิน อีกทั้งเรื่องบางอย่างที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ หรือการต้อนรับลูกค้า ถ้าให้ลูกน้องต้อนรับลูกค้าจะไม่ค่อยชอบใจเผลอๆไม่ได้ขาย ก็กระทบกับยอดขายอีก
การที่เราทุ่มเทกับกิจการของเรามากๆ มันก็ทำให้กิจการเราแข็งแกร่ง แต่เรากลับรู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวขาดพลัง ขาดชีวิตชีวา แม้แต่ลูกเรายังไม่มี.. ชีวิตที่ถูกวงกลมของคอมฟอร์ทโซนครอบไว้ ไม่ให้เราออกไปจากวงกลมนี้
สรุปคือ เราก็ยังติดอยู่กับ comfort zone ของตัวเอง ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ ไม่อิสระเหมือนกับที่คนทั่วไปคิด ตอนนี้เราก็อยากจะก้าวออกไปจากวงกลมของเราเหมือนกันค่ะ