ทฤษฎี Comfort Zone เป็นเรื่องของการศึกษาทางด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่ง Comfort zone นั้นเมื่อแปลตรงๆเป็นภาษาไทย คือ พื้นที่สบายๆ ไร้กังวล ไม่มีความกดดัน อยู่แบบปราศจากความเสี่ยง
คนเราทุกๆคน จะมีการสร้างพื้นที่ Comfort zone ขึ้นมาในจิตใจของตนเอง เนื่องจากเราต้องการที่จะอยู่ในที่ๆปลอดภัย มั่นคง สบายใจ และ ไม่เสี่ยง ซึ่งการสร้าง Comfort zone นี้ทำให้เรามีขอบเขตบางอย่างขึ้นมากั้นตัวเราเอาไว้ไม่ให้ก้าวออกไปนอกอาณาเขตของเราเอง ในแง่ของการทำงาน การทำธุรกิจ ทุกๆคนก็จะมีการสร้างอาณาเขตลักษณะนี้ไว้เช่นกัน เช่น ;
พนักงานประจำบางคน จะมีความพอใจในงานของตัวเอง เนื่องจากอยู่มานานจนเคยชิน กับการทำงาน, กฏระเบียบองค์กร และ สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน พออยู่ไปนานๆก็ไม่กล้าที่จะรับหน้าที่ใหม่ๆ ไม่อยากเปลี่ยนงาน ย้ายงาน หรือ ออกไปทำธุรกิจของตนเอง ก็อยู่อาณาเขตของตนเองแบบนั้นไปเรื่อยๆจนเกษียณ โดยที่ไม่ได้มีการพัฒนาหรือก้าวหน้าใดๆเนื่องจากไม่กล้าที่จะออกไปนอก Comfort zone
ในแง่ของธุรกิจ บางองค์กรมักจะเคยชินอยู่ในรูปแบบเดิมๆ โครงสร้างธุรกิจเดิม การค้าขายแบบเดิมๆ โดยคิดว่าที่ทำมาก็ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างก็โอเค อยู่แบบนี้ก็สบายดี มีรายได้มาเรื่อยๆ ลูกค้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ ผู้บริหารองค์กรที่อยู่ในแต่กรอบของตัวเอง ก็จะไม่พยายามที่จะเปลี่ยน หรือทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ หรือมีความเสี่ยง เพราะกลัวว่าจะลำบาก หรือ จะทำได้ไม่ดีหากก้าวออกไปทำในสิ่งใหม่ๆ
ความน่ากลัวของ Comfort Zone ก็คือ การที่มันจะทำให้เราสบายจนชิน เมื่อชินแล้วก็จะเริ่มกลายเป็นความเฉื่อยชา ความขี้เกียจ ทำให้เราไม่พัฒนาตัวเอง ไม่คิดอะไรใหม่ ไม่ทำอะไรใหม่ หยุดอยู่กับที่ หลายๆองค์กรอยู่ใน Comfort zone จนเคยชิน พอวันนึงมีคู่แข่งที่ทำอะไรใหม่ๆในตลาด หรือ สถานการณ์ในโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไป องค์กรนั้นๆก็อาจจะเจอกับวิกฤติที่อาจจะถึงขั้นล้มละลายได้ ซึ่งปกติองค์กรที่จะเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ คือ องค์กรที่เริ่มสร้างตัวมาได้สักระยะ เริ่มประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีการปรับตัวหรือพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป เช่น บริษัท Nokia, Blackberry ที่ปัจจุบันโดน Takeover กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่การที่เราจะก้าวออกไปนอก Comfort zone นั้นก็ไม่ง่ายนัก เพราะภายนอกความสบาย เราจะต้องเจอกับความลำบาก ความไม่เคยชิน และ เจอกับอุปสรรคอีกนานานัปการ แต่ความสำเร็จต่างๆ มักจะอยู่ตรงนั้น ซึ่งถ้าเราไม่ก้าวออกจากพื้นที่ Comfort zone เราก็ไม่มีทางที่จะพบกับความสำเร็จอย่างแน่นอน
ปรัชญาทางตะวันตก จะมีคำพูดอยู่ว่า “Life Begins at the End of you Comfort Zone” ซึ่งแปลว่า การใช้ชีวิตจริงๆนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มก้าวออกจากเขต comfort zone ของคุณ
ลองคิดๆดูนะครับ ว่าทุกวันนี้ คุณอยู่ใน Comfort zone ของคุณนานเกินไปหรือยัง ถ้านานเกินไปแล้ว ก็เตรียมออกไปหาความท้าทายใหม่ๆในโลกกว้างกันเถอะครับ อาจจะเริ่มจากสิ่งใกล้ๆตัวคุณก่อน เช่น จะไม่นอนตื่นสาย, จะออกกำลังกายทุกวัน, จะอ่านหนังสือให้มากขึ้น หรือ จะให้เวลาครอบครัวให้มากขึ้น เมื่อเริ่มจากก้าวเล็กๆได้ ค่อยวางแผนในการทำงาน และ ธุรกิจต่อไปครับ เช่น หาความรู้ในการทำงานให้มากขึ้น เพื่อความก้าวหน้าในการทำงานในฐานะลูกจ้าง หรือ หากต้องการจะเริ่มธุรกิจอะไรใหม่ๆของตัวเอง ก็เริ่มเลยครับลงมือทำ โดยการทำควบคู่ไปกับงานเดิม เราอาจจะเหนื่อยมากขึ้น มีปัญหามาให้เกิดความท้าทายมากขึ้น แต่ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนครับ
ที่มา: YES Club
http://goo.gl/NefxJL
Comfort Zone โซนสบายๆที่อาจจะทำให้เราตายโดยไม่รู้ตัว
ทฤษฎี Comfort Zone เป็นเรื่องของการศึกษาทางด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่ง Comfort zone นั้นเมื่อแปลตรงๆเป็นภาษาไทย คือ พื้นที่สบายๆ ไร้กังวล ไม่มีความกดดัน อยู่แบบปราศจากความเสี่ยง
คนเราทุกๆคน จะมีการสร้างพื้นที่ Comfort zone ขึ้นมาในจิตใจของตนเอง เนื่องจากเราต้องการที่จะอยู่ในที่ๆปลอดภัย มั่นคง สบายใจ และ ไม่เสี่ยง ซึ่งการสร้าง Comfort zone นี้ทำให้เรามีขอบเขตบางอย่างขึ้นมากั้นตัวเราเอาไว้ไม่ให้ก้าวออกไปนอกอาณาเขตของเราเอง ในแง่ของการทำงาน การทำธุรกิจ ทุกๆคนก็จะมีการสร้างอาณาเขตลักษณะนี้ไว้เช่นกัน เช่น ;
พนักงานประจำบางคน จะมีความพอใจในงานของตัวเอง เนื่องจากอยู่มานานจนเคยชิน กับการทำงาน, กฏระเบียบองค์กร และ สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน พออยู่ไปนานๆก็ไม่กล้าที่จะรับหน้าที่ใหม่ๆ ไม่อยากเปลี่ยนงาน ย้ายงาน หรือ ออกไปทำธุรกิจของตนเอง ก็อยู่อาณาเขตของตนเองแบบนั้นไปเรื่อยๆจนเกษียณ โดยที่ไม่ได้มีการพัฒนาหรือก้าวหน้าใดๆเนื่องจากไม่กล้าที่จะออกไปนอก Comfort zone
ในแง่ของธุรกิจ บางองค์กรมักจะเคยชินอยู่ในรูปแบบเดิมๆ โครงสร้างธุรกิจเดิม การค้าขายแบบเดิมๆ โดยคิดว่าที่ทำมาก็ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างก็โอเค อยู่แบบนี้ก็สบายดี มีรายได้มาเรื่อยๆ ลูกค้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ ผู้บริหารองค์กรที่อยู่ในแต่กรอบของตัวเอง ก็จะไม่พยายามที่จะเปลี่ยน หรือทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ หรือมีความเสี่ยง เพราะกลัวว่าจะลำบาก หรือ จะทำได้ไม่ดีหากก้าวออกไปทำในสิ่งใหม่ๆ
ความน่ากลัวของ Comfort Zone ก็คือ การที่มันจะทำให้เราสบายจนชิน เมื่อชินแล้วก็จะเริ่มกลายเป็นความเฉื่อยชา ความขี้เกียจ ทำให้เราไม่พัฒนาตัวเอง ไม่คิดอะไรใหม่ ไม่ทำอะไรใหม่ หยุดอยู่กับที่ หลายๆองค์กรอยู่ใน Comfort zone จนเคยชิน พอวันนึงมีคู่แข่งที่ทำอะไรใหม่ๆในตลาด หรือ สถานการณ์ในโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไป องค์กรนั้นๆก็อาจจะเจอกับวิกฤติที่อาจจะถึงขั้นล้มละลายได้ ซึ่งปกติองค์กรที่จะเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ คือ องค์กรที่เริ่มสร้างตัวมาได้สักระยะ เริ่มประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีการปรับตัวหรือพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป เช่น บริษัท Nokia, Blackberry ที่ปัจจุบันโดน Takeover กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่การที่เราจะก้าวออกไปนอก Comfort zone นั้นก็ไม่ง่ายนัก เพราะภายนอกความสบาย เราจะต้องเจอกับความลำบาก ความไม่เคยชิน และ เจอกับอุปสรรคอีกนานานัปการ แต่ความสำเร็จต่างๆ มักจะอยู่ตรงนั้น ซึ่งถ้าเราไม่ก้าวออกจากพื้นที่ Comfort zone เราก็ไม่มีทางที่จะพบกับความสำเร็จอย่างแน่นอน
ปรัชญาทางตะวันตก จะมีคำพูดอยู่ว่า “Life Begins at the End of you Comfort Zone” ซึ่งแปลว่า การใช้ชีวิตจริงๆนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มก้าวออกจากเขต comfort zone ของคุณ
ลองคิดๆดูนะครับ ว่าทุกวันนี้ คุณอยู่ใน Comfort zone ของคุณนานเกินไปหรือยัง ถ้านานเกินไปแล้ว ก็เตรียมออกไปหาความท้าทายใหม่ๆในโลกกว้างกันเถอะครับ อาจจะเริ่มจากสิ่งใกล้ๆตัวคุณก่อน เช่น จะไม่นอนตื่นสาย, จะออกกำลังกายทุกวัน, จะอ่านหนังสือให้มากขึ้น หรือ จะให้เวลาครอบครัวให้มากขึ้น เมื่อเริ่มจากก้าวเล็กๆได้ ค่อยวางแผนในการทำงาน และ ธุรกิจต่อไปครับ เช่น หาความรู้ในการทำงานให้มากขึ้น เพื่อความก้าวหน้าในการทำงานในฐานะลูกจ้าง หรือ หากต้องการจะเริ่มธุรกิจอะไรใหม่ๆของตัวเอง ก็เริ่มเลยครับลงมือทำ โดยการทำควบคู่ไปกับงานเดิม เราอาจจะเหนื่อยมากขึ้น มีปัญหามาให้เกิดความท้าทายมากขึ้น แต่ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนครับ
ที่มา: YES Club
http://goo.gl/NefxJL