ปัจจุบันผมเป็นผู้บริหาร ไนน์ทีน สกรีน
ธุรกิจเกี่ยวกับ เสื้อยืดขายส่ง สกรีนเสื้อ และเป็นเจ้าของโรงสกรีนขนาด 200 หัว
มูลค่ายอดขายปีล่าสุดธันวาคม 58 อยู่ที่ 5.3ล้านบาท
ผมเคยลงเรื่องราวแล้วครั้งนึง แต่ไปโพสกระทู้เรื่องต่างๆเรื่อยๆแล้วทำผิดกฎโดนแบนทันที
เลยเขียนขึ้นมาใหม่ครับ เพราะน้องในเพจเรียกร้องและอยากอ่านอีก
รวยมาแต่แรกหรือเปล่า
หลายคนคงคิดว่า ผมรวยอยู่แล้ว หรือพ่อแม่มีฐานะดีอยู่แล้ว เอาจริงๆไม่มีความใกล้เคียงเลยซักนิด
ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน บ้านไม่มีจะอยู่ พ่อปั่นสามล้อ แม่ก็ดูแลบ้าน อยู่บ้านญาติๆขออยู่ด้วย พอสิ้นเดือนเขาก็ถามเอาค่าน้ำค่าไฟ แม่บอกเงินแค่จะกินยังไม่พอ เงินซื้อไม้ขีดไฟก็ยังไม่มี เขาไม่เห็นใจ สุดท้ายก็โดนไล่หนี พ่อแม่ก็ระหกระเหเร่ร่อน ไปอยู่กับญาติคนอื่นต่อไป ตามที่นึกได้จะไปพักพิง
ก่อนหน้าผมจะเกิด แม่ทำแท้งมาแล้ว2คน ในขณะที่ผมอยู่ในท้องแม่ก็ทำแท้งโดยการกินยาขับเลือด เพียงเพราะลำพังจะเลี้ยงตัวเองก็ไม่พอ ถ้ามีลูกคงลำบากแน่ แต่ผมไม่ตายเหมือน2คนแรก เมื่อรู้ว่าไม่ตาย ก็เลยอุ้มท้องต่อไป จนถึงวันคลอด แม่ก็กังวลใจ กลัวลูกจะพิการหรือเปล่า จะเป็นไรมากไหม ที่กินยาขับเลือดตอนรู้ว่าท้อง ปรากฏว่าปรกติครับ แข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป เลยเป็นลูกชายคนโต
ก่อนเริ่มทำกิจการนี้ เรื่องเป็นมายังไง
ผมจบ ป.ตรี มหามกุฏมา บวชเรียนและสึกมาเรียนปีสุดท้าย จบในคาบฆาราวาสครับ
สาเหตุที่ผมบวชเรียนที่นี้เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนมหาลัยอื่น ทั้งค่าเช่าหอและกินอยู่อีก
ถ้าจะเรียนที่อื่นก็ต้องกู้ผมเลยไม่กู้ดีกว่า ถ้าบวชเรียนแล้วแทบไม่ต้องเสียเงิน
พอปีสุดท้าย ก็สึกออกมาเรียนในคราบฆราวาส อุปฐากพระอาจารย์ กินข้าวก้นบาตรครับ นอนวัด
พอท่านไปธุดงค์ ไปภาวนาตามป่าเขา
รูปตอนบวชเรียนด้วยครับ
ผมก็ทำไส้กรอกช่วยแม่ กำไลวันละ 200 บาท
แต่พออยู่ได้เพราะพ่อพึ่งบวชได้ เดือนกว่าก่อนแม่ทำไส้กรอก ก็ตามสูตรเดิมข้าวก้นบาตรบ้าง ถ้าเหลือ
บ้างที่ไม่เหลือ แต่อยู่แบบไม่ค่อยพอกิน ดีหน่อยตรงคนรู้จัก สีข้าวมาให้เป็นกระสอบเลยไม่ต้องเสียค่าข้าว
เสียแต่ค่ากับข้าว ก็ว่างงานอยู่นานสมัครก็หลายที่ แต่ในใจอยากจะเป็นนักธุรกิจอย่างเดียวครับ ไม่อยากเป็นพนักงาน
ตอนนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
ชอบเรื่องธุรกิจ กับศิลปะมากกว่า
ก่อนหน้านี้ผมชอบอ่านหนังสือแนวการลงทุนกับจิตวิทยาความสำเร็จมากกว่า 100 เล่ม
ต่อๆเลือกอาชีพเกี่ยวศิลปะ เยอะมากครับ แกะสลักไม้ ทองเหลือง ทำกรอบรูป วาดภาพ งานทองเหลืองทำพระหรือของใช้ และสกรีน ฯลฯ เยอะมาก ผมก็เลือกว่าอะไรเรียน สั้นที่สุดแล้วทำได้เลย สกรีนครับวันเดียว
ที่เรียนฟรีก็ต้องศูนย์ฝึกอาชีพครับ (ศูนย์ฝึกอาชีพมีให้เลือกเยอะมาก ใครอยากมีอาชีพแนะนำครับ มีทั่วประเทศด้วยครับ) เพิ่มเติมครับศูนย์ฝึกอาชีพนี้ ถ้าชอบทำขนม ก็มีเบเกอรี่ครับ ของหวาน ชอบรักษาคนก็มีนวด สมุนไพร ตัดผม บลาๆๆๆเยอะมาก
นำมาเป็นอาชีพได้ ถ้าใครว่างงานอยู่ครับ ที่สำคัญย้ำอีกฟรีหรือไม่ก็ค่าเรียนถูกมาก
หลังจากไปเรียนสกรีน
แต่ก็ไม่มีเงินเปิดโรงสกรีนเหมือนเดิมทั้งค่าเช่าที่ อุปกรณ์ต่างๆนี้เกือบแสน ยิ่งร้านเสื้อยิ่งแล้วใหญ่ทั้งคนตัดเสื้อ
ทั้งสต๊อกเสื้ออันนี้เป็นล้านเลย ถึงไม่มีตังค์ก็ไม่ยอมหรอกนะ
คิดหาวิธีว่าทำอย่างไรจะคลุกคลีกับงานแบบนี้
ก็เลยเปิดแฟนเพจ(Fan Page)ของเฟสบุ๊ค(Face book) ในวันที่ 9 มกราคม 58ที่แล้วมา
รับเสื้อจากโกดังเขามาขาย ส่วนสกรีนโกดังเขาก็มีสกรีนด้วย
ขอเป็นเปอร์เซ็นแบบเซลล์ขายของ ถ้าเสื้อเปล่าได้ 5 % ถ้าสกรีนได้ สีละบาท
เงินโฆษณาต้องใช้บัตรเครดิต บัตรเคดิตก็ไม่มีอีก ก็ยืมครับ ยืมคนรู้จัก
คิดว่าถ้าขายไม่ได้ ขายไม่ดี ก็จะไปทำงานเอา แล้วเอาเงินนั้นมาใช้ให้
ก็มีลูกค้าจากเพจเรื่อยๆครับ
พอมีเงินส่วนนึงเก็บไว้กิน ส่วนนึงเอาลงทุนเพิ่ม เช่นได้กำไร 200บาท 100เอาไว้กิน ส่วน100เอาไว้โฆษณาเพิ่ม
เพิ่มเรื่อยๆ เพิ่มทุกวัน ยิ่งโฆษณาเพิ่มลูกค้าก็เพิ่ม กำไลก็มากขึ้นเรื่อย
จากหลักร้อยค่อยๆขยายเป็นหลักพันในเดือนแรกๆ เมื่อเงินมากก็โฆษณาหนักขึ้น
ยอดขึ้นเป็นหลักหมื่น หลังจากนั้นก็หาร้านผ้าที่ถูกกว่าเนื้อผ้าก็ดีด้วย ก็หาได้และได้กำไรมากขึ้น
ส่วนร้านสกรีนก็หาร้านใหม่ได้กำไรเพิ่มอีกเป็นสีละ 5 เลยครับ
ลอตใหญ่เข้าต้องการ1,000ตัว ไอ้เรานี้ได้ยินแค่นั้น เหมือนโดนสตั้นไป5วิ(อึ้ง)
เขาให้สกรีนลายยากมาก ผมหาร้านสกรีนที่ทำได้ ซึ่งลายมันยาก ก็ปรากฏว่าคิวเขาเต็มครับหมด
คิดในใจว่าเออช่องว่างในตลาดเรื่องนี้ยังว่างเยอะนี้ว้า
สุดท้ายเขาก็ไม่เอาเพราะเปลี่ยนนั้นๆนี้ๆบ่อย แก้แบบไม่จบ เนื้อผ้าได้แบบนึ่งจะเอาแบบนึง
แต่ได้กำลังใจมาก เราโฆษณามากขึ้นเราถึงเจอเจ้าใหญ่
งั้นเราต้องเพิ่มการตลาดการโฆษณา ให้ผู้คนเห็นมากๆ
ต่อมาไม่นานครับ ครึ่งเดือนเห็นจะได้ ลูกค้าต้องการ2,000ตัวขอดูโรงงาน(เจ้าเขาคิชกุฏจันทบุรี)
ซึ่งผมไม่มีโรงงาน แต่ก็มีติดต่อกับเจ้าของโรงงานเขาไปแล้ว เคยตกลงกับเจ้าของโรงงานว่า
ถ้าคนขอดูโรงงานจะพาเขาไปนะ เขาก็โอเค(เหมือนเซลล์ขายรถอะไรประมาณนั้น) พอตกลงกันได้มัดจำกันและทำเสร็จแบ่งเปอร์เซ็น เท่านั้นละได้เงินก้อน ลูกค้าก็เชื่อมั่นในเพจผมมากขึ้นเรื่อยๆว่าส่งจริง เงินเริ่มมากขึ้นก็ทำโรงสกรีนเล็กขึ้นมาขนาด 24 หัว
เมื่อทำโรงสกรีนเองก็ได้กำไรมากขึ้นอีกครับ แต่เหนื่อยมากเช่นกัน ได้เป็นโรงสกรีน
เดือนเมษครับเช่าสถานที่ด้วยคือห้องแถว 5,000ต่อเดือน ช่วงเดือนมีนายอดถึงแสนละครับ
พอเมษาสงการณ์เป็น 2แสนกว่าครับยอด
รูปตอนทำโรงสกรีนเล็กๆ และเช่าห้องแถวอยู่
จนเดือนกันยายน มีเงินมากขึ้น คิดใหญ่เป็นทุนเดิม
ก็ไปหาที่เช่าโกดัง จะสร้างให้ใหญ่เพื่อเพียงพอต่อลูกค้า ที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย และขยายโต๊ะสกรีนทุกวัน
โดยรับช่างเชื่อมมาประจำ ของซื้อเขาโกดังทุกวันขยายทุกวันทั้งเหล็ก บอร์ดสำหรับโต๊ะสกรีนและอุปกรณ์สกรีนเพิ่มเรื่อย
และตอนนี้ก็ขายเต็มโกดังแล้วครับจำนวน 200 หัวครับ
ใหญ่กว่าที่ร้านเคยรับมาตอนแรกถึง 5 เท่าครับ(เขามี40หัว)
และยอดเดือนสุดท้ายก่อนมาแชร์ความรู้และประสบการณ์อยู่ที่ 734,000บาทครับ(เดือนธันวา58)
รูปโรงสกรีนขนาด 200หัว ในปัจจุบัน
ตอนนี้กำลังจะลงเครื่องจักรสกรีนเจ้าแรกในภาคอีสานในเดือน มกราคม 60ละครับ กำลังการผลิตผมจะมากที่สุดในระดับภาคแล้วครับ และอีก3ปี ผมตั้งเป้าจะเป็นระดับ Top3ของไทยครับ เพราะต่อยอดอย่างรวดเร็วและรอบครอบ
หลวงพ่อมาเยี่ยม ที่โกดัง
และตอนนี้ผมก็เปิดเพจให้ความรู้เรื่องธุรกิจ ตามลิ้งค์ข้างล่างครับ
จบละครับ สวัสดี
https://www.facebook.com/Phrommarachin/
จากเด็กวัด บวชเรียนไม่มีทุน สู่เจ้าของกิจการ 5.3ล้านในหนึ่งปี
ธุรกิจเกี่ยวกับ เสื้อยืดขายส่ง สกรีนเสื้อ และเป็นเจ้าของโรงสกรีนขนาด 200 หัว
มูลค่ายอดขายปีล่าสุดธันวาคม 58 อยู่ที่ 5.3ล้านบาท
ผมเคยลงเรื่องราวแล้วครั้งนึง แต่ไปโพสกระทู้เรื่องต่างๆเรื่อยๆแล้วทำผิดกฎโดนแบนทันที
เลยเขียนขึ้นมาใหม่ครับ เพราะน้องในเพจเรียกร้องและอยากอ่านอีก
รวยมาแต่แรกหรือเปล่า
หลายคนคงคิดว่า ผมรวยอยู่แล้ว หรือพ่อแม่มีฐานะดีอยู่แล้ว เอาจริงๆไม่มีความใกล้เคียงเลยซักนิด
ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน บ้านไม่มีจะอยู่ พ่อปั่นสามล้อ แม่ก็ดูแลบ้าน อยู่บ้านญาติๆขออยู่ด้วย พอสิ้นเดือนเขาก็ถามเอาค่าน้ำค่าไฟ แม่บอกเงินแค่จะกินยังไม่พอ เงินซื้อไม้ขีดไฟก็ยังไม่มี เขาไม่เห็นใจ สุดท้ายก็โดนไล่หนี พ่อแม่ก็ระหกระเหเร่ร่อน ไปอยู่กับญาติคนอื่นต่อไป ตามที่นึกได้จะไปพักพิง
ก่อนหน้าผมจะเกิด แม่ทำแท้งมาแล้ว2คน ในขณะที่ผมอยู่ในท้องแม่ก็ทำแท้งโดยการกินยาขับเลือด เพียงเพราะลำพังจะเลี้ยงตัวเองก็ไม่พอ ถ้ามีลูกคงลำบากแน่ แต่ผมไม่ตายเหมือน2คนแรก เมื่อรู้ว่าไม่ตาย ก็เลยอุ้มท้องต่อไป จนถึงวันคลอด แม่ก็กังวลใจ กลัวลูกจะพิการหรือเปล่า จะเป็นไรมากไหม ที่กินยาขับเลือดตอนรู้ว่าท้อง ปรากฏว่าปรกติครับ แข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป เลยเป็นลูกชายคนโต
ก่อนเริ่มทำกิจการนี้ เรื่องเป็นมายังไง
ผมจบ ป.ตรี มหามกุฏมา บวชเรียนและสึกมาเรียนปีสุดท้าย จบในคาบฆาราวาสครับ
สาเหตุที่ผมบวชเรียนที่นี้เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนมหาลัยอื่น ทั้งค่าเช่าหอและกินอยู่อีก
ถ้าจะเรียนที่อื่นก็ต้องกู้ผมเลยไม่กู้ดีกว่า ถ้าบวชเรียนแล้วแทบไม่ต้องเสียเงิน
พอปีสุดท้าย ก็สึกออกมาเรียนในคราบฆราวาส อุปฐากพระอาจารย์ กินข้าวก้นบาตรครับ นอนวัด
พอท่านไปธุดงค์ ไปภาวนาตามป่าเขา
รูปตอนบวชเรียนด้วยครับ
ผมก็ทำไส้กรอกช่วยแม่ กำไลวันละ 200 บาท
แต่พออยู่ได้เพราะพ่อพึ่งบวชได้ เดือนกว่าก่อนแม่ทำไส้กรอก ก็ตามสูตรเดิมข้าวก้นบาตรบ้าง ถ้าเหลือ
บ้างที่ไม่เหลือ แต่อยู่แบบไม่ค่อยพอกิน ดีหน่อยตรงคนรู้จัก สีข้าวมาให้เป็นกระสอบเลยไม่ต้องเสียค่าข้าว
เสียแต่ค่ากับข้าว ก็ว่างงานอยู่นานสมัครก็หลายที่ แต่ในใจอยากจะเป็นนักธุรกิจอย่างเดียวครับ ไม่อยากเป็นพนักงาน
ตอนนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
ชอบเรื่องธุรกิจ กับศิลปะมากกว่า
ก่อนหน้านี้ผมชอบอ่านหนังสือแนวการลงทุนกับจิตวิทยาความสำเร็จมากกว่า 100 เล่ม
ต่อๆเลือกอาชีพเกี่ยวศิลปะ เยอะมากครับ แกะสลักไม้ ทองเหลือง ทำกรอบรูป วาดภาพ งานทองเหลืองทำพระหรือของใช้ และสกรีน ฯลฯ เยอะมาก ผมก็เลือกว่าอะไรเรียน สั้นที่สุดแล้วทำได้เลย สกรีนครับวันเดียว
ที่เรียนฟรีก็ต้องศูนย์ฝึกอาชีพครับ (ศูนย์ฝึกอาชีพมีให้เลือกเยอะมาก ใครอยากมีอาชีพแนะนำครับ มีทั่วประเทศด้วยครับ) เพิ่มเติมครับศูนย์ฝึกอาชีพนี้ ถ้าชอบทำขนม ก็มีเบเกอรี่ครับ ของหวาน ชอบรักษาคนก็มีนวด สมุนไพร ตัดผม บลาๆๆๆเยอะมาก
นำมาเป็นอาชีพได้ ถ้าใครว่างงานอยู่ครับ ที่สำคัญย้ำอีกฟรีหรือไม่ก็ค่าเรียนถูกมาก
หลังจากไปเรียนสกรีน
แต่ก็ไม่มีเงินเปิดโรงสกรีนเหมือนเดิมทั้งค่าเช่าที่ อุปกรณ์ต่างๆนี้เกือบแสน ยิ่งร้านเสื้อยิ่งแล้วใหญ่ทั้งคนตัดเสื้อ
ทั้งสต๊อกเสื้ออันนี้เป็นล้านเลย ถึงไม่มีตังค์ก็ไม่ยอมหรอกนะ
คิดหาวิธีว่าทำอย่างไรจะคลุกคลีกับงานแบบนี้
ก็เลยเปิดแฟนเพจ(Fan Page)ของเฟสบุ๊ค(Face book) ในวันที่ 9 มกราคม 58ที่แล้วมา
รับเสื้อจากโกดังเขามาขาย ส่วนสกรีนโกดังเขาก็มีสกรีนด้วย
ขอเป็นเปอร์เซ็นแบบเซลล์ขายของ ถ้าเสื้อเปล่าได้ 5 % ถ้าสกรีนได้ สีละบาท
เงินโฆษณาต้องใช้บัตรเครดิต บัตรเคดิตก็ไม่มีอีก ก็ยืมครับ ยืมคนรู้จัก
คิดว่าถ้าขายไม่ได้ ขายไม่ดี ก็จะไปทำงานเอา แล้วเอาเงินนั้นมาใช้ให้
ก็มีลูกค้าจากเพจเรื่อยๆครับ
พอมีเงินส่วนนึงเก็บไว้กิน ส่วนนึงเอาลงทุนเพิ่ม เช่นได้กำไร 200บาท 100เอาไว้กิน ส่วน100เอาไว้โฆษณาเพิ่ม
เพิ่มเรื่อยๆ เพิ่มทุกวัน ยิ่งโฆษณาเพิ่มลูกค้าก็เพิ่ม กำไลก็มากขึ้นเรื่อย
จากหลักร้อยค่อยๆขยายเป็นหลักพันในเดือนแรกๆ เมื่อเงินมากก็โฆษณาหนักขึ้น
ยอดขึ้นเป็นหลักหมื่น หลังจากนั้นก็หาร้านผ้าที่ถูกกว่าเนื้อผ้าก็ดีด้วย ก็หาได้และได้กำไรมากขึ้น
ส่วนร้านสกรีนก็หาร้านใหม่ได้กำไรเพิ่มอีกเป็นสีละ 5 เลยครับ
ลอตใหญ่เข้าต้องการ1,000ตัว ไอ้เรานี้ได้ยินแค่นั้น เหมือนโดนสตั้นไป5วิ(อึ้ง)
เขาให้สกรีนลายยากมาก ผมหาร้านสกรีนที่ทำได้ ซึ่งลายมันยาก ก็ปรากฏว่าคิวเขาเต็มครับหมด
คิดในใจว่าเออช่องว่างในตลาดเรื่องนี้ยังว่างเยอะนี้ว้า
สุดท้ายเขาก็ไม่เอาเพราะเปลี่ยนนั้นๆนี้ๆบ่อย แก้แบบไม่จบ เนื้อผ้าได้แบบนึ่งจะเอาแบบนึง
แต่ได้กำลังใจมาก เราโฆษณามากขึ้นเราถึงเจอเจ้าใหญ่
งั้นเราต้องเพิ่มการตลาดการโฆษณา ให้ผู้คนเห็นมากๆ
ต่อมาไม่นานครับ ครึ่งเดือนเห็นจะได้ ลูกค้าต้องการ2,000ตัวขอดูโรงงาน(เจ้าเขาคิชกุฏจันทบุรี)
ซึ่งผมไม่มีโรงงาน แต่ก็มีติดต่อกับเจ้าของโรงงานเขาไปแล้ว เคยตกลงกับเจ้าของโรงงานว่า
ถ้าคนขอดูโรงงานจะพาเขาไปนะ เขาก็โอเค(เหมือนเซลล์ขายรถอะไรประมาณนั้น) พอตกลงกันได้มัดจำกันและทำเสร็จแบ่งเปอร์เซ็น เท่านั้นละได้เงินก้อน ลูกค้าก็เชื่อมั่นในเพจผมมากขึ้นเรื่อยๆว่าส่งจริง เงินเริ่มมากขึ้นก็ทำโรงสกรีนเล็กขึ้นมาขนาด 24 หัว
เมื่อทำโรงสกรีนเองก็ได้กำไรมากขึ้นอีกครับ แต่เหนื่อยมากเช่นกัน ได้เป็นโรงสกรีน
เดือนเมษครับเช่าสถานที่ด้วยคือห้องแถว 5,000ต่อเดือน ช่วงเดือนมีนายอดถึงแสนละครับ
พอเมษาสงการณ์เป็น 2แสนกว่าครับยอด
รูปตอนทำโรงสกรีนเล็กๆ และเช่าห้องแถวอยู่
จนเดือนกันยายน มีเงินมากขึ้น คิดใหญ่เป็นทุนเดิม
ก็ไปหาที่เช่าโกดัง จะสร้างให้ใหญ่เพื่อเพียงพอต่อลูกค้า ที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย และขยายโต๊ะสกรีนทุกวัน
โดยรับช่างเชื่อมมาประจำ ของซื้อเขาโกดังทุกวันขยายทุกวันทั้งเหล็ก บอร์ดสำหรับโต๊ะสกรีนและอุปกรณ์สกรีนเพิ่มเรื่อย
และตอนนี้ก็ขายเต็มโกดังแล้วครับจำนวน 200 หัวครับ
ใหญ่กว่าที่ร้านเคยรับมาตอนแรกถึง 5 เท่าครับ(เขามี40หัว)
และยอดเดือนสุดท้ายก่อนมาแชร์ความรู้และประสบการณ์อยู่ที่ 734,000บาทครับ(เดือนธันวา58)
รูปโรงสกรีนขนาด 200หัว ในปัจจุบัน
ตอนนี้กำลังจะลงเครื่องจักรสกรีนเจ้าแรกในภาคอีสานในเดือน มกราคม 60ละครับ กำลังการผลิตผมจะมากที่สุดในระดับภาคแล้วครับ และอีก3ปี ผมตั้งเป้าจะเป็นระดับ Top3ของไทยครับ เพราะต่อยอดอย่างรวดเร็วและรอบครอบ
หลวงพ่อมาเยี่ยม ที่โกดัง
และตอนนี้ผมก็เปิดเพจให้ความรู้เรื่องธุรกิจ ตามลิ้งค์ข้างล่างครับ
จบละครับ สวัสดี
https://www.facebook.com/Phrommarachin/