คืนรถไปแล้วเพราะผ่อนไม่ไหว ต้องมารับผิดชอบส่วนต่างแถมดอกเบี้ยปรับขึ้นอีกทุกปี ปีล่ะ3-5%

ผมพึ่งเคยตั้งกระทู้ถาม เป็นครั้งที่ 2
เริ่มเลยดีกว่า
เมื่อประมาณเกือบ 3 ปีก่อน ผมได้ดาวน์รถมาผ่อน 1 คัน ราคา 280,000 ดาวน์ไป 3 หมื่นบาท เหลือยอดจัดประมาณ 250,000 บวกดอกเบี้ยของธนาคารจำไม่ได้ว่ากี่% แต่เบ็ดเสร็จ ผ่อนเดือนล่ะ 5,600 กว่านิดๆ ทั้งหมด 72 งวด ค่างวดรวมกันทั้งหมด 72 งวด ก็ตกราวๆประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งเป็นไฟแนนซ์ของทางธนาคารทิสโก้ ผ่อนมาได้ประมาณ ปีกว่าๆ ตอนนั้นเริ่มประสบปัญหาเงินไม่พอใช้ ภาระเริ่มเยอะขึ้น แต่ไม่เคยขาดส่งสักงวด เริ่มมีความคิดที่จะเอารถไปคืน เพราะกลัวจะค้างหลายงวด แต่ก็ยังจ่ายค่างวดปกติ จนสุดท้ายไม่ไหว ต้องปล่อยมือ (อ้อ ลืมบอก งวดสุดท้ายที่ไม่ไหว ผมจ่ายช้าไปจนเกือบจะทบกันเป็นสอง) แต่ผมเอารถไปคืนซะก่อน มันเลยเหมือนจะล่าช้าไปในงวดสุดท้าย
หลังจากผมเอารถไปคืน ได้ประมาณ 5-6 เดือน ก็มีจดหมายมาบอกว่า รถถูกประมูลขายทอดตลาดไปในราคา 2 แสนกว่าบาท ซึ่งยังทำให้ยอดเงินที่ผมยังค้างอยู่กับธนาคารอีก 3 แสนกว่าบาทนั้น เหลือส่วนต่างอีก ประมาณ 1 แสนกว่าบาทที่ผมต้องรับผิดชอบชดใช้คืนไป

   และล่าสุดเมื่อประมาณต้นเดือน ก็ได้มีเจ้าหน้าจากทางบริษัทไกลเกลี่ย โทรมาหาผมเค้าได้ยื่นข้อเสนอให้ผม 3 ข้อ ด้วยกัน
1. คุณต้องหาเงินมาจ่ายปิดยอดหนี้ของคุณเลยเป็นก้อน แล้วจะได้รับส่วนลด จากแสนกว่าบาท อาจเหลือสักแค่ 8-9 หมื่นบาท
(ซึ่งข้อนี้ตัดไปได้เลย ผมไม่มีปัญญาคืนแน่นอน ณ เวลานี้)

2. ให้เข้าไปที่ธนาคารแล้วทำเรื่องประนอมหนี้ โดยธนาคารจะยุติสัญญาทั้งหมดแล้วจะนำยอดหนี้ที่เหลือประลดหย่อนให้ แล้วหารด้วย 10-12 งวด ก็ตกงวดล่ะ 9000-10000 ต่องวด จนหมดครบสัญญาประนอมหนี้
(ขนาดค่างวดรถเดือนล่ะ 5,600 ผมยังกระท่อนกระแท่นจ่าย ก็คงตัดจบไปได้เลยในข้อนี้ คือไม่มีพอที่จะจ่ายแน่)

3. ชำระขั่นต่ำเดือน 2,000 บาท จ่ายไปเรื่อยๆโดยไม่มีสัญญาบอกว่ากี่ปีจึงจะหมด แถมดอกเบี้ยปรับขึ้นทุกปี ปีล่ะ3-5%
โดยส่วนตัวผมรู้ดีว่าหลังจากคืนรถไปแล้ว ผมจะโดนฟ้องขึ้นศาลเสียเวลา ลางานไปขึ้นศาล ไปธนาคารอยู่แล้วแน่นอน เพราะคิดว่าต้องโดนค่าส่วนต่างแน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่า จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาไกล่เกลี่ยก่อน ถ้ามองถึงตรงที่ว่าจ่ายตรงนี้ เรื่องจะได้ไม่ไปถึงศาล เราก็จะได้ไม่ต้องเสียงาน เสียเวลาไปขึ้นศาล ผมเลยคิดว่าข้อที่ 3 เนี่ย มันฟังดูเข้าท่าสุดๆแล้วแหละในขณะนี้ ที่กำลังทรัพย์ผมพอจะจ่ายไปได้ ซึ่งผมก็ได้ขอต่อรองจาก 2,000 บาทเหลือ 1,500 ต่องวด เจ้าหน้าที่เค้าก็แนะนำว่า ขอให้จ่ายอย่าขาดส่ง จะมากก็จะน้อยก็ส่งไปก่อน มันจะทำให้ทางธนาคารเห็นว่าเรายังเคลื่อนไหวในการผ่อนชำระหนี้
แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่โทรมา เค้าก็ไม่สามารถจะรับปากได้ 100% ว่าหลังจากนี้ที่ผมส่งไปเรื่อยๆแล้ว เกิดธนาคารเค้าจะฟ้องเราอีกหรือไม่ ก็ไม่อาจจะทราบได้เหมือนกัน

คำถามคือ
1 ผมไม่สามารถที่จะทำหนังสือหรือร่างสัญญาใหม่กับทางธนาคารได้เลยเหรอ ว่าถ้าผมยอมจ่ายกับธนาคารเดือนล่ะ 1,500 ไปเรื่อยๆแล้วระยะเวลากี่ปีถึงจะหมด ดอกเบี้ยขึ้นทุกปีอีกต่างหาก จ่ายไปเรื่อยๆลองมานั่งคิดดูแล้ว เงินที่ส่งไปเดือนล่ะ 1,500 เหมือนจะเป็นการส่งดอกซะมากกว่าเงินต้น

2 ผมสามารถเจรจากับทางธนาคารให้เขาลดยอดหนี้ทั้งหมดลงสักหน่อยได้มั้ย แล้วผมยินดีจะชำระให้ตามที่ผมไหวไปเรื่อยๆ หรือจะไม่ลดก็ได้แต่ช่วยบอกมาเลยว่ากี่งวดถึงจะหมด

3 หรือผมควรปล่อยให้เรื่องถึงศาลแล้วให้ศาลช่วยไกล่เกลี่ย ให้มันช่วยเบาบางลงไปสักหน่อย

อีกสองเดือนลูกสาวผมจะลืมตามาดูโลกแล้ว ผมก็รู้ว่าต้องมีภาระเพิ่มอีกแน่ๆ แต่ผมก็จะกัดฟันทน ปลดหนี้ให้หมดให้ได้ ตอนนี้แค่ต้องการทางออกจากธนาคารให้ชัดเจนแค่นั้นแล้วผมก็ไม่ได้มีเจตนาจะเบี้ยวหนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมรู้ตัวว่าผมไม่ไหว ผมก็เอารถไปคืน
มีใครพอช่วยแนะนำผมหน่อยได้มั้ยครับ ขอบคุณเอาไว้ ล่วงหน้าเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่