ในฝั่งฝัน (บทที่ 2 - บทที่ 3)

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะที่อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณ คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ถวิลหาถนนสายฝัน (ขอบคุณที่ซื้ออีบุ๊กค่ะ), น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ เกสรผกา, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ PuPaKae, คุณ สมาชิกหมายเลข 3415748, คุณ สายป่านสีชมพู, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, คุณ มานีโอลา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณริมแม่โขง
หายไป 1 ชื่อ ไม่ทราบใคร ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ

บทแรก - บทที่ 1  http://ppantip.com/topic/35638204



บทที่ 2



    สาวน้อยคนนั้นส่งยิ้มมาให้แต่ไกล แรกๆ กริชไม่แน่ใจว่าหล่อนยิ้มให้ใคร จึงได้หลบเสีย แสร้งเหลียวหลังไปทางลูกสาวคนเล็กของนายอำเภออรุณซึ่งเดินตามมาพร้อมสุชัย ทั้งคู่กำลังคุยกันด้วยภาษามือเกี่ยวกับอะไรบางอย่างดูวุ่นวายไปหมด

    "ผักเจ้านี้พี่ว่าสดดีนะอำไพ"

    จริงๆ แล้วไม่รู้หรอกว่าผักสดหรือไม่สดเป็นอย่างไร ตอนนี้เพียงอยากกลบเกลื่อนความขัดเขินที่มีผู้หญิงยิ้มให้เท่านั้นเอง

    อำไพเห็นด้วย ส่งสัญญาณมือกับชายหนุ่มซึ่งเดินมาข้างๆ เป็นเชิงบอกว่าจะหยุดตรงนี้ก่อน แล้วหล่อนก็ลงนั่งยองๆ หยิบตำลึงซึ่งมัดไว้ในห่อใบตองมาพิจารณา

สุชัยลงนั่งข้างๆ ในท่าเดียวกัน

    กริชชายตากลับไปทางเดิม เห็นว่าหล่อนยังคงมองเขาอยู่ พอตาสบกันก็ยิ้มให้อีก แถมคราวนี้ยังโบกมือทักทายร่วมด้วย เห็นหล่อนเข้าคว้าแขนผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งกำลังทำท่าจะทรุดลงนั่ง แล้วกระซิบกระซาบบอกอะไรบางอย่าง ผู้หญิงคนนั้นหันมาทางเขา กริชพนมมือไหว้ด้วยแน่ใจว่าหล่อนคือภรรยารองของเจ้าคุณพิชัยบุรี…อดีตสมุหเทศาภิบาลของมณฑลนี้ และคงเป็นมารดาของสาวน้อยผู้มีนามไพเราะว่านวลพรรณนั่นเอง ไม่แปลกใจสักเท่าไรนักที่เห็นแม่ลูกมาจ่ายตลาดกันตามลำพังเช่นนี้ ตลาดนัดวันเสาร์เป็นที่นิยมขนาดทุกคนที่มาพักแถวนี้จะพลาดไม่ได้

    ว่าไปแล้วตลาดนัดวันเสาร์คือสันทนาการเพียงอย่างเดียวของชะอำ จึงเป็นที่รวมของครอบครัวขุนน้ำขุนนางซึ่งมาสร้างเรือนพักร้อนไว้ที่นี่ แม้แต่พระนางเธอลักษมีลาวัณและเจ้านายบางพระองค์ก็ยังเคยเสด็จดำเนินตลาดนัดนี้พร้อมด้วยบรรดาข้าหลวงเป็นขบวนเลยทีเดียว ความนิยมของตลาดนัดชะอำแพร่กระจายไปถึงพระนคร  ชาวกรุงซึ่งมาพักร้อนกันที่หัวหินทุกคนต้องมาตลาดนัดชะอำอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง

    เมื่อเห็นสาวน้อยคนนั้นครั้งแรกบนที่ว่าการอำเภอ กริชว่าหล่อนล้ำยุคแล้ว มาเห็นคราวนี้ยิ่งแน่ใจ  ก็จะมีผู้หญิงสาวๆ สักกี่คนกันที่กล้าสวมกางเกงแพรสีน้ำเงินแบบที่ผู้ชายนิยมสวมใส่มาเดินตลาดอย่างนี้ อย่าว่าแต่หญิงสาวชาวบ้านแถวนี้เลย สาวๆ จากเมืองกรุงส่วนใหญ่ที่เขาเคยเห็นก็ยังไม่กล้า
แต่น่าแปลกที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่ขัดตาแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะอากัปกิริยาร่าเริงและเชื่อมั่นในตัวเองนั่นอย่างแน่นอน

    กริชยิ้มตอบทั้งแม่และลูกพร้อมกัน แต่คงเป็นยิ้มที่จืดเจื่อนเต็มที ความสนใจกลับมาที่ลูกสาวนายอำเภออรุณอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแจ๋วๆ พูดกับใครเขาก็ไม่แน่ใจ

    "แม่อยากกินแกงขี้เหล็กมาหลายวันแล้ว"

    ชายหนุ่มลดสายตาลงดู เห็นหล่อนหยิบใบขี้เหล็กซึ่งห่อไว้กับใบตองเป็นห่อใหญ่ขึ้นมาดู พอเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่ก้มลงมองก็ชี้ไปที่แตงโมผลใหญ่

    "แตงนี่ก็สวย พี่กริชชอบแกงส้มเปลือกแตงโม ให้ชัยกินแตงก็แล้วกัน เปลือกจะได้ทำแกงส้มให้พี่"

    นายธรรมการหนุ่มจึงลงนั่งบ้าง ในช่วงเวลาสองปีที่กริชและสุชัยย้ายมาอยู่ที่นี่ อำไพสนิทสนมกับทั้งเขาและเด็กหนุ่มผู้ซึ่งเขาแนะนำกับใครๆ ว่าเป็นน้องชาย สนิทราวเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา หล่อนนับถือเขาอย่างพี่ชาย และนับเอาสุชัยเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่มี เหตุก็เพราะอำไพมีปัญหาทางสายตา มองอะไรแทบไม่เห็น ต้องพึ่งแว่นหนาเตอะ พ่อแม่จึงเป็นห่วงมากกว่าลูกสาวอีกคน

นับแต่เรียนจบมัธยมต้นอำไพถูกเก็บตัวให้อยู่แต่ในบ้าน จึงคุ้นเคยกับชีวิตเช่นนั้น คุ้นเคยจนถึงขั้นไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนมาไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องไปคนเดียว พอมีสุชัยมาอยู่บ้านหลังข้างเคียง ความพิการของเด็กหนุ่มทำให้ทั้งคู่เข้ากันได้ดีในเมื่อเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันเช่นนี้

    นายอำเภออรุณและคุณนายนุ่มผู้ภรรยานั้นไม่มีบุตรชาย เมื่อเห็นว่ากริชและสุชัยมีกิริยามารยาทเรียบร้อย มีสัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ก็เอ็นดูและแทบจะรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเลยทีเดียว ทั้งคู่ไม่กีดกันเมื่อสุชัยและอำไพสนิทสนมกัน ด้วยเห็นว่าความใกล้ชิดนั้นอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ทั้งยังมีกริชคอยควบคุมดูแลอยู่อีกคน ว่าไปแล้วทั้งคู่พอใจเสียด้วยซ้ำที่ลูกสาวมีเพื่อนผู้รู้ใจ

    กริชรวบรวมความสนใจทั้งหมดไปอยู่เสียที่ผักผลไม้ซึ่งวางกองอยู่ตรงหน้า ราวทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไม่สำคัญไปกว่านั้นอีกแล้ว

หากเพียงไม่นานก็เห็นอะไรบางอย่างกระจ่างตาวาบเข้ามา จึงเหลียวหลังไปดู แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

สาวน้อยในชุดกางเกงแพรเลี่ยน เสื้อสีนวล มีจีบระบายที่คอและปลายแขน กำลังยืนแกว่งตัวไปมาสองมือไพล่อยู่ข้างหลัง ริมฝีปากอิ่มเต็มเหยียดยิ้มสดใส

    ชายหนุ่มพรวดพราดลุกยืน พาเอาสุชัยและอำไพลุกตาม ต่างคนต่างยืนเรียบร้อย ตัวตรงแหนว เหมือนกำลังรายงานตัวต่อหน้าคนใหญ่คนโตอย่างไรก็อย่างนั้น

    "คุณนวล..." กริชกระอึกกระอักชื่อสาวน้อยตามที่ได้ยินเมื่อวันก่อน ก็ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เรียกชื่อนั้น "มาซื้อของหรือครับ"

    ออกปากถามไปแล้วชายหนุ่มอยากเตะตัวเอง ก็เห็นๆ อยู่ว่าหล่อนกับมารดากำลังทำอะไร

    นายธรรมการหนุ่มผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อสาวน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ตกใจด้วยคาดไม่ถึงที่ลูกสาวข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะแสดงความเคารพก่อนเช่นนี้ พอตั้งสติได้ก็รับไหว้แทบไม่ทัน หันมองไปทางผู้หญิงกลางคนซึ่งพอเดาได้ว่าเป็นมารดาของหล่อน เห็นว่ากำลังส่งห่อของให้ผู้หญิงสูงวัยนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลมแขนกระบอก ท่าทางเหมือนบ่าว แล้วกลับลงนั่งยองๆ เลือกพุทราจากแม่ค้าคนเดิม

    "แม่ให้มาชวนคุณธรรมการกับ..." นวลพรรณมองเลยมาทางสุชัยซึ่งยืนหน้าตาตื่นอยู่ข้างหลัง

    เพียงแค่นั้นกริชก็เข้าใจ

    "...คืนนี้เราจะเผาข้าวหลามกันที่ชายหาดหลังบ้านค่ะ"

    หล่อนมองเลยไปทางอำไพ ไม่แน่ใจว่าควรนับญาติอย่างไรดีเมื่อกะประมาณอายุดูก็รู้ว่าอยู่ในวัยเดียวกัน เดาไม่ออกว่าใครแก่กว่ากันแน่ แต่ก็เอ่ยปากชวนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

    "พี่ด้วยนะคะ"

    กริชกลืนน้ำลายอย่างลำบากยากเย็น จำไม่ได้ว่าตกปากรับคำหรือไม่ก่อนที่หล่อนจะยิ้มอ่อนหวานให้อีกครั้งแล้วผละกลับไปหามารดา พอหันมาทางอำไพก็เห็นยืนอ้าปากค้าง นัยน์ตาหลังแว่นสายตาหนาเตอะซึ่งปกติก็โตอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งเบิ่งกว้างขึ้นอีกสองเท่า ส่วนสุชัยนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้นเพราะไม่ได้ยินที่หญิงสาวพูดเมื่อครู่ จึงได้แต่มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที

    การเผาข้าวหลามเป็นกิจกรรมยอดนิยมซึ่งชาวกรุงนำมาเผยแพร่ที่เมืองชายทะเลอย่างชะอำ บางบ้านถ้ามีแขกมาร่วมหลายคนก็ไม่เพียงแต่เผาข้าวหลามอย่างเดียว ยังมีการหันหมูหรือเผากุ้งปูปลาร่วมด้วย  

    กริชไม่เคยสนใจจะไปงานริมหาดลักษณะนั้นมาก่อน ไม่เพียงไม่สนใจ ยังไม่เคยคิดอยากไปร่วมด้วยสักครั้ง กิจกรรมที่เคยทำร่วมกับชาวบ้านอย่างมากที่สุดก็คือเอาอาหารซึ่งคุณนุ่ม...แม่ของอำไพเป็นคนทำให้ ไปร่วมงานทำบุญบ้านโน้นบ้านนี้เท่านั้นเอง และที่ผ่านมาก็เป็นแบบรู้ๆ กันว่าวันไหนบ้านใครจะทำบุญ อยากไปร่วมด้วยก็ไปกันเอง ไม่ต้องคอยให้มีใครเชิญ

เมื่อครั้งที่มารับงานที่นี่ใหม่ๆ นายอำเภออรุณคะยั้นคะยอให้ไปร่วมงานกับชาวบ้านบ่อยๆ เพื่อทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้คนในท้องที่ หากพอปีแรกผ่านไปก็ค่อยๆ ซาลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่ได้ไปงานบ้านใครอีกเลย เย็นลงพอเลิกงานก็กลับบ้านพักอ่านหนังสือจนมืดจนค่ำ รวมทั้งใช้เวลาอยู่ตามลำพังเพื่อฝันถึงใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลห่าง

    ด้วยเหตุนั้นเมื่อถูกเชิญอย่างซึ่งๆ หน้าจึงตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรดี จนต้องมาปรึกษานายอำเภอผู้ซึ่งเขาเอาเป็นคนชี้นำการใช้ชีวิตที่นี่ในทุกด้านมาแต่ต้น

    "ไปเถอะพ่อกริช ท่านสมุฯจะได้หางานให้สุชัยอย่างไรเล่า ถึงท่านจะเกษียณไปแล้ว แต่ท่านยังมีอิทธิพลอยู่มากนา ก็ดูเอาเถอะแม้แต่เจ้าคุณสุรพันธ์ฯท่านยังเกรงใจ" แกหมายถึงเจ้าของบ้านซึ่งครอบครัวนั้นมาใช้เป็นที่พักชั่วคราว

    ประโยคที่สองเพียงประโยคเดียวเท่านั้นแหละที่ทำให้กริชตัดสินใจได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่