ในฝั่งฝัน (บทนำ - บทที่ 1)

ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่อง บันทึกคุณหญิงไอรีน ไว้ที่นี่ก่อนเริ่มเรื่องนี้นะคะ

คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, จารย์จี GTW, คุณ ออมอำพัน, น้องดาว Lady Star 919, คุณ High-functioning sociopath, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ สมาชิกหมายเลข 3415748, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณ nasa nasa, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ ravio, คุณ ลายลิขิต, คุณริมแม่โขง, คุณ เปรียว sixtyone, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณกระรอกเมือง, คุณ CAN LIVE, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ วราภรณ์ pink, คุณ กลูตาเมท, คุณ พาราพัฒน์, คุณ น้ำแข็งเกล็ด, Susisiri, คุณ มานีโอลา, น้องแพรว thezircon, คุณ นิตยา นิรันดร์รัก, น้องแพรว thezircon, คุณ แอม วิเชียรฉาย, ตกหล่นใครก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณนักอ่านเงาทุกคนด้วยค่ะ



ในฝั่งฝัน

บทนำ



    หญิงสาวในชุดซิ่นดำเสื้อแขนกระบอกสีเดียวกันยังคงบอบบางไม่ต่างจากวันแรกที่เห็น...เมื่อสิบเก้าปีมาแล้ว เธอนั่งพับเพียบอยู่หน้าหีบไม้สักทาสีขาว จำหลักลวดลายลงรักงดงาม ลายนั้นเน้นความหนักแน่นมั่นคงตามบุคลิกของผู้นอนสงบอยู่ภายใน ตรงหน้าร่างน้อยเป็นกระถางธูป ควันจากธูปซึ่งยังมอดไม่หมดลอยอ้อยอิ่ง แสงสีเหลืองนวลไม่จัดจ้านักจากโคมไฟติดเพดานให้ภาพที่ชวนอ้างว้างเหงาหงอย คงไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเธอในเวลานี้  

    ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่เพียงประตู ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรเข้าไปทักทายในขณะนี้หรือจะคอยอีกครู่ เมื่อพิจารณาดูคนซึ่งนั่งสงบนิ่งโดดเดี่ยว ก็บอกได้ถึงความโศกเศร้าจากการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในครั้งนี้ จึงยังไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะในทันที

ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และชนิดที่คาดไม่ถึงของสามีเธอ ทำเอาเขาเองก็แทบไม่อยากเชื่อ ครั้งสุดท้ายที่มากราบ ‘เจ้าคุณ’ ก่อนท่านเดินทางไกลไปอังกฤษพร้อมภรรยา ท่านยังแข็งแรงดีอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะล้มป่วยรุนแรงขนาดนี้ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น

    แขกซึ่งมาฟังสวดพระอภิธรรมเพิ่งกลับกันหมด เขาสวนกับรถยนต์ของแขกคนสุดท้ายที่ประตูบ้านเมื่อครู่นี่เอง แม้จะมาถึงช้าไปนิดสำหรับวันนี้ หากก็ไม่ช้าจนเกินไปในเมื่อรู้ว่ายังมีสวดอีกหกวัน

    พอเห็นร่างบอบบางนั้นขยับตัว เขาจึงตัดสินใจจรดฝีเท้าเงียบกริบเข้าไปภายใน วางกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กที่หิ้วมาด้วยแอบไว้ข้างประตู

    เสียงฝีเท้าแม้เพียงแผ่วเบา หากเพราะความเงียบสงัดภายในห้องโถง คนซึ่งนั่งอยู่ก่อนจึงได้ยิน ใบหน้างามกระจ่างเหลียวมามอง รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นว่าเป็นใคร แม้ดวงหน้านวลละมุนนั้นจะเศร้าสร้อยเพียงไร หากทว่ารอยยิ้มแม้เพียงแผ่วจางก็ยังทำให้แจ่มใสขึ้นมากทีเดียว

    “กริช…” เสียงระฆังเงินเอ่ยทักทาย

    ชายหนุ่มประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ค้อมตัวเข้ามาทรุดลงนั่งพับเพียบ ทิ้งระยะห่างตามที่เห็นสมควร

    “…มาถึงนานแล้วหรือจ๊ะ”

    “เพิ่งถึงขอรับ กระผมเพิ่งได้รับโทรเลขจากพี่สมบุญ พอรู้เรื่องท่านก็จับรถไฟเที่ยวแรกมาเลยขอรับ”

    หญิงสาวผงกศีรษะรับรู้

    “คงต้องทิ้งงานมาใช่ไหม งานของกริชยุ่ง ที่จริงไม่อยากให้ต้องลำบากมาเลย”

    ชายหนุ่มตอบได้ทันควัน

    “ท่านมีพระคุณต่อกระผมล้นเหลือขอรับ ถึงงานจะยุ่งเพียงไรกระผมก็ต้องมา”

    ใช่เพียงเท่านั้นหรอก เมื่อรู้ว่าเธอสูญเสียผู้เป็นที่รักและเป็นหลักชัยในชีวิตไปเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รีบเร่งมาอยู่เคียงข้าง…เพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อปลอบใจ เพื่อประคับประคอง เพื่อช่วยเหลือในทุกสิ่งเท่าที่เธอจะยอมให้ทำ

    ยิ้มหม่นหมองกว้างขึ้นอีกนิดกับคำตอบนั้น พอจะหันมาหาทั้งตัวก็เห็นเขามองไปที่หีบศพ เข้าใจว่าคงต้องการเข้าไปกราบ จึงขยับหลีกทางให้เมื่อเขากลับขึ้นคุกเข่า

กริชคลานเข่าไปหน้าแท่นวางกระถางธูปและเชิงเทียน หยิบธูปจากกระจาดสานใบน้อยขึ้นมาจ่อกับเปลวไฟ ไม่รู้ตัวเลยว่าทางด้านหลังมีสายตาคู่อ่อนล้ากำลังเฝ้าดูทุกอิริยาบถอย่างชื่นชม

เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย บัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบสอง เรือนร่างซึ่งเคยผอมเก้งก้าง เวลานี้กลับสูงใหญ่ล่ำสัน เหมาะกับหน้าที่การงานที่ต้องตรากตรำบุกป่าฝ่าดงไปตามจับโจรผู้ร้ายและดูแลความสงบสุขของราษฎรในพื้นที่

หลังสงครามกริชเข้ารับตำแหน่งปลัดอำเภอนายางแทนตำแหน่งธรรมการอำเภอเมื่อตัวเขาเองรู้ว่าถนัดงานปกครองและปราบปรามมากกว่างานบริหาร ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อนายอำเภออรุณผู้ดำรงตำแหน่งนั้นมานานหลายปีเกษียณอายุจากราชการ กริชก็เข้ารับตำแหน่งนั้นแทน

หญิงสาวพิจารณาไหล่กว้างบึกบึนที่กำลังเคลื่อนไหวภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว ลำแขนแข็งแรงยื่นไปปักธูปลงในกระถาง แล้วก้มกราบศพผู้มีพระคุณได้อย่างนุ่มนวลชวนมอง คุณรามก็อายุไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้สักเท่าไรเมื่อครั้งที่รู้จักกันใหม่ๆ รูปร่างก็ไม่ต่างจากที่เห็นนี่เลย

    “คุณนวลพรรณไม่มาด้วยหรอกหรือ”

เธอเอ่ยปากถามเมื่อเขากลับลงนั่งพับเพียบสงบเสงี่ยมเช่นเดิม มองผ่านเขาไปทางประตู แต่ก็ไม่เห็นใครอื่นอีก

    ชายหนุ่มหน้าเสียไปนิดเมื่อได้ยินชื่อนั้น

    “ไม่ได้มาขอรับ” กระอึกกระอักคำตอบแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “สุชัยกับอำไพคงมาถึงกันพรุ่งนี้ขอรับ”

    "อำไพ..."

ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มสดใส เอ็นดูหญิงสาวซึ่งแต่งงานกับชายหนุ่มที่ตัวเองรับมาอุปการะแต่เล็กแต่น้อย

"...กำลังท้องใช่ไหม กี่เดือนแล้วล่ะนี่"

    นายอำเภอหนุ่มยิ้มตอบเมื่อเห็นใบหน้างดงามแจ่มใสยิ่งขึ้นอีก

    "เห็นว่าสี่ห้าเดือนแล้วขอรับ"

    “ต้องเดือดร้อนกันไปหมด อำไพก็กำลังท้อง”

    “ไม่เลยขอรับ งานท่าน อย่างไรกระผมกับสุชัยก็ต้องมา” เขามองกลับไปที่หีบศพ “คุณท่านคงป่วยอยู่ไม่นาน...ใช่ไหมขอรับ”

    เธอเหลียวมองตาม

    “ไม่นานเลยกริช” เงาจางๆ หล่อรื้นในดวงตาสีน้ำตาลพราวแสงระยับ สีหน้าซึ่งเมื่อครู่ดีขึ้นบ้างแล้ว กลับสลดลงอีกครั้ง “ไม่นานเลย…” น้ำเสียงเลื่อนลอยละม้ายคล้ายรำพึงกับตัวเอง

    “ตอนที่ท่านหนีจากเกาะตะรุเตา ท่านว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ลังกาวี ระยะทางเหมือนใกล้กัน แต่ถ้าต้องว่ายน้ำแบบนั้น มันไกลนะกริช เห็นเขาว่ามีจระเข้ชุกด้วยใช่ไหม”

    "ขอรับ"

    “ปอดท่านเสียไปข้างหนึ่ง ฉันไม่รู้เลยนะกริช ท่านไม่เคยบอกเลย ท่านแข็งแรงมาตลอดหลังจากนั้น ฉันยิ่งไม่เฉลียวใจ จนไปอังกฤษ ไปเจออากาศชื้นที่โน่นเข้า กลับมาท่านก็มีอาการปอดบวม หมอว่าปอดของท่านทำงานอยู่ข้างเดียว”

    เธอเล่าได้เพียงเท่านั้นก็ต้องถอนสะอื้น

    “ขอรับ คุณหญิง”

    ชายหนุ่มเข้าใจ รับรู้แผ่วเบา อยากพูดอะไรมากกว่านี้ อยากให้กำลังใจมากกว่านี้ หากก็ไม่กล้า ถึงกล้าก็รู้ว่าไม่สมควร คุณหญิงและเจ้าคุณของท่านมีพระคุณต่อชีวิตเขามากเพียงไรเขาไม่เคยลืม เส้นแบ่งนี้ยังคงหนาแน่นนัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่