หายไปไหนหลายวัน ละพวกน้าไม่เห็นแวะมากินหวากที่บ้านพ้ม หลังจากที่เห็นทั้ง น้าหลัม น้าสะหม้อ และน้าเจ๊กจ้อง ที่เดินมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ไปบ้านสะหม้อที่ อ.จะนะ มา น้าหลัมตอบ พร้อมกับยกส้มแป้นหัวจุกที่ใส่ผ้าซักอาบ (ผ้าขาม้า) มาพายเติบ เอา..เอามาฝาก
พร้อมว่าพายผ้าซักอาบลงข้างหน้าพ้ม
แหล้ว.ไนได้นกเขามาหม้าย พ้มถาม
นกเขาไม่มี มีแต่นกปืน เอาหม้าย น้าหลัมตอบแบบ กวน ๆ
เดี่ยว...ก่อนอีแหลงกันเรื่องอื่น ก็ถามไหรอิดได้หม้าย เจ็กจ้องแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเครียด ๆ
เรื่องไหร พ้มถาม..
บ่าวพอรู้เรื่องราวของ ปืนใหญ่พญาตานี มั้งหม้าย ไหนเล่าให้ฟัง อิดถี ไตเขาเอาไปไว้ที่กรุงเทพ ทั้งที่บ้านเมืองกะสงบสุขมานานแหล้ว
น่าจะคืนให้พี่น้องเราชาวตานีไป ชาวตานีจะได้ชื่นใจ ว่ารัฐจริงใจ
พ้ม หันไปแลหน้าน้าสะหม้อ ที่มองมาทางพ้มอยู่ก่อนแหล้ว เชิงขออนุญาติ เพราะน้าสะหม้อป็นคนเอาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของ
รัฐปัตตานี มาให้พ้มอ่าน..
ไตรน้าอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พ้มถามกลับ น้าเจ็กจ้อง ขณะที่เดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาให้
แกพลิกไปปลิกมาสองสามรอบแหล้วส่งหนังสือกลับให้พ้ม หร้อมกับหันมาแลพ้มอย่างเคือง ๆ
น้าได้ยินคนที่บ้านไอ้สะหม้อเขาแหลงกัน น้าฟังไม่หนัด ตามไอ้หม้อมันกะไม่เล่า แถมมันหยิกน้าให้ไปถามนายกเอาเอง ว่าไตรไม่เอาไปคืน
พี่น้องปัตตานีเขา
"หลังจากปัตตานี แพ้ สงคราม อิราฮิมสุกรี เขียนไว้ในประวัติราชอาณาจักร มลายูปัตตานี "
ว่า "การสูญเสียเอกราชของอาณาจักปาตานีครั้งนี้ มีความหมายอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ปาตานี จากความพยายามและความเสียสละของบรรดา
ราชาปาตานีเป็นเวลาน้อย ๆ ปีนั้น ได้รับผลตอบแทนอย่างน่าเศร้าสลด อธิปไตยของอาณาจักรปาตานี และเสรีภาพของชาปาตานี ก็ตกอยู่ภายใต้การ
ปกครองของชาวสยามจนตราบ เท่าทุกวันนี้"
หลังจากนั้น คนชนะกะยึดเอาปืนใหญ่ที่ยังใช้การได้ สองบอก ลงแพไปกรุงเทพ กับข้ออ้างอย่างหรู ๆ ว่า "เพื่อความสงบสุขสันติต่อไปในภายภาคหน้า "
ทั้งที่จริง แหล้ว.. มันน่าจะเป็นการตัดตอนแำลังของรัฐปัตตานีมากหว่า... สะหม้อแทรกขึ้นมาด้วยเสียงเครียด ๆ จนหน้าหลัมหันไปมองหน้า
กูว่าเลิกแหลงกันเรื่องนี้ดีหว่า ถ้ารัฐ เอาปืนใหญ่ที่วางไว้ที่กรุงเทพ เอาไปวางไว้ที่จังหวัดปัตตานี น่าจะได้ใจคนปัตตานี ไปเต็ม ๆ ...
น้าหลัม สรุป อย่างได้ใจ..
ปืนใหญ่นางพญาปัตตานี ชื้อใจคนปัตตานี หลัมแนะรัฐ
ไปบ้านสะหม้อที่ อ.จะนะ มา น้าหลัมตอบ พร้อมกับยกส้มแป้นหัวจุกที่ใส่ผ้าซักอาบ (ผ้าขาม้า) มาพายเติบ เอา..เอามาฝาก
พร้อมว่าพายผ้าซักอาบลงข้างหน้าพ้ม
แหล้ว.ไนได้นกเขามาหม้าย พ้มถาม
นกเขาไม่มี มีแต่นกปืน เอาหม้าย น้าหลัมตอบแบบ กวน ๆ
เดี่ยว...ก่อนอีแหลงกันเรื่องอื่น ก็ถามไหรอิดได้หม้าย เจ็กจ้องแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเครียด ๆ
เรื่องไหร พ้มถาม..
บ่าวพอรู้เรื่องราวของ ปืนใหญ่พญาตานี มั้งหม้าย ไหนเล่าให้ฟัง อิดถี ไตเขาเอาไปไว้ที่กรุงเทพ ทั้งที่บ้านเมืองกะสงบสุขมานานแหล้ว
น่าจะคืนให้พี่น้องเราชาวตานีไป ชาวตานีจะได้ชื่นใจ ว่ารัฐจริงใจ
พ้ม หันไปแลหน้าน้าสะหม้อ ที่มองมาทางพ้มอยู่ก่อนแหล้ว เชิงขออนุญาติ เพราะน้าสะหม้อป็นคนเอาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของ
รัฐปัตตานี มาให้พ้มอ่าน..
ไตรน้าอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พ้มถามกลับ น้าเจ็กจ้อง ขณะที่เดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาให้
แกพลิกไปปลิกมาสองสามรอบแหล้วส่งหนังสือกลับให้พ้ม หร้อมกับหันมาแลพ้มอย่างเคือง ๆ
น้าได้ยินคนที่บ้านไอ้สะหม้อเขาแหลงกัน น้าฟังไม่หนัด ตามไอ้หม้อมันกะไม่เล่า แถมมันหยิกน้าให้ไปถามนายกเอาเอง ว่าไตรไม่เอาไปคืน
พี่น้องปัตตานีเขา
"หลังจากปัตตานี แพ้ สงคราม อิราฮิมสุกรี เขียนไว้ในประวัติราชอาณาจักร มลายูปัตตานี "
ว่า "การสูญเสียเอกราชของอาณาจักปาตานีครั้งนี้ มีความหมายอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ปาตานี จากความพยายามและความเสียสละของบรรดา
ราชาปาตานีเป็นเวลาน้อย ๆ ปีนั้น ได้รับผลตอบแทนอย่างน่าเศร้าสลด อธิปไตยของอาณาจักรปาตานี และเสรีภาพของชาปาตานี ก็ตกอยู่ภายใต้การ
ปกครองของชาวสยามจนตราบ เท่าทุกวันนี้"
หลังจากนั้น คนชนะกะยึดเอาปืนใหญ่ที่ยังใช้การได้ สองบอก ลงแพไปกรุงเทพ กับข้ออ้างอย่างหรู ๆ ว่า "เพื่อความสงบสุขสันติต่อไปในภายภาคหน้า "
ทั้งที่จริง แหล้ว.. มันน่าจะเป็นการตัดตอนแำลังของรัฐปัตตานีมากหว่า... สะหม้อแทรกขึ้นมาด้วยเสียงเครียด ๆ จนหน้าหลัมหันไปมองหน้า
กูว่าเลิกแหลงกันเรื่องนี้ดีหว่า ถ้ารัฐ เอาปืนใหญ่ที่วางไว้ที่กรุงเทพ เอาไปวางไว้ที่จังหวัดปัตตานี น่าจะได้ใจคนปัตตานี ไปเต็ม ๆ ...
น้าหลัม สรุป อย่างได้ใจ..