ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า บทความต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของ จขกท ที่ต้องการนำเสนอความเห็นให้ใครหลาย ๆ คนที่ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต ระหว่างสถานะโสดหรือการมีคู่ครอง ความเห็นต่าง ๆ ในนี้จึงเป็นเพียงประสบการณ์จากตัวเองและคนรอบข้างในมุมมองที่ต้องการถ่ายทอดเพื่อให้บางคนเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้นและหาความสุขที่แท้จริงได้ไม่ยาก
เนื่องจากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ได้รับการปลูกฝังเรื่องของชีวิตคู่ครองว่า การมีคู่ครองคนรักจะทำให้ชีวิตเกิดความสมบูรณ์มากขึ้น แก่ตัวไปจะได้ไม่ลำบาก มีผู้สืบทอดเชื้อสายวงศ์ตระกูลต่อไป ไม่ว่าทั้งชายและหญิงก็ตาม และด้วยค่านิยมทางสังคมเป็นแรงกดดันขึ้นไปอีก ในลักษณะว่า ถ้าผู้หญิงอายุเกินเลข 3 ไปแล้วยังไม่สามารถหาคู่ครองหรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตน โอกาสก็จะน้อยลงไปทุกที ๆ ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความกระตือรือร้น เร่งรีบเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหานินทาได้ ทำให้บางครั้งคนที่เข้ามาในชีวิตก็ยังไม่ใช่ตัวจริง คบกันไม่นานก็มีอันเลิกไป หรือแม้กระทั่งแต่งงานกันไป ก็ต้องมีอันหย่าร้างกันไป อันเนื่องจากแรงกดดันจากสังคมหรือคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งครอบครัวของตัวเอง ในด้านของฝ่ายชาย ถ้าอายุมากแล้วยังไม่มีแฟน หรือยังไม่มีคู่ ก็จะถูกมองว่าเป็นเกย์บ้าง มีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า ถึงอยู่มาจนโสดได้ถึงทุกวันนี้ .. จขกท อยากบอกว่า จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ คนมีสิทธิที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปรับแรงกดดันจากสังคมหรือคนรอบข้างมากนัก ถ้าการเป็นโสดมันดีอยู่แล้วหรือมันให้ความสุขกับเรามากพอ และเราเองก็ไม่ได้มีควาผิดปกติใด ๆ .. สังคมปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ถ้าลองเหลียวมองดูประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ หรือ จีน ในตอนนี้จะเห็นได้ว่า ประชาชนของประเทศเหล่านี้ มีสถิติของการเลือกที่จะใช้สถานะโสดเกินกว่า 50% ไปแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการแข่งขัน การพึ่งพาตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่บางคนสามารถมายืนในตำแหน่งที่สูงกว่าฝ่ายชาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการมีชีวิตคู่อีกต่อไป หรือการรักความเป็นอิสระก็ตาม...
จริง ๆ แล้ว ทั้งสถานะของการใช้ชีวิตโสดหรือมีคู่ก็ตาม ต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป เหมือนอย่างที่คนมักจะพูดกันเสมอ ได้ยินกันจนชินหู ว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ยิ่งสังคมปัจจุบันซึ่งอยู่ในยุคของโลกออนไลน์ ความรวดเร็วในการตัดสินใจมีมากขึ้น ความอดทนของคนมีน้อยลง การเปลี่ยนคู่บ่อย ๆ จึงถือเป็นเรื่องปกติ ความไว้ใจ ความจริงใจมีให้กันน้อยลง ไม่จำเป็นต้องไปให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมาก นี่เป็นจุดอ่อนของความสัมพันธ์ที่ทำให้เราไม่สามารถเจอคนที่ใช่ที่จะครองรักกับเราไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเหมือนที่หลาย ๆ คนต้องการ สุดท้ายเราก็ได้พบเจอความทุกข์มากกว่าความสุข แต่แน่นอนว่า มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป สำหรับบางคนอาจจะประสบความสำเร็จในเรื่องของคู่ครองที่ดีก็มีเช่นกัน แต่ถ้าลองสำรวจดีดี จะพบว่าเปอร์เซ็นต์ของชีวิตครอบครัวในปัจจุบันมีอัตราการหย่าร้างกันมากขึ้น จากหลาย ๆ ปัจจัยที่กล่าวมา ส่วนคนที่ยังครองกันอยู่เป็นสิบ ยี่สิบปี อันนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีไป เพราะชีวิตคู่หรือชีวิตครอบครัว มันไม่ใช่อาศัยแค่ความรักอย่างเดียวทีจะประคองไปจนตลอดรอดฝั่งได้ มันมีตัวแปรอีกมากมายหลายอย่าง อาทิเช่น ความเข้าใจ ความอดทน ความซื่อสัตย์ การให้เกียรติกันและกัน ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เข้าใจหรือสามารถปรับความรู้สึกตัวเองได้แบบนี้ โอกาสที่คุณจะมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์คงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย...
สำหรับคนที่ยังโสดอยู่ หรือกำลังคิดว่าจะสละโสด หรือคนที่กำลังหาคู่ชีวิตดีดี ก็จงถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าจริง ๆ แล้วความสุขในชีวิตของคุณอยุ่ตรงไหน แน่นอนว่า ผญ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งย่อมต้องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีคู่ครองคนรักที่ดี แต่จงถามตัวเองว่าคุณพร้อมหรือยัง และนั่นคือสิ่งที่จะให้ความสุขกับคุณจริง ๆ หรือไม่ อย่าลืมว่า ในชีวิตคนเรานั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในชีวิตที่เราสามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองได้เช่นกัน การมีคนรักอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะบอกว่า คน ๆ นั้นจะเข้ามาสร้างความสุขให้กับคุณ หรือบางทีอาจจะนำความทุกข์มาให้แทน ... ที่ จขกท พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้แนะนำว่าให้คนที่อ่านมาอยู่เป็นโสดกันเถอะ หรือมองชีวิตคู่ว่าเป็นเรื่องเลวร้ายเกินไป เพียงแต่ต้องการให้เห็นถึงความต้องการของตัวเองที่ชัดเจนว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบสำหรับสถานะทั้งสองอย่างนี้ อยู่ที่ว่าคุณจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนหรือพอใจกับมันหรือไม่ ไม่มีคำตอบไดที่ถูกต้องสำหรับการเลือกสถานะของแต่ละคน เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกทางใด คุณก็จะพบทั้งความสุขและทุกข์ในคราวเดียวกัน เพียงแต่จะแตกต่างกันในรูปแบบเท่านั้นเอง....
สุดท้ายนี้จึงขอฝากข้อคิดดีดีข้างต้นในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดก็ตามที่คุณเป็นฝ่ายเลือกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุด คือ การยอมรับมัน เพราะคุณเป็นผู้เลือกเอง และสำหรับคนที่ยังโสด (แบบไม่ตั้งใจ) หรือโสด (เพราะเลือกเอง) หรือคนที่กำลังตามหารักแท้อยู่นั้น ก็ขอให้คุณค้นพบความสุขจากสิ่งที่คุณเลือก และเชื่อว่านั่นจะเป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตเรานั่นเอง....
โสดหรือมีคู่ อยู่ที่ตัวคุณเลือก
เนื่องจากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ได้รับการปลูกฝังเรื่องของชีวิตคู่ครองว่า การมีคู่ครองคนรักจะทำให้ชีวิตเกิดความสมบูรณ์มากขึ้น แก่ตัวไปจะได้ไม่ลำบาก มีผู้สืบทอดเชื้อสายวงศ์ตระกูลต่อไป ไม่ว่าทั้งชายและหญิงก็ตาม และด้วยค่านิยมทางสังคมเป็นแรงกดดันขึ้นไปอีก ในลักษณะว่า ถ้าผู้หญิงอายุเกินเลข 3 ไปแล้วยังไม่สามารถหาคู่ครองหรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตน โอกาสก็จะน้อยลงไปทุกที ๆ ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความกระตือรือร้น เร่งรีบเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหานินทาได้ ทำให้บางครั้งคนที่เข้ามาในชีวิตก็ยังไม่ใช่ตัวจริง คบกันไม่นานก็มีอันเลิกไป หรือแม้กระทั่งแต่งงานกันไป ก็ต้องมีอันหย่าร้างกันไป อันเนื่องจากแรงกดดันจากสังคมหรือคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งครอบครัวของตัวเอง ในด้านของฝ่ายชาย ถ้าอายุมากแล้วยังไม่มีแฟน หรือยังไม่มีคู่ ก็จะถูกมองว่าเป็นเกย์บ้าง มีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า ถึงอยู่มาจนโสดได้ถึงทุกวันนี้ .. จขกท อยากบอกว่า จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ คนมีสิทธิที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปรับแรงกดดันจากสังคมหรือคนรอบข้างมากนัก ถ้าการเป็นโสดมันดีอยู่แล้วหรือมันให้ความสุขกับเรามากพอ และเราเองก็ไม่ได้มีควาผิดปกติใด ๆ .. สังคมปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ถ้าลองเหลียวมองดูประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ หรือ จีน ในตอนนี้จะเห็นได้ว่า ประชาชนของประเทศเหล่านี้ มีสถิติของการเลือกที่จะใช้สถานะโสดเกินกว่า 50% ไปแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการแข่งขัน การพึ่งพาตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่บางคนสามารถมายืนในตำแหน่งที่สูงกว่าฝ่ายชาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการมีชีวิตคู่อีกต่อไป หรือการรักความเป็นอิสระก็ตาม...
จริง ๆ แล้ว ทั้งสถานะของการใช้ชีวิตโสดหรือมีคู่ก็ตาม ต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป เหมือนอย่างที่คนมักจะพูดกันเสมอ ได้ยินกันจนชินหู ว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ยิ่งสังคมปัจจุบันซึ่งอยู่ในยุคของโลกออนไลน์ ความรวดเร็วในการตัดสินใจมีมากขึ้น ความอดทนของคนมีน้อยลง การเปลี่ยนคู่บ่อย ๆ จึงถือเป็นเรื่องปกติ ความไว้ใจ ความจริงใจมีให้กันน้อยลง ไม่จำเป็นต้องไปให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมาก นี่เป็นจุดอ่อนของความสัมพันธ์ที่ทำให้เราไม่สามารถเจอคนที่ใช่ที่จะครองรักกับเราไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเหมือนที่หลาย ๆ คนต้องการ สุดท้ายเราก็ได้พบเจอความทุกข์มากกว่าความสุข แต่แน่นอนว่า มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป สำหรับบางคนอาจจะประสบความสำเร็จในเรื่องของคู่ครองที่ดีก็มีเช่นกัน แต่ถ้าลองสำรวจดีดี จะพบว่าเปอร์เซ็นต์ของชีวิตครอบครัวในปัจจุบันมีอัตราการหย่าร้างกันมากขึ้น จากหลาย ๆ ปัจจัยที่กล่าวมา ส่วนคนที่ยังครองกันอยู่เป็นสิบ ยี่สิบปี อันนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีไป เพราะชีวิตคู่หรือชีวิตครอบครัว มันไม่ใช่อาศัยแค่ความรักอย่างเดียวทีจะประคองไปจนตลอดรอดฝั่งได้ มันมีตัวแปรอีกมากมายหลายอย่าง อาทิเช่น ความเข้าใจ ความอดทน ความซื่อสัตย์ การให้เกียรติกันและกัน ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เข้าใจหรือสามารถปรับความรู้สึกตัวเองได้แบบนี้ โอกาสที่คุณจะมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์คงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย...
สำหรับคนที่ยังโสดอยู่ หรือกำลังคิดว่าจะสละโสด หรือคนที่กำลังหาคู่ชีวิตดีดี ก็จงถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าจริง ๆ แล้วความสุขในชีวิตของคุณอยุ่ตรงไหน แน่นอนว่า ผญ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งย่อมต้องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีคู่ครองคนรักที่ดี แต่จงถามตัวเองว่าคุณพร้อมหรือยัง และนั่นคือสิ่งที่จะให้ความสุขกับคุณจริง ๆ หรือไม่ อย่าลืมว่า ในชีวิตคนเรานั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในชีวิตที่เราสามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองได้เช่นกัน การมีคนรักอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะบอกว่า คน ๆ นั้นจะเข้ามาสร้างความสุขให้กับคุณ หรือบางทีอาจจะนำความทุกข์มาให้แทน ... ที่ จขกท พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้แนะนำว่าให้คนที่อ่านมาอยู่เป็นโสดกันเถอะ หรือมองชีวิตคู่ว่าเป็นเรื่องเลวร้ายเกินไป เพียงแต่ต้องการให้เห็นถึงความต้องการของตัวเองที่ชัดเจนว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบสำหรับสถานะทั้งสองอย่างนี้ อยู่ที่ว่าคุณจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนหรือพอใจกับมันหรือไม่ ไม่มีคำตอบไดที่ถูกต้องสำหรับการเลือกสถานะของแต่ละคน เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกทางใด คุณก็จะพบทั้งความสุขและทุกข์ในคราวเดียวกัน เพียงแต่จะแตกต่างกันในรูปแบบเท่านั้นเอง....
สุดท้ายนี้จึงขอฝากข้อคิดดีดีข้างต้นในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดก็ตามที่คุณเป็นฝ่ายเลือกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุด คือ การยอมรับมัน เพราะคุณเป็นผู้เลือกเอง และสำหรับคนที่ยังโสด (แบบไม่ตั้งใจ) หรือโสด (เพราะเลือกเอง) หรือคนที่กำลังตามหารักแท้อยู่นั้น ก็ขอให้คุณค้นพบความสุขจากสิ่งที่คุณเลือก และเชื่อว่านั่นจะเป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตเรานั่นเอง....