สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย สัตว์บางชนิดในโลกนี้
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว อยู่ในครรภ์มารดา
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว คลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่หนึ่ง ฯ
การจะเชื่อพระสูตรนี้ ว่ามีสัตว์ก้าวลงสู่ครรภ์มารดา ก็เท่ากับว่า เชื่อว่ามีภพที่แล้ว
มีการเกิดใหม่ในชาติใหม่ ในอัตภาพใหม่
ก็ท่านพุทธทาสไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ท่านเชื่อว่า ตายแล้วสูญ ดังนั้น พระสูตรที่มีเรื่องการเกิดใหม่ การมีเทพเทวดา ล้วนเป็นพระสูตรที่ท่านพุทธทาสไม่เชื่อ
ลองดู รายชื่อพระสูตรที่ท่านพุทธทาสไม่เชื่อสิ สอดคล้องกับอุทเฉททิฏฐิ ยิ่งนัก
ความไม่เชื่อเรื่องภพชาติ โยงไปถึง ความไม่เชื่อประวัติพระพุทธเจ้าในอดีตกาลที่บำเพ็ญบารมีมาสี่อสงไขยแสนกัป
โยงไปถึงเรื่องไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญู ไม่เชื่อว่าทรงรู้ทั่วถึงทุกอย่างในสามโลก
ท่านพุทธทาสคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนธรรมดา ที่มาจากขอทานหรือคนป่าก็ได้ ขอให้ฉลาดๆ หน่อย ก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ละ
ความเป็นอุทเฉททิฏฐิ ถ่ายทอดออกมากับงานของท่านมากมาย
ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิดในคำสอนของพระพุทธเจ้า จริงๆ..
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว อยู่ในครรภ์มารดา
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว คลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่หนึ่ง ฯ
การจะเชื่อพระสูตรนี้ ว่ามีสัตว์ก้าวลงสู่ครรภ์มารดา ก็เท่ากับว่า เชื่อว่ามีภพที่แล้ว
มีการเกิดใหม่ในชาติใหม่ ในอัตภาพใหม่
ก็ท่านพุทธทาสไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ท่านเชื่อว่า ตายแล้วสูญ ดังนั้น พระสูตรที่มีเรื่องการเกิดใหม่ การมีเทพเทวดา ล้วนเป็นพระสูตรที่ท่านพุทธทาสไม่เชื่อ
ลองดู รายชื่อพระสูตรที่ท่านพุทธทาสไม่เชื่อสิ สอดคล้องกับอุทเฉททิฏฐิ ยิ่งนัก
ความไม่เชื่อเรื่องภพชาติ โยงไปถึง ความไม่เชื่อประวัติพระพุทธเจ้าในอดีตกาลที่บำเพ็ญบารมีมาสี่อสงไขยแสนกัป
โยงไปถึงเรื่องไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญู ไม่เชื่อว่าทรงรู้ทั่วถึงทุกอย่างในสามโลก
ท่านพุทธทาสคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนธรรมดา ที่มาจากขอทานหรือคนป่าก็ได้ ขอให้ฉลาดๆ หน่อย ก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ละ
ความเป็นอุทเฉททิฏฐิ ถ่ายทอดออกมากับงานของท่านมากมาย
ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิดในคำสอนของพระพุทธเจ้า จริงๆ..
ความคิดเห็นที่ 11
“ ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประเสริฐ ผู้ที่จะไปเกิดใหม่นั้น ไม่ได้ก้าวย่างไปด้วย แต่ถือกำเนิดได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ? ”
“ อย่างนั้น มหาบพิตร”
“ ถ้าอย่างนั้นขอนิมนต์อุปมา ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่าบุรุษผู้หนึ่งเอาประทีปมาต่อประทีป ประทีปจะก้าวไปจากประทีปเก่าหรือไม่ ? ”
“ ไม่ก้าวไป พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ”
“ ขอนิมนต์อุปมาอีก ”
“ ขอถวายพระพร มหาบพิตรคงจำได้ว่าในเวลาที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ มีพระชันษาได้ ๑๐ ได้รับวิชาเลขและวิชากการต่าง ๆ ในสำนักอาจารย์หรือ ? ”
“ ได้รับ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร วิชาเลขและศิลปะต่าง ๆ นั้น ก้าวย่างไปจากอาจารย์หรือไม่ ? ”
“ ไม่ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่จะไปเกิดใหม่นั้น ไม่ได้ก้าวย่างไปเลย แต่ถือกำเนิดได้ ”
“ ถูกต้องดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”
“ อย่างนั้น มหาบพิตร”
“ ถ้าอย่างนั้นขอนิมนต์อุปมา ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่าบุรุษผู้หนึ่งเอาประทีปมาต่อประทีป ประทีปจะก้าวไปจากประทีปเก่าหรือไม่ ? ”
“ ไม่ก้าวไป พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ”
“ ขอนิมนต์อุปมาอีก ”
“ ขอถวายพระพร มหาบพิตรคงจำได้ว่าในเวลาที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ มีพระชันษาได้ ๑๐ ได้รับวิชาเลขและวิชากการต่าง ๆ ในสำนักอาจารย์หรือ ? ”
“ ได้รับ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร วิชาเลขและศิลปะต่าง ๆ นั้น ก้าวย่างไปจากอาจารย์หรือไม่ ? ”
“ ไม่ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่จะไปเกิดใหม่นั้น ไม่ได้ก้าวย่างไปเลย แต่ถือกำเนิดได้ ”
“ ถูกต้องดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”
ความคิดเห็นที่ 12
“ ข้าแต่พระนาคเสน สภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ก้าวไปจากกายนี้สู่กายอื่นมีอยู่หรือ ? ”
“ ขอถวายพระพร ไม่มีเลย ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าสภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ก้าวจากกายนี้ไปสู่กายอื่นไม่มี บุคคลก็จะพ้นจากบาปกรรมทั้งหลายมิใช่หรือ ”
“ ขอถวายพระพร ถ้าเขาไม่เกิดอีก ก็จะพ้นจากบาปกรรมทั้งหลาย แต่เพราะเขายังเกิดอยู่ เขาจึงไม่พ้นจากบาปกรรมทั้งหลาย ”
“ ขอนิมนต์อุปมาด้วย ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเช่นเดียวกับบุรุษคนหนึ่ง ขโมยมะม่วงที่ผู้อื่นปลูกไว้ เขาควรจักต้องได้รับโทษหรือไม่ ? ”
“ ควรได้รับโทษ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร มะม่วงที่บุรุษนั้นขโมยไป ไม่ใช่มะม่วงลูกที่บุรุษนั้นปลูกไว้เหตุใดผู้ขโมยจึงควรได้รับโทษ ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มะม่วงเหล่านั้นอาศัยมะม่วงลูกที่บุรุษนั้นปลูกไว้ จึงเกิดเป็นลำดับขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ขโมยจึงควรได้รับโทษ ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือบุคคลย่อมทำกรรมดีหรือชั่วไว้ด้วย นามรูปนี้ แล้ว นามรูปอื่น ก็เกิดขึ้นด้วยกรรมนั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่พ้นจากบาปกรรม ”
“ แก้ดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร ไม่มีเลย ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าสภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ก้าวจากกายนี้ไปสู่กายอื่นไม่มี บุคคลก็จะพ้นจากบาปกรรมทั้งหลายมิใช่หรือ ”
“ ขอถวายพระพร ถ้าเขาไม่เกิดอีก ก็จะพ้นจากบาปกรรมทั้งหลาย แต่เพราะเขายังเกิดอยู่ เขาจึงไม่พ้นจากบาปกรรมทั้งหลาย ”
“ ขอนิมนต์อุปมาด้วย ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเช่นเดียวกับบุรุษคนหนึ่ง ขโมยมะม่วงที่ผู้อื่นปลูกไว้ เขาควรจักต้องได้รับโทษหรือไม่ ? ”
“ ควรได้รับโทษ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร มะม่วงที่บุรุษนั้นขโมยไป ไม่ใช่มะม่วงลูกที่บุรุษนั้นปลูกไว้เหตุใดผู้ขโมยจึงควรได้รับโทษ ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มะม่วงเหล่านั้นอาศัยมะม่วงลูกที่บุรุษนั้นปลูกไว้ จึงเกิดเป็นลำดับขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ขโมยจึงควรได้รับโทษ ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือบุคคลย่อมทำกรรมดีหรือชั่วไว้ด้วย นามรูปนี้ แล้ว นามรูปอื่น ก็เกิดขึ้นด้วยกรรมนั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่พ้นจากบาปกรรม ”
“ แก้ดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”
แสดงความคิดเห็น
พระเงื่อม ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในธรรมของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ?
: เหตุผลที่จะวิพากย์ พระไตรปิฏก , สังคีติสูตร หมวด ๔ มีการก้าวลงสู่ครรภ์ มี "สัตว์" เป็นผู้ก้าว
(มีผู้นำมาทำเป็นหนังสือ ชื่อ พุทธทาสลิขิต หน้า ๑๕๕)
นี่คือแสดงให้เห็นว่า : พระเงื่อมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในธรรมของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ?
หมายเหตุ นามพระเงื่อม : พระเงื่อม อินฺทปญฺโญ ; (ตั้งชื่อด้วยตนเองว่า พุทธทาส)
สังคีติสูตร (บางส่วน)
[๒๖๔] การก้าวลงสู่ครรภ์ ๔ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย สัตว์บางชนิดในโลกนี้
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว อยู่ในครรภ์มารดา
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว คลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่หนึ่ง ฯ
๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก สัตว์บางชนิดในโลกนี้
เป็นผู้รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา แต่เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์มารดาข้อที่สอง ฯ
๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก สัตว์บางชนิดในโลกนี้
เป็นผู้รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา เป็นผู้รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา
แต่เป็นผู้ไม่รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่สาม ฯ
๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก สัตว์บางชนิดในโลกนี้
เป็นผู้รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา เป็นผู้รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา
เป็นผู้รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา นี้การก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่สี่ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=11&item=264&items=12&preline=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221
เนื้อความในสังคีติสูตร ตรงกันกับ ใน สัมปสาทนียสูตร
สัมปสาทนียสูตร (บางส่วน)
[๗๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง เป็นข้อธรรมที่เยี่ยม คือ
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมในการก้าวลงสู่ครรภ์ การก้าวลงสู่ครรภ์ ๔ เหล่านี้ คือ-
สัตว์บางชนิดในโลกนี้ ไม่รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา
ไม่รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา ไม่รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา นี้เป็นการก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่ ๑ ฯ
ยังอีกข้อหนึ่ง
สัตว์บางชนิดในโลกนี้ รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดาอย่างเดียว
แต่ไม่รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา ไม่รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา
นี้เป็นการก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่ ๒ ฯ
ยังอีกข้อหนึ่ง
สัตว์บางชนิดในโลกนี้ รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดา
รู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา แต่ไม่รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา
นี้เป็นการก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่ ๓ ฯ
ยังอีกข้อหนึ่ง
สัตว์บางชนิดในโลกนี้ รู้สึกตัวก้าวลงสู่ครรภ์มารดารู้สึกตัวอยู่ในครรภ์มารดา
รู้สึกตัวคลอดจากครรภ์มารดา นี้เป็นการก้าวลงสู่ครรภ์ข้อที่ ๔ ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้ก็เป็นข้อธรรมที่เยี่ยม ในการก้าวลงสู่ครรภ์ ฯ
.
.
.
[๙๓] ...ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า
เพราะเหตุนั้นแลสารีบุตร เธอพึงกล่าวธรรมปริยายนี้เนืองๆ
แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายในธรรมวินัยนี้
ดูกรสารีบุตร
ความสงสัยหรือความเคลือบแคลงในตถาคตซึ่งจักยังมีอยู่บ้างแก่โมฆบุรุษทั้งหลาย
พวกเขาจักละเสียได้ เพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=11&A=2130
ตัวอย่าง พระเงื่อม "ยอมรับไม่ได้" กับเนื้อความในพระไตรปิฏก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กระทู้ คำถาม เกี่ยวกับพระเงื่อม
ใครคือพระศาสดา ใครคือผู้เดินตาม ? ควรจะเชื่อถือคำพูดของพระเงื่อมหรือไม่ ?
http://ppantip.com/topic/35631143
มฆเทวสูตร ไร้สาระสำหรับสมัยนี้จริงหรือ ?
http://ppantip.com/topic/35635181